นายกฯ ปลุกคนไทยร่วมกำจัดเชื้อร้าย ก่อนชาติล้มเหลว
“ประยุทธ์” ครวญโดนบีบใช้ ก.ม.พิเศษสกัดขัดแย้ง ปลุกคนไทยร่วมกำจัดเชื้อโรคร้าย ก่อนชาติล้มเหลว ย้ำ โรดแม็ป คสช. ถึง ก.ค.60 หรือ อาจสั้นกว่า แย้ม ต้องมี คปป.สานงานปฏิรูป แต่ต้องไม่ซ้อนอำนาจ รบ.เลือกตั้ง ดักคอพวกจ้องป่วนที่ UN บอกไปในนามประเทศ วอน อย่าโยงเรื่องการเมือง
เมื่อเวลา 20.15 น. วันที่ 18 ก.ย. 58 พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) กล่าวในรายการคืนความสุขให้คนในชาติ ออกอากาศทางโทรทัศน์รวมการเฉพาะกิจแห่งประเทศไทย ตอนหนึ่งว่า ตนมีคำพูดจากใจ แล้วแต่ว่า ท่านจะเชื่อหรือไม่เชื่อ จะคิดยังไงก็แล้วแต่ อยากจะเรียนว่าให้ช่วยกันคิดช่วยกันทำ เพื่อประเทศชาติอันเป็นที่รักยิ่งของเรา ขอเชิญชวนคนไทยทุกคน ช่วยกันทำความสะอาดประเทศของเรา บ้านของเราให้ผ่านพ้นความเลวร้ายนานาประการ โดยเป็นการทำงานร่วมกับ คสช.และรัฐบาล
โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงเวลาอันสำคัญยิ่งนี้ ในการใช้วิธีการที่ละมุนละม่อม ปราศจากความรุนแรง กำจัดกลุ่มคนที่ไม่หวังดีต่อประเทศชาติออกไปให้ได้ ภายใต้กฎหมายที่มีอยู่ และขอร้องว่า อย่าใช้ความรุนแรงต่อกัน ทั้งในโซเชียลมีเดีย หรือ ตามสื่อสังคมต่างๆ ก็เริ่มมีการใช้ความรุนแรงต่อกัน ด้วยคำพูดด้วยวาจากันแล้ว ตนได้ย้ำหลายครั้งว่า ทุกคนเห็นต่างได้ เพียงแต่บางอย่างตนจำเป็นต้องตัดสินใจว่า จะให้มีข้อยุติอย่างไร เพราะเป็นคนต้องรักษากติกาตอนนี้ ไม่ได้หมายความว่า จะปิดกั้นแล้วให้ทุกอย่างเป็นไปตามที่ตนคิดทุกอย่าง เป็นไปไม่ได้หรอก แต่ท่านก็ต้องรู้ว่าควรจะแสดงออกอย่างไร
“ก็ขอเถิดครับ อย่าให้ต้องมีการบังคับใช้กฎหมายพิเศษอีกเลย ไม่งั้นก็ไม่มีวันสิ้นสุดเสียที หลายคนก็พยายามบังคับเหมือนกับตั้งใจให้เหตุการณ์เกิดขึ้น ให้ผมต้องใช้อำนาจพิเศษ เพื่อที่จะเอาเหตุการณ์เหล่านั้นไปอ้างกับองค์กรอื่นๆ บ้าง แล้วให้กลับมาเล่นงานประเทศไทย หรือ เล่นงานผมก็ตาม ขอร้องกันว่า ให้ไปหยุดคนเหล่านี้ อย่าให้ทำอีกต่อไปเลย” นายกฯระบุ
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวต่อว่า ประเทศไทยในขณะนี้ เปรียบเสมือนเป็นช่วงเวลาสำคัญในการกำจัดเชื้อโรคร้าย พร้อมร่วมมือกันที่จะสร้างภูมิคุ้มกันที่ดีต่อสิ่งเลวร้ายทั้งปวงที่เกิดขึ้นในอดีตที่ผ่านมา ไม่ให้เกิดขึ้นอีก สำหรับในระบอบประชาธิปไตย นั้น อำนาจที่ประชาชนมอบให้ผู้บริหารประเทศไปแล้ว เป็นการมอบด้วยความเชื่อมั่นความไว้วางใจอย่างแท้จริง ไม่ได้หมายความว่า อำนาจที่มอบให้ไปผู้ที่บริหารประเทศนั้น ไปใช้ทำอะไรก็ได้ ไม่ได้อีกแล้วต่อไป เพราะฉะนั้นหากผู้นำ หรือ รัฐบาลใด ไปทำในสิ่งที่ไม่ถูกต้องไม่ชอบธรรม ก็ถือว่า เป็นการกระทำที่ผิดไปจากเจตนารมณ์ของประชาชน ในการเลือกตั้งเข้ามา ที่เขามอบให้ด้วยความศรัทธาเชื่อมั่น ถ้าท่านไปใช้ในทางที่ไม่เหมาะสม ย่อมถือเป็นการทรยศต่อคำสัญญาที่มีต่อประชาชน ถือว่า ท่านไม่มีอุดมการณ์อันแน่วแน่ ที่จะทำให้กับประเทศชาติและประชาชน
พล.อ.ประยุทธ์ ยกตัวอย่างประเทศที่ต้องตกอยู่ในภาวะประเทศล้มเหลว (Failed State) ด้วยว่า เป็นผลมาจากการกระทำของผู้นำและรัฐบาลทั้งสิ้น ไม่เกี่ยวกับที่ตั้ง สภาพแวดล้อม ประชากร หรือ ประวัติศาสตร์ของประเทศนั้นๆ ซึ่งเคยมีหนังสือของต่างประเทศเขียนถึงสาเหตุไว้ว่า 1.ผู้นำประเทศที่ไม่มีจริยธรรม มีแต่ความโลภ ทำตัวเป็นเจ้าของธุรกิจผูกขาด ใช้สิทธิพิเศษทางการเมืองมุ่งผลประโยชน์ทางธุรกิจ 2.รัฐบาลที่อ่อนแอ บริหารประเทศไม่ได้ บังคับใช้กฎหมายและกฎเกณฑ์ต่างๆ ได้อย่างไม่มีประสิทธิภาพ 3.เกิดความเหลื่อมล้ำในสังคม รัฐบาลใช้ระบบสองมาตรฐาน แบ่งแยกประชาชนออกเป็นสองฝ่าย ให้เกิดความขัดแย้งซึ่งกันและกัน 4. รัฐบาลไม่ส่งเสริมการพัฒนาแบบยั่งยืน มีผู้นำขาดวิสัยทัศน์
“ผมขอยืนยันว่า คสช.และรัฐบาลนี้ มีอุดมการณ์และความมุ่งมั่น อย่างจริงใจที่จะทำทุกอย่างให้กับพี่น้องประชาชน และประเทศชาติ โดยไม่มีใครมุ่งหวังประโยชน์ส่วนตนอย่างแน่นอน” นายกฯ กล่าว
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวด้วยว่า รัฐบาลและ คสช.ยังคงมีหน้าที่ นำพาประเทศ ผ่าฟันอุปสรรค ต่อไประยะหนึ่ง ตามโรดแม็ปของเรา ซึ่งในระยะที่ 2 นับจาก เดือน ก.ย.58-ก.ค.60 หรือ น้อยกว่านั้น ก็จะมีโครงสร้างในการบริหารราชการแผ่นดิน ของรัฐบาล 3 ด้าน ได้แก่ ด้านการบริหารด้านการปฏิรูป ด้านการปรองดอง ที่ผ่านมา ได้ใช้กลไกพิเศษช่วยคลี่คลายปัญหาในการทำงานของรัฐบาล เป็นไปอย่างทันต่อเหตุการณ์และมีประสิทธิภาพ มีการใช้ มาตรา 44 แล้ว 27 ครั้ง และทุกเรื่องเป็นไปในเชิงสร้างสรรค์ สามารถที่จะแก้ปัญหาหลายๆ อย่างที่มีความขัดแย้งกันในเรื่องของกฎหมาย ความไม่พร้อม ความไม่ทันสมัยหลายเรื่อง นอกจากนี้ ยังมีคณะกรรมการขับเคลื่อนและคณะกรรมการยุทธศาสตร์ต่างๆ ช่วยงานรัฐบาลทั้ง 3 ด้าน ด้วยการผนวก 11 ประเด็นปฏิรูป ของ คสช.เข้ากับข้อเสนอเดิมของสภาปฏิรูปแห่งชาติ (สปช.) 36 ประเด็น ปฏิรูปกับอีก 7 ประเด็นพัฒนา
สำหรับ สภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) ก็มีส่วนสำคัญ โดยเฉพาะกรณีที่การขับเคลื่อนบริหารราชการ จำเป็นต้องออกกฎหมายมารองรับ และกำลังจะมีการตั้งสภาขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ (สปท.) มาทำหน้าที่ต่อจาก สปช.
“แล้วก็หาวิธีการว่าจะทำอย่างไรกันต่อไป เพื่อจะทำให้สิ่งเหล่านั้นปฏิบัติได้โดยที่ไม่ไปทาบทับอำนาจในเชิงบริหาร อย่างที่ทุกคนเกรงกลัวกัน เกรงกลัวว่า คณะกรรมการ (คณะกรรมการยุทธศาสตร์การปฏิรูปและการปรองดองแห่งชาติ : คปป.) ถ้ามีขึ้นมาแล้วก็จะไปทาบทับกับอำนาจของรัฐบาลมาจากการเลือกตั้ง ผมยืนยันเจตนารมณ์ผม ไม่เคยคิดอย่างนั้นเลย มีแต่ว่า จะช่วยเขาอย่างไร ก็ต้องให้เกียรติซึ่งกันและกัน นะครับ ไว้วางใจซึ่งกันและกัน” พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว
หัวหน้า คสช.ยังได้กล่าวถึงความคืบหน้าในการแต่งตั้ง คณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ (กรธ.) และสมาชิก สปท.ด้วยว่า กำลังพิจารณาอยู่ ขอให้ไว้วางใจกัน แล้วการร่าง หรือ การพิจารณาอะไรก็ตาม ก็ไม่ได้ปิดลับ ให้รับรู้ไปตลอดระยะเวลาที่ดำเนินการอยู่ทั้งหมด แต่หากขัดแย้งกันอีกก็เป็นไปไม่ได้อีกเหมือนเดิม ทั้งนี้สัปดาห์ที่ผ่านมา ได้มีการประชุมร่วมของ ครม. คสช. และ สนช. ก็ได้ให้แนวทางในการคัดเลือกบุคคลว่า จะต้องเป็นคนที่มีความรู้ ความสามารถ จากทุกภาคส่วน เป็นคนดี มีคุณธรรม ทำเพื่อชาติบ้านเมือง คนเหล่านี้มาจาก สปช.เดิมบ้าง นักกฎหมาย นักวิชาการ ฝ่ายความมั่นคง ข้าราชการทั้งเกษียณ ไม่เกษียณ ภาคประชาสังคม การค้าการลงทุน ภาคประชาชน ทหารก็มีไม่มาก
พล.อ.ประยุทธ์ ยังได้กล่าวถึง กำหนดการเดินทางเข้าร่วมการประชุมสหประชาชาติ (ยูเอ็น) สมัยสามัญ ครั้งที่ 70 ที่นครนิวยอร์ก ประเทศสหรัฐอเมริกา ระหว่างวันที่ 23 ก.ย.-1 ต.ค.58 ว่า ถือเป็นปีที่พิเศษ เพราะยูเอ็นมีวาระครบ 70 ปี ยูเอ็น มีหน้าที่ในการดูแลประชาคมโลกในหลายๆ เรื่อง ส่วนใหญ่จะไม่ยุ่งเกี่ยวกับเรื่องการเมือง การเมืองเป็นเรื่องส่วนตัว พูดคุยกันได้บ้าง แต่ในวาระ จะไม่พูดเรื่องนี้ จะพูดเรื่องความก้าวหน้าของแต่ละประเทศในการดูแลประชาชน ในรอบ 15 ปีที่ผ่านมา ว่า มีการพัฒนาอย่างไรบ้าง และในอีก 15 ปีต่อไป จะมีการทำงานและความร่วมมือกันในระหว่างประเทศในลักษณะใด เพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืนของโลกตามเป้าหมายของ UN ก็ คือ การพัฒนาแห่งสหัสวรรษ (MDGs) ทั้ง 8 ด้าน ถือเป็นโอกาสที่เราจะได้แสดงความคิดเห็นบ้างในหัวข้อต่างๆ และบอกถึงความสำเร็จของประเทศในด้านต่างๆ พร้อมน้อมนำหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ไปกล่าวด้วย
“ขอให้ทุกคนทำความเข้าใจ อย่าเอาเรื่องการเมืองมาเกี่ยวข้องกับเรื่องประเทศชาติ จะทำลายผม จะอะไรก็แล้วแต่ จะต่อต้านผมยังไงก็ตาม แต่ผมไปในนามประเทศของท่าน อย่างไรก็ตาม ประเทศนี้ต้องเดินหน้า” นายกฯ กล่าว
ขอบคุณข่าวจาก