คสช.ย้ำตร.ออกหมายจับผู้ต้องสงสัยคดีบึ้ม 8 ราย
“วินธัย”ย้ำตร.ออกหมายจับผู้ต้องสงสัย 8 ราย ยันชุดจนท.มีความชำนาญเฉพาะทาง มีความสามารถคลี่คลายคดีรอบคอบ เชื่อนักท่องเที่ยวเข้าไทยปีนี้ตามเป้า 29 ล้านคน“
เมื่อวันที่ 3 ก.ย. เวลา 12.00 น. พ.อ.วินธัย สุวารี โฆษกคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) แถลงภายหลังการประชุมของศูนย์ติดตามสถานการณ์คสช.กรณีระเบิดที่บริเวณแยกราชประสงค์และท่าเรือสาทรผ่านโทรทัศน์รวมการเฉพาะกิจแห่งประเทศไทย ว่า การติดตามสืบสวนคดีมีความคืบหน้าอย่างต่อเนื่อง โดยเจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนของตำรวจอยู่ระหว่างสอบปากคำผู้ต้องสงสัยที่ควบคุมตัวไว้จำนวน 2 ราย คือ 1.นายอาเดม คาราดัก ถูกจับได้ที่พูลอนันต์อพาร์ตเมนต์เขตหนองจอก เมื่อวันที่ 29 ส.ค.2558 และ 2.นายยูซุฟู มีไรลีซ ถูกจับได้ที่อ.อรัญประเทศ จ.สระแก้ว เมื่อวันที่ 1 ก.ย.ที่ผ่านมา
พ.อ.วินธัย กล่าวอีกว่า ทั้งนี้จากผลการสอบปากคำผู้ต้องสงสัย และพยานบุคคลต่างๆประกอบกับภาพที่ได้จากกล้องวงจรปิด ตั้งแต่เกิดเหตุจนถึงปัจจุบัน จึงทำให้เจ้าหน้าที่ตำรวจสามารถออกหมายจับผู้ต้องสงสัยได้ รวมทั้งสิ้น จำนวน 8 หมาย ประกอบด้วยชายสวมเสื้อสีเหลืองที่อาจมีส่วนเกี่ยวข้องกับเหตุระเบิดที่ราชประสงค์ ชายสวมเสื้อสีฟ้าที่อาจมีส่วนเกี่ยวข้องกับเหตุระเบิดที่ท่าเรือสาทร ชายต่างชาติจำนวน 3 คน ที่อาจเกี่ยวข้องกับการครอบครองวัตถุระเบิดในห้องเช่าพูลอนันต์อพาร์ตเมนต์ เขตหนองจอก ชายต่างชาติจำนวน 1 คนที่อาจเกี่ยวข้องกับการครอบครองวัตถุระเบิดในห้องเช่าหอพักไมมูณา การ์เด้น โฮมเขตมีนบุรี น.ส.วรรณา สวนสัน ผู้ทำสัญญาเปิดเช่าห้องพัก และล่าสุดคือนายเอ็มระห์ดาวูโตกลู สัญชาติตุรกี ซึ่งเป็นสามีของน.ส.วรรณา ซึ่งการออกหมายดังกล่าว ดำเนินการบนหลักพื้นฐานที่เป็นสากลของการดำเนินคดีในชั้นสืบสวนสอบสวนจะเป็นไปตามสมมุติฐานของแนวทางการสืบสวนอันใดก็ตามจำเป็นต้องอาศัยองค์ประกอบของพยานหลักฐานต่างๆมาสนับสนุนอย่างเพียงพอ
พ.อ.วินธัย กล่าวต่อว่า ปัจจุบันเริ่มมีความคิดเห็นที่มีมาอย่างหลากหลายอาจเป็นข้อคิดเห็นส่วนบุคคลไม่อยากให้มีความคิดเห็นในเชิงชี้นำที่จะไปสู่ความสับสนต่อการรับรู้ของสังคมได้ ชุดเจ้าหน้าที่ที่ทำงานในคดีนี้ประกอบด้วยผู้ที่มีความชำนาญเฉพาะทาง และเป็นบุคคลที่มีความสามารถ ประกอบกับความพยายามในการคลี่คลายคดีด้วยความรอบคอบและระมัดระวัง ซึ่งทางเจ้าหน้าที่ตำรวจจะได้ทำการสอบสวน เพื่อวิเคราะห์และค้นหาถึงมูลเหตุจูงใจ เครือข่ายขบวนการในครั้งนี้ต่อไป นอกจากนี้สภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยได้รายงานให้ทราบว่าจากผลการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ ทั้งในเรื่องของการติดตามจับกุมคนร้าย และการดูแลช่วยเหลือผู้ที่ได้รับบาดเจ็บและญาติของผู้เสียชีวิต รวมทั้งมาตรการรองรับเหตุฉุกเฉินที่มีประสิทธิภาพนั้น ส่งผลให้นักท่องเที่ยวมีความเชื่อมั่นมากขึ้น ทั้งนี้เชื่อว่าจำนวนนักท่องเที่ยวในปีนี้จะเป็นไปตามที่คาดไว้คือประมาณ 29 ล้านคน
“สำหรับในเรื่องของมาตรการรักษาความปลอดภัย นอกเหนือไปจากการวางกำลังของเจ้าหน้าที่ทหาร รวมถึงตำรวจทั้งในและนอกเครื่องแบบ ตลอดจนการเพิ่มความเข้มงวดในการผ่านเข้าออกตามแนวชายแดน ท่าอากาศยาน รวมทั้งท่าเรือต่างๆแล้ว แต่เพื่อเป็นการลดช่องว่างในการรักษาความปลอดภัยและสนับสนุนข้อมูลข่าวสารให้กับเจ้าหน้าที่ จึงขอความร่วมมือประชาชนช่วยเป็นหูเป็นตา หากพบเห็นพฤติกรรมต้องสงสัย ขอให้รีบแจ้งกับเจ้าหน้าที่ตำรวจและทหาร ส่วนข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ที่ราชประสงค์ และท่าเรือสาทรสามารถแจ้งผ่านหมายเลข 1515 ได้ตลอดเวลา” พ.อ.วินธัย กล่าว.
ขอบคุณข่าวจาก