รู้จัก "ไบโอแมทริกซ์" ยกเครื่อง ตม.ไทย
การยกเครื่อง “ฐานข้อมูลด้านความมั่นคง” ตามนโยบายของ พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี จากการเปิดเผยของเลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ เมื่อเร็วๆ นี้ นับเป็นประเด็นที่น่าสนใจ
โดยเฉพาะการเป็นนโยบายที่ปรากฏภายหลังเกิดเหตุระเบิดกลางกรุงเทพฯ 2 จุดจนสร้างความเสียหายใหญ่หลวง เนื่องจากพบช่องโหว่ของงานตรวจคนเข้าเมือง ทั้งเรื่องฐานข้อมูลและเครื่องไม้เครื่องมืออันทันสมัย
แล้วชื่อของเครื่อง “ไบโอแมทริกซ์” (Biometrics) ได้ถูกหยิบยกขึ้นมา พร้อมระบุว่าถึงเวลาที่ประเทศไทยต้องลงทุนกับอุปกรณ์เหล่านี้กันแล้ว
ความหมายของ “ไบโอแมทริกซ์” ตามที่เผยแพร่อยู่ในเว็บไซต์ “ไอที-ไกด์” คือ การใช้เทคโนโลยีชีวภาพ ผสานกับเทคโนโลยีอื่นๆ มาช่วยตรวจสอบความถูกต้องของบุคคล ไม่ว่าจะเป็นการตรวจสอบโดยม่านตา ลายนิ้วมือ เสียง หรือใบหน้า อาจเรียกได้ว่าเป็น “เครื่องตรวจอัตลักษณ์บุคคลทางกายภาพ” ตามที่นายกรัฐมนตรีให้สัมภาษณ์ก็คงไม่ผิด
จริงๆ แล้ว “ไบโอแมทริกซ์” ไม่ใช่เรื่องไกลตัว แต่บางส่วนเป็นเทคโนโลยีที่ใช้ในชีวิตประจำวันอยู่แล้ว เช่น เครื่องสแกนลายนิ้วมือ หรือแม้แต่การใช้ลายนิ้วมือเป็นรหัสเข้าใช้คอมพิวเตอร์และโทรศัพท์มือถือรุ่นใหม่ๆ แทนการกรอกพาสเวิร์ด
แต่นั่นคือส่วนหนึ่งของ “ไบโอแมทริกซ์” เท่านั้น และเกือบจะเป็นเครื่องมือเดียวที่สำนักงานตรวจคนเข้าเมืองมีใช้อยู่ในขณะนี้ คือ ระบบการจัดเก็บลายนิ้วมือ ที่มาพร้อมกับเครื่องสแกนลายนิ้วมือบุคคลที่จะเดินทางเข้า-ออกราชอาณาจักร ปัจจุบันมีการติดตั้งตามจังหวัดสำคัญๆ ที่เป็นทางเข้า-ออกประเทศ
ข้อมูลจากสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ระบุว่า ระบบจัดเก็บลายนิ้วมือจะมีการเชื่อมโยงข้อมูลทะเบียนประวัติอาชญากรกับกองทะเบียนประวัติอาชญากรของไทย และของตำรวจสากล เมื่อมีการสแกนนิ้วมือที่ตัวเครื่อง หากใครมีประวัติอาชญากรรม ข้อมูลก็จะปรากฏขึ้นทันที
สำหรับเครื่อง “ไบโอแมทริกซ์” ที่ประเทศไทยยังขาดแคลนและน่าจะอยู่ในแผนบูรณาการฐานข้อมูลด้านความมั่นคงของรัฐบาล ก็คือ เครื่องสแกนม่านตา และโครงสร้างใบหน้า ซึ่งจะได้ข้อมูลแม่นยำมากกว่า และเป็นสากลมากกว่า
เจ้าหน้าที่ระดับสูงจากหน่วยงานด้านพิสูจน์หลักฐาน ให้ข้อมูลว่า การตรวจลายนิ้วมือมีประสิทธิภาพน้อยในการป้องกันอาชญากรรมข้ามชาติ เพราะลายนิ้วมือสามารถทำให้ลบเลือนได้ ประกอบกับถ้าไม่มีฐานข้อมูลลายนิ้วมือไว้ตรวจเทียบ การมีเครื่องมือก็แทบไร้ประโยชน์
เจ้าหน้าที่คนเดิมให้ข้อมูลด้วยว่า เทคโนโลยีสแกนม่านตาและโครงสร้างใบหน้า มีความแม่นยำสูงที่สุดในขณะนี้ ควรมีใช้ที่ด่านตรวจคนเข้าเมืองทุกแห่ง แต่ปัจจุบันประเทศไทยไม่มีใช้เลย การลงทุนต้องใช้งบประมาณสูงระดับพันล้านบาท เพราะต้องเชื่อมต่อข้อมูลกับด่านตรวจคนเข้าเมืองทั่วประเทศ และเชื่อมต่อฐานข้อมูลกับตำรวจสากล รวมทั้งเอฟบีไอด้วย
นอกจากการเชื่อมโยงข้อมูลออนไลน์แล้ว ระบบอินเทอร์เน็ตยังต้องเสถียรมากพอ และฐานข้อมูลในการจัดเก็บต้องมีมากสำหรับใช้ในการตรวจเทียบ!
-----------------------------------------------------------------------------------------------------------------
ขอบคุณ : ภาพประกอบ รวบรวมจากอินเทอร์เน็ต เว็บไซต์ www.antitheftsolution.com www.tradeindia.com www.tradeindia.com http://nstda.or.th/blog/?p=38176