หวั่นข้าวแจสแมน 2 ตีตลาดหอมมะลิไทย
"พาณิชย์" จับตาสหรัฐปรับปรุงพันธุ์ข้าวแจสแมน 2 ผลผลิตดีกว่า-ขายถูกบุกตลาดโลกคุณสมบัติเทียบข้าวหอมมะลิไทย
รายงานข่าวจากสำนักงานส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ ณ นครชิคาโก ประเทศสหรัฐ แจ้งว่า ขณะนี้คณะวิจัยการเกษตรของมหาวิทยาลัยหลุยส์เซียนารัฐหลุยส์เซียนา ได้พัฒนาปรับปรุงคุณภาพข้าวแจสแมนใหม่ หรือแจสแมน 2 ให้มีคุณสมบัติดีกว่าเดิม โดยจะมีคุณสมบัติใกล้เคียงกับข้าวหอมมะลิของไทย
ทั้งนี้ คณะวิจัยกำลังจัดจำหน่ายเมล็ดพันธุ์ข้าวแจสแมน 2 ให้ชาวนานำไปเพาะปลูกในฤดูกาลผลิตปี 2554 แต่ยังจำกัดปริมาณ คาดว่าเริ่มจำหน่ายในเดือน ก.ย. 2555 นี้ หากสหรัฐทำตลาดข่าวแจสแมน 2 สำเร็จ จะเป็นภัยคุกคามต่อตลาดข้าวหอมมะลิไทยในสหรัฐ เพราะมีผลผลิตต่อไร่ที่สูงกว่าข้าวหอมมะลิไทย โดยมีผลผลิตต่อไร่ 1,265 กิโลกรัมต่อไร่ และราคาขายปลีกต่ำกว่าข้าวหอมมะลิไทย 1-2 เหรียญสหรัฐสำหรับขนาดบรรจุ 25 ปอนด์
นอกจากนี้ ชาวนาที่ปลูกข้าวแจสแมนจะขายได้ราคาดีกว่าข้าวขาว ทั้งที่มีต้นทุนการเพาะปลูกเท่ากัน จึงเป็นปัจจัยชักจูงให้ชาวนาหันมาปลูกข้าวแจสแมนมากขึ้น และขยายพื้นที่เพาะปลูกไปยังมลรัฐใกล้เคียง เช่น อาร์คันซัส มิสซิสซิปปี เท็กซัส จนผลผลิตเพิ่มขึ้นมาก
ขณะเดียวกันสหรัฐยังเร่งทำประชาสัมพันธ์เชิงรุก และกิจกรรมส่งเสริมการขาย จนสามารถกระจายสู่ตลาด และเพิ่มสัดส่วนตลาดข้าวในสหรัฐ ขณะที่การทำตลาดข้าวหอมมะลิไทยของรัฐบาลไทยยังทำได้น้อยและไม่สามารถผลักดันข้าวหอมมะลิสู่ตลาดหลักได้ ซึ่งหากปล่อยไว้นานโอกาสการทำตลาดข้าวหอมมะลิในตลาดผู้บริโภคหลักของสหรัฐจะทำได้น้อยและยากขึ้น
ดังนั้น รัฐบาลไทย ผู้ส่งออกไทย และผู้นำเข้าสหรัฐ ต้องร่วมมือผลักดันเพิ่มการบริโภคข้าวหอมมะลิสู่ตลาดผู้บริโภคหลักให้มากขึ้น และเป็นทิศทางเดียวกัน สำนักงานยังมองว่า ข้าวแจสแมนจะเข้ามาแย่งตลาดข้าวหอมมะลิไทยในตลาดโลกในอนาคตด้วย เพราะส่งออกไปฮ่องกงแล้วคาดว่าจะรุกส่งออกไปยังตลาดละตินอเมริกา และนาฟตา (เขตการค้าเสรีอเมริกาเหนือ) รวมถึงตลาดอื่นๆ ที่บริโภคข้าวหอมมะลิไทย ซึ่งไทยควรวางแผนพัฒนาปรับปรุงผลผลิตข้าวหอมมะลิและวางกลยุทธ์การตลาดเชิงรุกอย่างเร่งด่วน รวมถึงกิจกรรมการตลาดก่อนที่จะเสียตลาดให้กับข้าวแจสแมน
การพัฒนาพันธุ์ข้าวแจสแมนเพื่อแข่งขันกับข้าวหอมมะลิไทยตั้งแต่ปี 2552 จากพื้นที่เพาะปลูก 100 ไร่ มีผลผลิตเพียง 900 ตัน แต่ปี 2554 พื้นที่ปลูกเพิ่มเป็น 3.25 หมื่นไร่ ผลผลิตเพิ่มขึ้นเป็น 4.1 หมื่นตัน และขยายตัวอย่างรวดเร็วในสหรัฐ
ที่มาภาพ : http://news.hepu.org/