วิเคราะห์ 3 ปัจจัยบึ้มระแงะหลายจุด ดับ2 เจ็บ14

สถานการณ์ในจังหวัดชายแดนภาคใต้ร้อนระอุขึ้นมาอีก เมื่อเกิดเหตุระเบิดอย่างน้อย 4 จุดในพื้นที่อำเภอระแงะ จังหวัดนราธิวาส ทำให้มีผู้เสียชีวิตและได้รับบาดเจ็บจำนวนมาก

          เหตุระเบิดที่อำเภอระแงะ เกิดขึ้นในเขตเทศบาลทั้งหมด โดย 4 จุดแรกเกิดในห้วงเวลาใกล้เคียงกัน คือ 19.20 น. จุดเกิดเหตุจุดแรกอยู่ในตลาดเทศบาลตำบลตันหยงมัส จุดที่ 2 เกิดบริเวณหลังวัดสังฆสิทธาราม หรือวัดตันหยงมัส วัดเก่าแก่ประจำอำเภอระแงะ และจุดที่ 3 หน้าที่ทำการไปรษณีย์ระแงะ

          มีรายงานว่าระเบิดจุดที่ 2 บริเวณหลังวัดสังฆสิทธาราม เป็นมอเตอร์ไซค์บอมบ์

          ส่วนจุดที่ 4 ใกล้กับร้านกรงนก บริเวณวงเวียนลองกอง ไม่ห่างจากสถานีรถไฟตันหยงมัส โดยเหตุระเบิดจุดแรก จุดที่ 3 และจุดที่ 4 คนร้ายใช้ระเบิดแสวงเครื่องประกอบใส่ในกล่องเหล็ก แล้วจุดชนวนระเบิดด้วยวิธีตั้งเวลาโดยใช้นาฬิกาแบบดิจิทัล

          รายชื่อผู้ได้รับบาดเจ็บเท่าที่ตรวจสอบได้ ณ เวลา 20.30 น.มีจำนวน 14 ราย ทราบชื่อคือ 1.สิบโทธำรงค์ มีมาก 2.อาสาสมัครทหารพราน (อส.ทพ.) ทองสูน สิงห์ด้วง 3.อส.ทพ.บัญชา ฤทธิโชค 4.อส.ทพ.ปิยะพงษ์ สีดำ 5.นางสุภาพร ไชยมณี

          6.นายวิรุทธิ์ ปัญญะศรี 7.นายคำรนทร์ เพชรบุรี 8.นางคล่อง วิเชียรรัตน์ 9.นายมานิต ไชยรัตน์ 10.นายเจตน์ ถาวรมาศ 11.นายประสิทธิ์ ยิ้มวัลย์ 12.นางสาวนุชเนตร เจ๊ะอาแว 13.นายเรวัต จันทร 14.นางจูลี มะยิ  

          ส่วนผู้เสียชีวิตมี 2 ราย คือ สิบโทคณิน ถ้ำบุญญา สังกัดหน่วยเฉพาะกิจอโณทัย และ นายกิตติศักดิ์ แสงชูติ 

          ต่อมาเวลาประมาณ 20.40 น. ยังมีเสียงระเบิดดังขึ้นอีก 2 จุดในพื้นที่อำเภอระแงะ แต่ไม่มีรายงานความสูญเสีย

วิเคราะห์ 3 ปัจจัยบึ้มระแงะ

          นายปรีชา นวลน้อย นายอำเภอระแงะ กล่าวภายหลังเข้าตรวจสอบเหตุระเบิดหลายจุดในพื้นที่รับผิดชอบว่า เชื่อว่ากลุ่มคนร้ายเตรียมการมาเป็นอย่างดี เนื่องจากในพื้นที่อำเภอเมืองนราธิวาส ได้เริ่มต้นจัดงาน "ของดีเมืองนราฯ" เป็นวันแรก ทำให้เจ้าหน้าที่ส่วนใหญ่ต้องเดินทางไปทำหน้าที่รักษาความปลอดภัยบริเวณงานและพื้นที่โดยรอบ จึงเปิดช่องว่างให้กลุ่มคนร้ายได้นำระเบิดแสวงเครื่องไปวางหลายจุดในอำเภอระแงะ

          จากการตรวจสอบเพิ่มเติมของ "ทีมข่าวอิศรา" เจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคงวิเคราะห์ว่า มีความเป็นไปได้ที่กลุ่มก่อความไม่สงบเลือกก่อเหตุรุนแรงในช่วงนี้ ซึ่งเป็นช่วง "สุญญากาศอำนาจ" เพราะเป็นช่วงปลายปีงบประมาณ มีการสับเปลี่ยนกำลังของทหาร ตำรวจ และฝ่ายปกครองจากการแต่งตั้งโยกย้าย เช่น แม่ทัพภาคที่ 4 และรองแม่ทัพที่เปลี่ยนใหม่ยกชุด โดยกำลังพลชุดเดิมก็ลดความเข้มในการปฏิบัติลง เพื่อเปิดทางให้ชุดใหม่เข้าทำหน้าที่ ขณะที่ชุดใหม่ก็ยังไม่ได้ทำหน้าที่อย่างเต็มรูปแบบ เพราะตำแหน่งใหม่ยังไม่มีผลจนกว่าจะถึงวันที่ 1 ตุลาคมฯ

          นอกจากนั้น วันพฤหัสบดีที่ 17 กันยายน ยังเป็นวันคล้ายวันสถาปนาครบรอบ 1 ปีของกองทัพน้อยที่ 4 ด้วย

          อีกปัจจัยหนึ่งที่น่าจะมีผลต่อเหตุรุนแรงในช่วงนี้ คือการเปิดตัวแถลงผ่านคลิปวีดีโอในเว็บไซต์ YouTube ของบุคคลที่อ้างตัวว่าเป็นแกนนำบีอาร์เอ็น ประกาศจุดยืนไม่เชื่อในความจริงใจของรัฐบาลไทยต่อกระบวนการพูดคุยสันติสุข ซึ่งน่าจะเป็นแรงขับดันอันสำคัญให้แนวร่วมฮึกเหิมและก่อเหตุรุนแรงดังกล่าว

------------------------------------------------------------------------------------------------------------------

ขอบคุณ : ศูนย์กู้ชีพกู้ภัยสันติปัตตานี และเจ้าหน้าที่ชุดตรวจที่เกิดเหตุ เอื้อเฟื้อภาพความเสียหายจากเหตุระเบิดที่อำเภอระแงะ จังหวัดนราธิวาส