การจัดการตนเองในภาวะวิกฤติทางรอดของชุมชนคลองห้าปทุมธานี
ท่ามกลางวิกติการณ์น้ำท่วม แม้ภาครัฐและเอกชนจะระดมให้ความช่วยเหลือ แต่บางแห่งการหยิบยื่นอาจมีไม่เพียงพอ การรวมตัวกันของชุมชนเพื่อจัดการบริหารทรัพยากรที่มีอยู่จึงเป็นทางออกที่ได้ทั้งความเอื้อเฟื้อและความเข้มแข็งตามมา
ประชาชนในพื้นที่ ตำบลคลองห้า อ.คลองหลวง จ.ปทุมธานี ถือเป็นพื้นที่หนึ่งที่ได้รับผลกระทบจากภาวะน้ำท่วม ตั้งแต่วันที่ 18 ตุลาคม จนถึงปัจจุบันระดับน้ำในพื้นที่ได้ลดลงเพียงเล็กน้อย สภาพความเสียหายจากน้ำท่วมกินพื้นที่ทั้ง 16 หมู่ของตำบล บางพื้นที่ท่วมแค่ระดับเอว บางพื้นที่ท่วมมิดหลังคาบ้าน ประชาชนต้องใช้เรือสัญจรไปมาแทนรถยนต์ มีเพียงรถทหารที่สามารถเข้าถึงพื้นที่ได้เท่านั้น
จากภาวะน้ำท่วมที่เกิดขึ้นทำให้ชาวบ้านบางส่วนในพื้นที่ตำบลคลองห้าเลือกอพยพไปอยู่อาศัยกับญาติที่ต่างจังหวัด ขณะที่ชาวบ้านส่วนใหญ่ยังคงอาศัยอยู่ในพื้นที่ มีทั้งที่ย้ายมาอาศัยอยู่ที่ศูนย์อพยพทั้ง 6 แห่งภายในตำบลประมาณ 1,250 คน และบางส่วนยังคงอาศัยอยู่ในบ้านเรือนของตน ซี่งโรงเรียนบางชวดอนุสรณ์เป็นศูนย์อพยพที่ใหญ่ที่สุดในตำบลคลองห้ามีชาวบ้านอพยพมาอยู่อาศัยรวมกันที่นั่นราว 300 คน
ศูนย์อพยพโรงเรียนบางชวดอนุสรณ์มีครูใหญ่ ภารโรง เป็นผู้บริหารจัดการศูนย์ ช่วยกันดูแลในเรื่องอาหาร สุขอนามัย และความปลอดภัยของผู้อพยพ ในขณะที่ศูนย์อื่นๆ ก็มีผู้ใหญ่บ้าน เจ้าหน้าที่อนามัย กลุ่ม อสม. เป็นแกนหลักในการช่วยกันดูแลคนภายในศูนย์ และมีประชาชนผู้ประสบภัยในพื้นที่ร่วมกันเป็นทีมบริหารจัดการ แต่ทั้ง 6 ศูนย์มีนายเนรศ เสาะแสวง ประธานสภาองค์กรชุมชนตำบลคลองห้า หรือกำนันนเรศ เป็นผู้ประสานงานกระจายความช่วยเหลือจากหน่วยงานภายนอกไปยังทุกศูนย์ในตำบล เพื่อให้ทุกพื้นที่ได้รับความช่วยเหลืออย่างทั่วถึง ซึ่งนายนเรศกล่าวว่า ขณะนี้มีหน่วยงานภายนอกเข้ามาช่วยเหลือมอบสิ่งของอุปโภคบริโภคให้ชุมชนพอ สมควร ขาดแต่น้ำดื่มที่ยังไม่เพียงพอกับความต้องการของประชาชน
"แม้ขณะนี้ชาวบ้านในตำบลจะยังไม่มีการพูดคุยเรื่องการฟื้นฟูพื้นที่หลังน้ำลด เนื่องจากสภาพน้ำท่วมในพื้นที่ยังอยู่ในระดับสูง และสภาพปัญหาเฉพาะหน้าที่เกิดขึ้นทำให้ต้องแก้ไขเป็นรายวัน แต่สิ่งหนึ่งที่พบเห็นระหว่างเกิดภาวะวิกฤติ คือ ในสถานการณ์อย่างนี้การรอคอยความช่วยเหลือจากหน่วยงานภายนอกเพียงอย่างเดียว ไม่สามารถรับมือกับวิกฤตน้ำท่วมที่เกิดขึ้นอย่างรวดเร็วและกระจายไปหลายจังหวัดของประเทศได้ การลุกขึ้นมาช่วยกันดูแลบริหารจัดการศูนย์อพยพด้วยตนเองจึงเป็นทางออกที่ดีที่สุด ศูนย์อพยพของชาวบ้านเป็นเหมือนหน่วยพยาบาลเบื้องต้น ก่อนส่งต่อไปให้แพทย์ผู้เชี่ยวชาญรักษา ซึ่งหมายถึงต้องช่วยเหลือกันภายในชุมชนก่อน ก่อนที่จะขอรับความช่วยเหลือจากหน่วยงานภายนอกต่อไป" นายนเรศ กล่าว