BRN แถลงไม่ปฏิเสธเจรจา แต่ต้องจริงใจ มีผู้แทนรัฐอื่นเป็นคนกลาง-สังเกตการณ์
บีอาร์เอ็น ออกแถลงการณ์ความยาว 4 หน้าเป็นภาษาอังกฤษ ย้ำจุดยืนไม่ไว้วางใจกระบวนการพูดคุยเพื่อสันติสุขของรัฐบาลไทย แต่ไม่ปฏิเสธการเจรจาสันติภาพ แต่ต้องมีผู้ไกล่เกลี่ยและสังเกตการณ์จากต่างประเทศ ขณะที่สถานการณ์ชายแดนใต้ป่วน บึ้มบาเจาะ-ยี่งอ-สุไหงปาดี
กลุ่มบีอาร์เอ็น ซึ่งหน่วยงานความมั่นคงไทยเชื่อว่ามีบทบาทสูงสุดในสถานการณ์ความไม่สงบในจังหวัดชายแดนภาคใต้กว่า 1 ทศวรรษที่ผ่านมา ออกแถลงการณ์เป็นเอกสารภาษาอังกฤษ ลงท้ายว่ามาจากแผนกประชาสัมพันธ์ของขบวนการ ณ วันจันทร์ที่ 12 ตุลาคม 2558
สาระสำคัญของแถลงการณ์ คล้ายๆ กับเนื้อหาในคลิปวีดีโอที่แถลงโดย นายอับดุลการิม คาลิบ ที่ออกมาเมื่อวันอังคารที่ 8 กันยายน 2558 คือ ไม่ไว้วางใจกระบวนการพูดคุยเพื่อสันติสุขจังหวัดชายแดนภาคใต้ในปัจจุบัน เพราะไม่ไว้วางใจรัฐบาลไทย โดยหากจะให้กลุ่มเคลื่อนไหวไว้วางใจ ต้องมีคนกลางและผู้สังเกตการณ์จากนานาชาติเข้าร่วมสังเกตการณ์การพูดคุย
ประเด็นที่เป็นข้อเสนอดังกล่าว ตรงกับส่วนหนึ่งของข้อเรียกร้องของบีอาร์เอ็น เมื่อครั้งร่วมโต๊ะพูดคุยสันติภาพกับรัฐบาลไทย เมื่อปี 2556 ซึ่งมี นายฮัสซัน ตอยิบ แกนนำบีอาร์เอ็น เป็นหัวหน้าคณะพูดคุยฝ่ายผู้เห็นต่างจากรัฐ ขณะที่ฝ่ายไทยในขณะนั้นมี พลโทภราดร พัฒนถาบุตร อดีตเลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ เป็นหัวหน้า
เจรจาต้องจริงใจ-มีผู้แทน ตปท.ร่วม
สำหรับคำแปลโดยสรุปของแถลงการณ์บีอาร์เอ็น ระบุว่า แนวร่วมปฏิวัติแห่งชาติปัตตานี หรือบีอาร์เอ็น แถลงว่า นับตั้งแต่ปี พ.ศ.2503 ถึงทุกวันนี้ นับเป็นเวลา 55 ปีแล้วที่บีอาร์เอ็นได้ปกป้องเสรีภาพของปัตตานีผ่านกระบวนการปฏิวัติประชาชน ซึ่งบีอาร์เอ็นได้รับบทเรียนอันทรงคุณค่าในช่วงเวลาของการต่อสู้เพื่อเอกราช ว่าการต่อสู้อย่างไม่ลดละ ทำให้ความเสียสละอันยิ่งใหญ่และการตัดสินใจอันแน่วแน่ในการรักษาความไว้วางใจของประชาชนผู้เจ็บปวดเป็นจริงขึ้นมาได้ ทั้งหลายทั้งปวงคือ เอกราชไม่ได้มาด้วยการยึดครอง หรือผ่านข้อจำกัดแห่งการร้องขอ
ทั้งนี้ ไม่ได้หมายความว่าบีอาร์เอ็นปฏิเสธกระบวนการสันติภาพผ่านการเจรจาสันติภาพและการเจรจาต่อรอง แต่กระบวนการสันติภาพจะต้องมีเกียรติและจริงใจ ต้องมีความจริงใจในการปฏิบัติ กระบวนการสันติภาพต้องไม่ถูกใช้เป็นกลอุบายทางการเมือง เพื่อหลอกลวงและบั่นทอนความก้าวหน้าในยุทธศาสตร์ของชาวปัตตานี การเจรจาต่อรองจะต้องกระทำอย่างเป็นทางการ สอดคล้องกับมาตรฐานและปทัสถานระหว่างประเทศ ซึ่งต้องมีผู้ไกล่เกลี่ยและผู้สังเกตการณ์จากรัฐอื่นมามีส่วนร่วมด้วย เพราะสิ่งที่ปัตตานีกังวลคือการที่รัฐหนึ่งเข้ายึดครองรัฐอื่น อีกทั้งสถานะและการดำรงอยู่ของชาติปัตตานีจะต้องได้รับการยอมรับ
บีอาร์เอ็นเชื่อว่า ประชาชนทุกคนของปัตตานี ไม่ว่าจะมีภูมิหลังหรือศาสนาใด สมควรมีชีวิตที่ดีขึ้นในอนาคต นั่นคือปลอดการยึดครอง ปลอดการกดขี่ และปลอดการเลือกปฏิบัติ
ท่อนท้ายของแถลงการณ์ บีอาร์เอ็นระบุด้วยว่า “ไม่ใช่เรื่องที่เป็นไปไม่ได้ที่ปัตตานีจะได้รับอิสรภาพ อิสรภาพ อิสรภาพ”
บึ้มบาเจาะไร้เจ็บ-เจอระเบิดถังแก๊สอีก 2 ลูก
วันเดียวกันนี้ เกิดเหตุระเบิดหลายจุดในพื้นที่สามจังหวัดชายแดนภาคใต้ โดยเมื่อเวลา 07.05 น. คนร้ายไม่ทราบจำนวน ลอบวางระเบิดโจมตีทหารชุดลาดตระเวน ขณะปฏิบัติหน้าที่อยู่บนทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 42 (ปัตตานี-นราธิวาส) ท้องที่บ้านต้นไทร หมู่ 6 ตำบลปะลุกาสาเมาะ อำเภอบาเจาะ จังหวัดนราธิวาส โชคดีแรงระเบิดไม่ทำให้กำลังพลได้รับอันตราย
สำหรับทหารที่ถูกโจมตีด้วยระเบิด คือ ชุดปฏิบัติการลาดตระเวนเพื่อรักษาความปลอดภัยเส้นทาง ของหน่วยเฉพาะกิจนราธิวาส 32
ต่อมาเจ้าหน้าที่ชุดเก็บกู้ทำลายวัตถุระเบิด หรือ อีโอดี ได้นำกำลังรุดไปตรวจสอบ พบบริเวณที่เกิดเหตุมีวัตถุระเบิดวางไว้อีก 2 ลูก ลูกแรกวางไว้ใกล้กับกองทรายข้างถนน ลูกที่สองวางไว้ใต้ผิวถนน เป็นระเบิดชนิดแสวงเครื่อง บรรจุในถังแก๊ส เจ้าหน้าที่เก็บกู้เอาไว้ได้อย่างปลอดภัย
ระเบิดซ้ำที่ยี่งอ เจ็บ 3 - สุไหงปาดีไร้เจ็บ
เวลา 12.25 น. คนร้ายไม่ทราบจำนวนลอบวางระเบิดบริเวณหน้าร้านชาพะยอม ในเขตเทศบาลตำบลยี่งอ อำเภอยี่งอ จังหวัดนราธิวาส เบื้องต้นมีตำรวจได้รับบาดเจ็บ 3 นาย ทราบชื่อคือ ร้อยตำรวจโทบัณฑิต ชูชาติ, สิบตำรวจโทพิศาล แก้วดี และ สิบตำรวจโทอับดุลการิม อารง
เวลา 13.05 น. เกิดระเบิดขึ้นอีกจุดหนึ่ง บริเวณสะพานเจาะน้ำใส ท้องที่หมู่ 3 ตำบลปะลุรู อำเภอสุไหงปาดี จังหวัดนราธิวาส ยังไม่มีรายงานผู้ได้รับบาดเจ็บ
พบระเบิดหวังดับไฟเหตุโจมตีฐานทหารพราน
ส่วนที่โรงเรียนบ้านน้ำหอม หมู่ 7 ตำบลดุซงญอ อำเภอจะแนะ จังหวัดนราธิวาส เจ้าหน้าที่พบระเบิดแสวงเครื่องวางไว้บริเวณโคนเสาไฟฟ้า จุดระเบิดด้วยการตั้งเวลา โดยที่ถุงพลาสติกห่อวงจรเขียนข้อความแปลได้ว่า “15 นาที” น่าจะหมายถึงการตั้งเวลาระเบิดหลังวาง 15 นาที
ก่อนหน้านี้ กลุ่มก่อความไม่สงบได้จัดกำลังเข้าโจมตีฐานของทหารพรานที่โรงเรียนบ้านน้ำหอม เมื่อวันศุกร์ที่ 9 ตุลาคมที่ผ่านมา คาดว่าคนร้ายต้องการใช้ระเบิดดังกล่าวตัดกระแสไฟฟ้า แต่ปรากฏว่าวงจรจุดระเบิดไม่ทำงาน ทำให้ปฏิบัติการผิดพลาด
สำหรับเหตุโจมตีฐานปฏิบัติการของทหารพรานที่โรงเรียนบ้านน้ำหอม เกิดขึ้นเมื่อวันศุกร์ที่ 9 ตุลาคม เวลาประมาณ 01.45 น. คนร้ายไม่ทราบจำนวนใช้อาวุธปืนสงครามยิงใส่ฐานปฏิบัติการย่อย กองร้อยทหารพรานที่ 4606 (ร้อย.ทพ.4606) หน่วยเฉพาะกิจกรมทหารพรานที่ 46 ซึ่งตั้งฐานอยู่ในโรงเรียนบ้านน้ำหอม ทำให้ อาสาสมัครทหารพราน (อส.ทพ.) คมสัน กอหลัง อายุ 25 ปี ภูมิลำเนาอยู่จังหวัดสตูล ได้รับบาดเจ็บ
ทั้งนี้ ฝ่ายทหารพรานได้จัดกำลังยิงตอบโต้จนคนร้ายล่าถอยไป จากนั้นได้เข้าเคลียร์พื้นที่ พบปลอกกระสุนปืนเอ็ม 16 เครื่องกระสุน และปลอกกระสุนปืนสงครามนาโต้จำนวนมาก รวมทั้งระเบิดแสวงเครื่องที่ประกอบใส่กระป๋องปลากระป๋องกว่าสิบกระป๋อง และน้ำมันเชื้อเพลิง จึงยึดของกลางทั้งหมดไว้ตรวจสอบ
ช่วงเวลาใกล้เคียงกัน คนร้ายได้วางเพลิงเผาตู้เอทีเอ็มของธนาคารกรุงไทย ซึ่งตั้งอยู่ข้างปั๊มน้ำมัน ปตท. ในชุมชนตลาดดุงซงญอ เสียหายจำนวน 1 ตู้ด้วย
ดักบึ้มรถตำรวจจะแนะ-ชาวบ้านเจ็บ 3
วันเสาร์ที่ 10 ตุลาคม เวลา 11.25 น. คนร้ายไม่ทราบจำนวนลอบวางระเบิดโจมตีรถกระบะของตำรวจ สภ.จะแนะ จังหวัดนราธิวาส แต่ระเบิดพลาดเป้า ทำให้ประชาชนได้รับบาดเจ็บเล็กน้อย 3 ราย ทราบชื่อคือ นายฮาซัน บาแย อายุ 31 ปี ภูมิลำเนาอยู่ที่ตำบลกาลิซา อำเภอระแงะ จังหวัดนราธิวาส, นางรอตีป๊ะ จิ อายุ 35 ปี และ นายอิบรอฮิม มือลอ อายุ 42 ปี สองสามีภรรยา อยู่บ้านเลขที่ 6/4 หมู่ 6 ตำบลกาลิซา อำเภอระแงะ โดยทั้งสามคนขี่รถจักรยานยนต์ผ่านจุดระเบิดพอดี ทำให้ถูกสะเก็ดระเบิดได้รับบาดเจ็บ เหตุเกิดบนถนนสายชนบท บ้านจือลาดี บ้านย่อยของบ้านกาลิซา หมู่ 2 ตำบลกาลิซา
-----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
บรรยายภาพ :
1-5 แถลงการณ์ของกลุ่มบีอาร์เอ็น
6 เหตุระเบิดที่อำเภอบาเะจาะ จังหวัดนราธิวาส
7 เจ้าหน้าที่ปิดกั้นถนนใกล้กับจุดระเบิดในเขตเทศบาลตำบลยี่งอ