ทวนความจำ10คดีโกงระดับชาติ เหตุการณ์ไหนที่คุณจำได้
“อยากให้ทุกคนเป็นคนไม่ฟุ่มเฟือย ไม่ใช้จ่ายเกินตัว พอเพียง ถ้าทำแบบนี้เราก็จะไม่ต้องโกง”
“ คนโกง เพราะว่าเขาชอบใช้เงินฟุ่มเฟือย ชอบใช้เงินมากๆ อยากได้ในสิ่งที่ไม่จำเป็น พออยากได้เขาก็จะหาวิธีโกง” น้องเพ้นท์ หรือเด็กหญิงเพ้นท์ฟ้า ชาญชุติวานิช สาวน้อยวัย 9 ขวบ อธิบายพฤติกรรมการโกงในความเข้าใจในวัย 9 ขวบ ขณะนั่งวาดภาพประติมากรรมโจรมหาโจร (คดีนี้ต้องกราบขอบคุณโจร) ภายในบริเวณจัดแสดงพิพิธภัณฑ์กลโกงชาติที่จัดขึ้นโดยองค์กรต่อต้านคอร์รัปชัน (ประเทศไทย) เมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา
สาวน้อยวัย 9 ขวบ บอกถึงเหตุที่เลือกวาดประติมากรรมโจรมหาโจร ซึ่งเป็น 1 ใน 10 คดี ระดับชาติ ว่า เพราะเธอเห็นเงินจำนวนมากในถุง และกระเป๋าของรูปปั้น ซึ่งมีคนมาหยิบเอาเงินจำนวนนี้ไปแล้วไม่นำมาคืน พร้อมทั้งเห็นว่าประติมากรรมชิ้นนี้มีรายละเอียดที่น่าสนใจ
นี่จึงเป็นเหตุผลที่เธอเลือกวาดภาพจากประติมากรรมโจรมหาโจร
เมื่อถามความคิดเห็นต่อคำว่า โกง ทำไมคนเราถึงต้องโกง น้องเพ้นท์ยิ้มและตอบอย่างชัดถ้อยชัดคำว่า "เพราะคนอยากได้ในสิ่งที่ไม่จำเป็นต้องมี ทุกอย่างเริ่มขึ้นจากคำว่าอยากได้"
พร้อมกับฝากถึงเยาวชนทั้งหลายด้วยว่า
“อยากให้ทุกคนเป็นคนไม่ฟุ่มเฟือย ไม่ใช้จ่ายเกินตัว พอเพียง ถ้าทำแบบนี้เราก็จะไม่ต้องโกง”
ขณะที่ผู้เป็นพ่อ ซึ่งพาลูกสาวเดินชมนิทรรศการตามสถานที่ต่างๆ เป็นปกติอยู่เสมอ ทุกครั้งสาวน้อยจะเลือกใช้ศิลปะเพื่อจดจำสถานที่และเรื่องราวที่เธอไปมา
แต่สำหรับนิทรรศการพิพิธภัณฑ์กลโกงชาติ ผู้เป็นพ่อ เห็นว่า ไม่เคยมีงานศิลปะที่เกี่ยวข้องกับการทุจริตเลย นี่จึงเป็นเหตุผลที่เขาพาลูกสาวมา เพื่อให้เด็กได้เรียนรู้ว่า เรื่องราวพวกนี้เป็นอย่างไรโดยการใช้ศิลปะที่เขาชอบส่วนตัวมาเป็นส่วนหนึ่งในการสอน ให้เขาเลือกประติมากรรมที่เขาชอบ เขาสนใจแล้วก็วาด อ่านเรื่องราว การสอนในลักษณะนี้จึงไม่ใช่เป็นการบังคับให้เด็กต้องเรียนรู้
“ผมคิดว่าการเรียนรู้เกิดขึ้นได้ทุกที่ สถานที่ที่ผมพาลูกไปล้วนมีเรื่องราวมีความรู้ทั้งสิ้น และน้องเพ้นท์เองเป็นเด็กที่เรียนแบบโฮมสคูล (Home School) ดังนั้นการเรียนรู้จากนิทรรศการต่างๆจะให้แนวคิดของเขาได้เป็นอย่างดี”
ด้านเจ้าภาพผู้จัดงาน ดร.มานะ นิมิตมงคล ผู้อำนวยการองค์กรต่อต้านคอร์รัปชัน (ประเทศไทย) อธิบายถึงที่มาที่ไปของประติมากรรมโกงระดับชาติให้กับผู้คนที่สัญจรผ่านไปผ่านมาภายในงานอย่างยิ้มแย้มแจ่มใส
ดร.มานะ ชี้ว่า 10 คดีการโกงที่นำมาเสนอนั้น หากมองในแง่ของมูลค่าแล้วหลายคนก็อาจจะหยิบยกให้โครงการจำนำข้าวเป็น "อภิมหาโกง" แต่ความจริงแล้วทุกคดีมีความหมายและนัยยะในตัวของเอง
ดร.มานะ หยิบยกคดีคลองด่านและคดีโกงลำไยเป็น 2 คดีสุดยอดโกง ในสายตาของเขา พร้อมทั้งอธิบายว่า
"คดีคลองด่าน" เป็นคดีที่พิสูจน์ให้เห็นว่ามีมนุษย์ 3 หัวเกิดขึ้น คืออนุมัติโครงการเอง เปลี่ยนแปลงโครงการโดยใช้อำนาจในหน้าที่ขณะที่เป็นรัฐมนตรีบังคับเจ้าหน้าที่ออกโฉนดที่ดิน รับเหมาเอง และสุดท้ายก็เป็นผู้รับผลประโยชน์เอง
นี่จึงเป็นเรื่องพิสูจน์การคอร์รัปชันอย่างเป็นกระบวนการ
"คดีโกงลำไย" ก็เป็นโครงการสำหรับให้คนโกงได้เรียนรู้ ว่าการโกงผลผลิตทางการเกษตรสามารถสร้างประโยชน์ได้มากมายเพียงใด เนื่องจากมีส่วนร่วมจากหลายหน่วยงานร่วมมือกัน หากมองผิวเผินแล้วโครงการนี้จะเป็นโครงการที่ดูเหมือนว่า ทำเพื่อประชาชน
แต่บทพิสูจน์แสดงให้ถึงมูลค่าความเสียหายให้กับรัฐ แต่ไปสร้างความมั่งคั่งให้กับพ่อค้ากลุ่มหนึ่ง และข้าราชการบางคน ซึ่งจะเห็นว่า ใต้ต้นลำไยมีภาพพืชผลทางการเกษตรที่มักถูกนำมาใช้หาผลประโยชน์แฝงอยู่ในประติมากรรมชิ้นนี้ด้วย ทั้งข้าว ปาล์ม ยางพารา เป็นต้น
“ดังนั้นโครงการโกงลำไยจึงเป็นการบอกว่า คนที่โกงมักใช้เทคนิควิธีการที่คล้ายๆ กัน จึงอาจเรียกได้ว่า นี่เป็นต้นแบบความชั่วร้ายของคนโกงที่เขาเรียนรู้กัน”
สำหรับพิพิธภัณฑ์กลโกงชาติ หรือ Museum of Thai corruption เป็นอีกพิพิธภัณฑ์หนึ่งที่จะมาย้ำเตือนเหตุการณ์ในอดีตของความเลวร้ายแห่งกลโกงที่เกิดขึ้นจากคนไทย ผู้ไม่รักชาติ คนไทยผู้เห็นแก่ได้ คนไทยที่ไม่มีสำนึกผิดชอบชั่วดี ให้คนในสังคมได้จดจำ พร้อมเตือนสติให้ระลึกเสมอว่า คุณลืมเหตุการณ์เหล่านี้ไปรึยัง?
รวมมูลค่าความเสียหายเพียง 10 คดี สร้างความสูญเสียให้กับประเทศไทยไปแล้วถึง 6.3 แสนล้านบาท
ส่วนคดีไหนเป็นคดีที่เราควรต้องจำและเก็บไว้เป็นบทเรียนบ้าง ตามมาดู
1.โกดังแบ๊ว (อภิมหากลโกง...ข้าวหายนะ) หรือหลายคนอาจจะพอนึกได้ เพราะเป็นคดีที่ยังอยู่ในกระแสทุกวันนี้ นั่นคือคดีจำนำข้าว ซึ่งเป็นข่าวเมื่อปี พ.ศ. 2557 มูลค่าความเสียไม่มากมายเท่าไหร่นัก เพียง 539,000 ล้านบาทเท่านั้น
สำหรับคดีนี้เป็นการโกงเชิงนโยบายที่สร้างความเสียหายให้กับประเทศมากที่สุด เสียหายจากการขาดทุนมหาศาล เสียทั้งพันธุ์ข้าวดีๆ และเสียความน่าเชื่อถือของประเทศไทยในฐานะผู้ผลิตให้กับโลก รวมถึงยังสร้างช่องทางการมีส่วนร่วมโกงตั้งแต่คนใหญ่โตไปจนถึงคนตัวเล็กที่สุด นั่นก็คือชาวนา
2.สน.อร่อยชัวร์ (เปิบพิสดารโรงพักทั่วประเทศ) หรือคดีทุจริตโรงพัก ซึ่งเป็นข่าวเมื่อปี พ.ศ. 2555 มูลค่าความเสียหาย 5,848 ล้านบาท เป็นการรวบสัญญาให้ผู้รับเหมาเจ้าเดียวสร้างโรงพัก 396 แห่งทั่วประเทศ แต่ทุกวันนี้ก็ยังไม่มีโรงพักที่ไหนสร้างเสร็จ !! แถมยังจับตัวคนผิดยังไม่ได้ งบประมาณแผ่นดินถูกทิ้งเป็นซากปรักหักพัง เป็นหลักฐานของความอดสูของคนไทย
3.โกงโฆษณ์ (เมื่อเงินอยู่เหนือจรรยาบรรณ) หรือที่คุ้นหูกัน คดีนกน้อยในไร่ส้ม ซึ่งเป็นข่าวใหญ่ในวงการสื่อเมื่อปี พ.ศ.2549 เมื่อผู้ที่เรียกตัวเองเป็นสื่อกลางที่จะชี้นำสังคมไปในทางที่ถูกต้องดันโกงซะเอง ด้วยการรับโฆษณาเกินเวลาแล้วซุกเข้ากระเป๋า พอโดนจับก็คืนแบบไร้ความรับผิดชอบ แถมทุกวันนี้ยังออกสื่อมีหน้ามีตาในสังคมได้ปกติ มูลค่าความเสียหากไม่มากไม่น้อย แค่ 138 ล้านบาทเท่านั้นเอง !
4.Slow Life Thailand (คดีเนิบช้าถ้ามีตังค์) หรือคดีบางกอกฟิล์ม เป็นข่าวเมื่อปี พ.ศ. 2552 มูลค่าความเสียหาย 61.2 ล้านบาท ซึ่งเป็นคดีที่โลกเกือบลืม ลืมไปแล้วว่าเขาโกง เนื่องจากความล่าช้าของผุ้บังคับใช้กฎหมายไทย จากกรณีการรับสินบนข้ามชาติในการจัดเทศการหนัง “บางกอกฟิล์มเฟสติวัล” ซึ่งสองสามีภรรยาชาวอเมริกาผู้ติดสินบน ถูกประเทศเขาตัดสินจับติดคุกจนทุกวันนี้ออกมาแล้ว แต่คนโกงบ้านเรากลับเพิ่งถูกสั่งฟ้อง
5.One Stop Corrupted (ทำเองกินเองโกงเอง จบ) นั่นก็คือคดีคลองด่าน นับเป็นคดีที่เหม็นเน่าของประเทศ โกงคนเดียวเสร็จสรรพ ด้วยการอุปโลกน์จัดตั้งทุกอย่างเอง ใช้อำนาจตั้งแต่เสนอโครงการบำบัดน้ำเสีย จัดซื้อที่ดิน ต.คลองด่าน ของบริษัทที่เป็นคนในครอบครัวตัวเองด้วยราคาที่สูงกว่าปกติ แถมยังเป็นพื้นที่เขตป่าอนุรักษ์ที่ได้มาโดยมิชอบ สุดท้ายก็เซ็นสัญญาอนุมัติเงินกันเอง
ยิ่งไปกว่านั้นระบบบำบัดน้ำเสียที่ว่าก็ยังไม่เกิดขึ้น สนนราคาความเสียหายก็นิดหน่อยเท่านั้น 2.1 หมื่นล้านบาท
6.แพะ Stadium (เมื่อครูเป็นแพะแต่คนโกงลอยตัว) หรือคดีสนามฟุตซอลโรงเรียน สร้างความเสียหาย 600 ล้านบาท โดยผู้มีอำนาจทำเป็นหวังดีสร้างสนามกีฬากลางแจ้งให้แก่เด็กๆในโรงเรียนสังกัด สพฐ. กว่า 17 จังหวัดฟรีๆ แต่สิ่งที่ได้คือการสร้างสนามฟุตซอลในร่ม สร้างไม่ได้มาตรฐาน ใช้ไม่นานก็พังไม่เป็นท่า ส่วนคนที่โกงก็พูดแค่ลมปากลอยตัวสบาย เหลือทิ้งไว้เพียงความทรงจำที่แสนเจ็บปวด ส่วนคดีความก็ให้ครูผู้หวังดีที่เซ็นรับงานเป็นแพะรับบาปแทนกันไป
7.โจรมหาโจร (คดีนี้ต้องกราบขอบคุณโจร) หรือคดีปลัดคมนาคม โดยข้าราชการรายนี้ร่ำรวยผิดปกติ ยื่นบัญชีทรัพย์สินกี่ที่ก็ไม่มีปัญหา ใครๆต่างก็หาความผิดปกติไม่เจอ กระทั่งโจรกระจอกปีนขึ้นบ้าน ซึ่งโจรก็ไม่คิดว่าจะเข้าไปเจอทรัพย์สมบัติมหาศาลถึงขั้นเสียดายที่ไม่ได้เอารถบรรทุกมาขน จนทำให้ทรัพย์สินของข้าราชการรายนี้ถูกเปิดโปง
8.พริตตี้ขรก. (สามัคคีเมื่อมีผลประโยชน์) คดีรถหรูนำเข้าเกรย์มาเก็ต โดยกรมศุลกากร กรมสรรพสามิต กรมการขนส่งทางบก และสำนักงานมาตรฐานอุตสาหกรรม ร่วมกันโกงเป็นทีม โกงแบบบูรณาการ อาศัยช่องวางทางกฎหมายเอื้อประโยชน์ให้เอกชนแสดงรายการส่วนประกอบรถยนต์ไม่ครบถ้วน และแจ้งราคานำเข้ารถยนต์หรูต่ำกว่าที่เป็นจริง ทำให้รัฐสูญเสียภาษีกว่า 6 หมื่นล้านบาท
9.เมตตามหาโกง (ต้นแบบประชานิยมปล้นชาติ) คดีโกงลำไย ความเสียหายมูลค่า 5 พันล้านบาท มีการแทรกแซงราคาพืชผลทางการเกษตรแบบไม่ปฏิเสธการโกง ตั้งแต่การคัดเลือกบริษัทเอกชนที่ไม่เคยทำลำไยอบแห้งมารับงาน เปิดช่องนำลำไยเก่า คุณภาพต่ำมาวนขายซ้ำ การสวมสิทธิ์ เป็นคดีที่เกิดขึ้นมานมนาม แต่ไม่มีความคืบหน้าในการหาตัวต้นเหตุของการกระทำผิด
10.ไซด์ไลน์ของนายตำรวจ (รายได้เสริมกลางสี่แยก) คดีป้ายโฆษณาป้อมตำรวจ โดยมีกลุ่มตำรวจหัวใสติดตั้งป้ายโฆษณาขนาดใหญ่ที่ป้อมตำรวจ โดยให้เหตุผลว่าเพื่อประชาสัมพันธ์ผลงานของตำรวจ ส่วนใหญ่ที่ฉายกลายเป็นโฆษณาขายสินค้า เมื่อสถานที่รักษากฎหมายกลายเป็นแอบแฝงผลประโยชน์ นี่เลยไม่ใช่แค่ป้ายโฆษณาสินค้า แต่เป็นป้ายโฆษณาความฉ้อฉลของตำรวจไทยอย่างเปิดเผย โดยมีตำรวจระดับผู้กำกับ และรองผู้กำกับกว่า 50 สน.มีส่วนเกี่ยวข้อ
ง