'ประยุทธ์' ตอบรับประชุมเอเปค พ.ย.นี้ ที่ฟิลิปปินส์
"พล.อ.ประยุทธ์" ตอบรับร่วมประชุมเอเปค พ.ย.นี้ ที่ฟิลิปปินส์ หลังทูตฟิลิปปินส์เข้าพบที่ทำเนียบ
ผู้สื่อข่าวรายงานจากทำเนียบรัฐบาลว่า พล.ต.วีรชน สุคนธปฏิภาค รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า เมื่อเวลา 13.30 น. นางแมรี โจ เอ. แบร์นาร์โด-อารากน เอกอัครราชทูตแห่งสาธารณรัฐฟิลิปปินส์ เข้าเยี่ยมคารวะพลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ณ ห้องสีงาช้าง ตึกไทยคู่ฟ้า ในโอกาสเข้ารับตำแหน่งใหม่ โดยทั้งสองฝ่ายกล่าวยินดีที่ได้พบกัน โดยนายกรัฐมนตรีกล่าวแสดงความยินดีกับเอกอัครราชทูตฯ ที่ได้รับการแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งเอกอัครราชทูตฟิลิปปินส์ประจำประเทศไทย เชื่อมั่นว่าด้วยความรู้และความสามารถ เอกอัครราชทูตฯ จะมีบทบาทสำคัญในการส่งเสริมความสัมพันธ์ระหว่างไทยกับฟิลิปปินส์
ทั้งนี้รัฐบาลไทยพร้อมร่วมมือ และอำนวยความสะดวกในการปฏิบัติงานที่ประเทศไทยของเอกอัครราชทูตฯ เพื่อส่งเสริมความเป็นหุ้นส่วนเพื่อความเจริญรุ่งเรืองระหว่างสองประเทศ และในโอกาสที่ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี จะเสด็จฯ เยือนฟิลิปปินส์เพื่อเยี่ยมชมโครงการพัฒนาเด็กและเยาวชนในพระราชูปถัมภ์ของอ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ในเดือนมกราคม 2559 นายกรัฐมนตรีได้กล่าวขอความร่วมมือจากเอกอัครราชทูตฟิลิปปินส์ประจำประเทศ ไทยและรัฐบาลฟิลิปปินส์ในการรับเสด็จฯ
พล.ต.วีรชน กล่าวอีกว่า สำหรับสถานการณ์ทางการเมืองไทย นายกรัฐมนตรีกล่าวยืนยัน รัฐบาลดำเนินการตามกรอบระยะเวลาเพื่อการปฏิรูปประเทศ ส่วนกรณีเหตุการณ์สี่แยกราชประสงค์ ทางการไทยสามารถควบคุมสถานการณ์ได้ และได้ดำเนินมาตรการในการช่วยเหลือผู้ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์ดังกล่าว โดยเอกอัครราชทูตฯกล่าวขอบคุณรัฐบาลไทยที่ให้การดูแลชาวฟิลิปปินส์ที่ได้รับ บาดเจ็บ ซึ่งตอนนี้อาการดีขึ้นและได้เดินออกจากประเทศไทยแล้ว โดยรัฐบาลจะดูแลความปลอดภัยของนักท่องเที่ยวที่เดินทางมาท่องเที่ยวใน ไทยอย่างดีที่สุด นอกจากนี้ นายกรัฐมนตรีได้กล่าวฝากความระลึกถึงไปยังประธานาธิบดีฟิลิปปินส์ พร้อมขอบคุณที่ให้การต้อนรับอย่างสมเกียรติและอบอุ่น ในการเยือนฟิลิปปินส์อย่างเป็นทางการที่ผ่านมา ซึ่งนายกรัฐมนตรีพอใจผลการเยือน ที่ช่วยกระตุ้นความสัมพันธ์ระหว่างสองประเทศให้มีพลวัต โดยทั้งสองฝ่ายควรให้ความสำคัญกับการติดตามการดำเนินการตามผลการเยือนให้มีความคืบหน้าอย่างเป็นรูปธรรม
รองโฆษกฯ กล่าวอีกว่าในโอกาสนี้ นายกรัฐมนตรีกล่าวขอเอกอัครราชทูตฯ ให้ช่วยติดตามและเร่งรัดการดำเนินการตามผลการเยือนฟิลิปปินส์ให้มีความคืบหน้าโดยเร็ว ทั้งการจัดการประชุมคณะ กรรมาธิการร่วมว่าด้วยความร่วมมือทวิภาคีระหว่างไทยกับฟิลิปปินส์ (Joint Commission for Bilateral Cooperation – JCBC) ครั้งที่ 6 ซึ่งฝ่ายไทยจะเป็นเจ้าภาพในปีนี้ การประชุมคณะกรรมการร่วมด้านการค้า (JTC) การประชุมคณะกรรมการร่วมว่าด้วยความร่วมมือทางทหาร (JCMC) ซึ่งฝ่ายฟิลิปปินส์จะเป็นเจ้าภาพการส่งเสริมความร่วมมือด้านการค้าและการลงทุน การเชื่อมโยงด้านการท่องเที่ยวทางถนน (ไทย-กัมพูชา-เวียดนามและมาเลเซีย)และเรือสำราญ ความร่วมมือด้านวิชาการและการเกษตร
โดยฝ่ายไทยจะเป็นเจ้าภาพจัดการประชุมวิชาการระหว่างไทยกับฟิลิปปินส์ครั้งแรกการแลกเปลี่ยนประสบการณ์ด้านการบริหารจัดการแรงงานและการให้ความช่วยเหลือด้านกงสุลแก่แรงงานชาวไทยและฟิลิปปินส์ในประเทศที่สาม และการเร่งรัดหาข้อสรุปความตกลงและบันทึกความเข้าใจที่คั่งค้างต่างๆ
นอกจากนี้ทั้งสองฝ่ายยินดีที่ปริมาณการค้าในช่วงปีที่ผ่านมาเพิ่มขึ้นร้อยละ 10 และหวังให้ทั้งสองฝ่ายร่วมมือกันเพื่อเพิ่มปริมาณทางการค้าและลดอุปสรรคทางการค้าระหว่างกันต่อไป และนายกรัฐมนตรียังได้กล่าวขอการสนับสนุนจากรัฐบาลและเอกอัครราชทูตฟิลิปปินส์ฯให้พิจารณานำเข้าข้าวคุณภาพชั้นดีจากไทย
ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรียังได้กล่าวขอให้เอกอัครราชทูตฟิลิปปินส์ฯ ช่วยเร่งรัดบันทึกความเข้าใจด้านบริการเดินอากาศ ซึ่งจะช่วยส่งเสริมความร่วมมือด้านการท่องเที่ยวและบริการระหว่างสองประเทศ มากยิ่งขึ้น เนื่องจากไทยและฟิลิปปินส์มีศักยภาพในด้านนี้ โดยขณะนี้ไทยกำลังดำเนินการปรับปรุงท่าเรือ และสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ รวมทั้งการพิจารณาเพิ่มเที่ยวบินตรงระหว่างประเทศ ซึ่งนายกรัฐมนตรีจะนำเรื่องนี้ไปหารือในการประชุมอาเซียนปลายปีนี้ด้วย
ในตอนท้าย นายกรัฐมนตรีกล่าวขอบคุณไปยังประธานาธิบดีฟิลิปปินส์สำหรับการเชิญเยือนฟิลิปปินส์เพื่อเข้าร่วมการประชุมผู้นำเอเปคในเดือนพฤศจิกายน 2558 ซึ่งนายกรัฐมนตรียินดีเข้าร่วมการประชุมฯ
ขอบคุณข่าวจาก