"ขอเป็นประชาชนปกติ" หะยีดาโอ๊ะ ท่าน้ำ ในวันปลดโซ่ตรวน
หลังได้รับการปล่อยตัวจากเรือนจำเป็นกรณีพิเศษ เมื่อวันเสาร์ที่ 19 กันยายน 2558 หะยีดาโอ๊ะ ท่าน้ำ หรือ นายดาโอ๊ะ มะเซ็ง ที่ตกเป็นผู้ต้องขังคดีกบฏแบ่งแยกดินแดนในฐานะอดีตแกนนำขบวนการพูโลในสายตาของเจ้าหน้าที่รัฐไทย ได้เดินทางกลับบ้านเกิดทันที
บ้านเกิดของเขาอยู่ตำบลท่าน้ำ อำเภอปะนาเระ จังหวัดปัตตานี
บรรยากาศการต้อนรับเขากลับบ้านเป็นไปอย่างอบอุ่น นางมีเนาะ มะเซ็ง มารดาวัย 85 ปี รวมทั้งญาติพี่น้องและเพื่อนบ้านมารอแสดงความยินดีกันแน่นขนัด โดยทางครอบครัวได้ทำข้าวหมกจัดเลี้ยงบรรดาแขกเหรื่อที่ผลัดเปลี่ยนหมุนเวียนกันมาตลอดทั้งวันที่บ้านน้องชายของเขาซึ่งอยู่ในละแวกใกล้เคียงกัน
ดาโอ๊ะ เปิดใจว่า ได้รับอิสรภาพจากการปล่อยตัวเป็นกรณีพิเศษก่อนครบกำหนดโทษ เพราะระหว่างที่อยู่ในเรือนจำก็มีความประพฤติดี ปฏิบัติตัวดี ได้เป็นนักโทษชั้นเยี่ยม และได้ให้ข้อมูลที่เป็นประโยชน์ต่องานความมั่นคง ส่วนตัวมีความตั้งใจมาตลอดว่าจะออกมาร่วมสร้างสันติสุขในพื้นที่
“จริงๆ ถ้าคิดตามเวลา กำหนดพ้นโทษของผมจะอยู่ที่ปี 2568 ติดมาแล้ว 18 ปี แต่ละปีจะได้รับการอภัยโทษ ซึ่งหากเป็นไปตามปกติ ก็จะต้องอยู่ในเรือนจำอีกอย่างน้อย 5 ปี แต่เมื่อได้รับการปล่อยตัวเป็นกรณีพิเศษ ก็มีความรู้สึกดีใจสุดๆ เลย ยิ่งเมื่อได้ก้าวเดินออกจากเรือนจำปัตตานี คำแรกที่นึกในใจ คือ ได้รับแล้วอิสรภาพอย่างที่ไม่เคยคาดคิดว่าจะได้”
“ตลอด 18 ปีที่อยู่ในเรือนจำ จากเรือนจำบางขวาง ก่อนจะมาเรือนจำ สงขลา และเรือนจำจังหวัดปัตตานี ไม่เคยคิดเลยว่าตัวเองจะมีวันนี้ เป็นความรู้สึกดีใจอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อนในชีวิต เป็นวันประเสริฐสำหรับตัวเองจริงๆ” ดาโอ๊ะ พรั่งพรูความรู้สึกหลังได้สัมผัสอิสรภาพ
เขาเล่าประวัติของตัวเองว่า 38 ปีที่แล้วที่ต้องจากบ้านเกิดไป หลังจากไปเรียนต่อที่นครมักกะห์ (ประเทศซาอุดิอาระเบีย) 5 ปี จากนั้นไปเรียนต่อที่ประเทศซีเรีย คณะนิเทศศาสตร์ สาขาประชาสัมพันธ์ จนจบปริญญาตรี ใช้เวลา 4 ปี พอเรียนจบได้กลับมาอยู่บ้านที่ท่าน้ำได้แค่ 5 เดือน หวังจะมาอยู่บ้านกับแม่และพัฒนาพื้นที่ แต่เจ้าหน้าที่มาบอกว่าเป็นคนปลุกระดมชาวบ้านให้แบ่งแยกดินแดน ก็เลยต้องหนี
“ผมหนีเข้ามาเลเซีย จนกระทั่งมาถูกจับที่มาเลเซีย และเจ้าหน้าที่ก็ได้ ส่งตัวไปเรือนจำบางขวางเลย” เขาบอก
หะยีดาโอ๊ะ ยังบอกถึงความตั้งใจในการใช้ชีวิตหลังจากนี้ว่า ขอเป็นประชาชนปกติ พร้อมกับจะช่วยแก้ปัญหาของพี่น้องประชาชนตามที่เคยคาดหวังเมื่อครั้งสมัยอยู่ในเรือนจำ
“ผมรู้สึกเจ็บปวดมาตลอดเมื่อทราบข่าวว่าพี่น้องในพื้นที่มีความเดือดร้อนจากเหตุการณ์ความไม่สงบ เพียงแต่ตอนนี้ยังไม่สามารถพูดอะไรได้นอกจากขอเวลาตั้งสติ และคิดหาจุดเริ่มต้นในการช่วยแก้ปัญหา สำหรับเรื่องการพูดคุยสันติสุข ผมเห็นด้วย และเชื่อว่าทางคณะพูดคุยชุดนี้มีการวางกรอบไว้เป็นอย่างดีแล้ว”
เขาบอกอีกว่า เมื่อได้รับการปล่อยตัวจากเรือนจำ ทำให้ตอนนี้เพื่อนที่ถูกจับพร้อมกันเหลืออีกเพียงคนเดียวที่ยังไม่ได้ออกมา คือ นายอับดุลเราะห์มาน บิน อับดุลกาเดร์ ซึ่งยังอยู่ที่เรือนจำนาทวี (จังหวัดสงขลา) ส่วน บือโต เบตง หรือ บาบอแมบือโต เบตง ได้รับการปล่อยตัวแล้วเมื่อปี 2556 นายมะแอ สะอะ หรือ หะยีสะมะแอ ท่าน้ำ ได้รับการปล่อยตัวแล้วเมื่อ 17 กรกฎาคม 2558
“ผมคิดว่าอีกไม่นาน เจ้าหน้าที่น่าจะมีข่าวดีเรื่องการปล่อยตัวกรณีพิเศษสำหรับอับดุลเราะห์มาน” ดาโอ๊ะ ตั้งความหวัง
ด้าน นางมีเนาะ มะเซ็ง มารดาวัย 85 ปีของดาโอ๊ะ กล่าวว่า เมื่อคืน (คืนวันศุกร์ที่ 18 กันยายน) ดาโอ๊ะโทรมาหา บอกว่าพรุ่งนี้จะออกแล้ว ก็ดีใจ มีความหวัง แต่ก็แอบเผื่อใจผิดหวังไว้นิดๆ เพราะตลอดเวลาที่ผ่านมาก็ได้รับข่าวว่าจะปล่อยตัว แต่สุดท้ายต้องรอเก้อทุกครั้ง พอมาถึง 10 โมงวันนี้ ขณะนั่งอยู่บนบ้าน ได้ยินเสียงรถยนต์หลายคันจอด แล้วเขาเดินขึ้นมากอด ก็รู้สึกดีใจจนน้ำตาไหล
“พอกอดกัน เราต่างคนต่างร้องไห้ ไม่มีคำพูดอะไร ร้องไห้เพราะดีใจ ไม่ได้เจอกัน กอดกันแบบนี้นาน 30กว่าปีแล้ว และเขาก็ยังไปอยู่ในคุกอีก 18 ปี นานมาก เมื่อเจอครั้งแรกก็ดีใจมาก มีแต่น้ำตา สักพักเขาก็พูดว่าหิวข้าว ขอกินข้าว ก็พาเขาไปกินข้าว ต้อนรับเขาด้วยข้าวหมกแพะ แม่เชือดแพะตามที่ได้บนไว้ว่าถ้าเขาออกมาได้จริงๆ ขอเชือดแพะให้เขากิน และแม่ก็ได้ทำจริงๆ ถือโอกาสวันแรกที่เขาออกมาแล้วเลี้ยงเขาเป็นอาหารมื้อแรกให้เขาได้กิน”
มารดาของดาโอ๊ะ บอกว่าลูกชายของนางอายุ 58 ปี ไม่ใช่ 71 ปีอย่างที่เป็นข่าว
“เขาอายุ 58 ปี เขาเกิดปี 2500 เขามีพี่น้อง 6 คน ดาโอ๊ะเป็นลูกคนที่ 2 เขามีลูกสาว 2 คน คนเล็กเกิดกับพารีดะห์ เมียคนปัจจุบัน เป็นลูกสาว อายุ 20 ปี คนโตก็เป็นผู้หญิงเหมือนกัน อายุ 28 ปีแล้ว เป็นลูกของเขากับเมียคนที่ชื่อมารียะห์”
“ดาโอ๊ะเป็นเด็กดีมาตลอด เลี้ยงง่ายตั้งแต่เกิด เชื่อฟังแม่ เป็นเด็กดีมาก เขามีความพยายาม ชอบเรียนหนังสือ เขาเรียนจบชั้นประถมที่โรงเรียนบ้านท่าน้ำ เป็นโรงเรียนแถวบ้าน ก่อนจะไปเรียนต่อที่โรงเรียนวัฒนธรรมอิสลามพ่อมิ่ง อำเภอปะนาเระ เรียนได้ 2 ปีก็ได้ไปเรียนต่อที่โรงเรียนมูฮำมาดียะห์วิทยา อำเภอโคกโพธิ์ จังหวัดปัตตานี เรียนอยู่ที่นั่นอีก 3 ปี”
“หลังจากนั้นเขาก็มาขอไปเรียนที่มักกะห์ ตอนที่อยู่ที่นั่น เขาเรียนด้วย ทำงานรับจ้างเย็บเสื้อไปด้วย แล้วไปเรียนที่ซีเรียจนจบ พอกลับมาบ้านได้ไม่นาน เขาก็บอกว่าจะไปกรีดยางที่มาเลเซีย และต่อมาก็ทราบข่าวว่าถูกจับอยู่ที่กรุงเทพฯ” นางมีเนาะเล่าประวัติลูกชายที่แทบไม่เคยได้อยู่ด้วยกันพร้อมหน้า
นางบอกด้วยว่า เมื่อดาโอ๊ะย้ายมาอยู่เรือนจำปัตตานี เคยได้ไปเยี่ยม 2-3 ครั้ง ไม่คิดเลยว่าจะสามารถพ้นโทษได้
“เมื่อปีที่แล้วฉันหกล้ม ต้องผ่าตัดสมอง คิดอยู่ในใจว่าจะไม่ทันเจอลูกแล้ว โชคดีที่ตำรวจเขาพาดาโอ๊ะไปเยี่ยมที่โรงพยาบาล แม้จะรู้สึกตัวแบบเบลอๆ ตอนที่เขาไปเยี่ยม แต่ก็รู้สึกดีใจ หลังออกจากโรงพยาบาลมา ตัวเองป่วยมาตลอด คิดในใจทุกวันว่าไม่มีโอกาสแล้วที่จะเจอกัน แต่วันนี้เขาออกมาแล้ว ถึงจะตายก็ตายตาหลับ” นางมีเนาะกล่าวทิ้งท้าย
----------------------------------------------------------------------------------------------------------------
บรรยายภาพ :
1 หะยีดาโอ๊ะ ท่าน้ำ ยิ้มกว้างเบิกบานเมื่อได้กลับบ้านเกิด
2 มีเนาะ มะเซ็ง มารดาวัย 85 ปีของดาโอ๊ะ