ภาคประชาชนออกโรงหนุนรธน.ฉบับปฏิรูป ชี้มีเนื้อหาเป็นประชาธิปไตย
ภาคประชาชน อัดกลับนักการเมืองชูประเด็นผู้แทนผู้แทนราษฎรไม่มีอำนาจทางการเมืองทำให้ไม่มีประชาธิไตย ชี้บ้านเมืองแย่เพราะกลุ่มนักการเมืองเหล่านี้ผูกขาดอำนาจและสนับสนันกลุ่มทุนให้ทำลายทรัพยากรชาติ
จากกระแสการออกมาเคลื่อนไหวคัดค้านร่างรัฐธรรมนูญฉบับปฏิรูปให้ไม่ผ่านความเห็นชอบของสมาชิกสภาปฏิรูปแห่งชาติ (สปช.) นั้น นายสรรพสิทธิ์ คุมประพันธ์ คณะกรรมการสิทธิเด็กแห่งสหประชาชาติ กล่าวถึงการที่นักการเมืองหลายฝ่ายพยายามหยิบประเด็นว่า อำนาจหน้าที่ของผู้แทนราษฎรเป็นสัญญลักษณ์ของประชาธิปไตย ประเด็นนี้ไม่มีความน่าเชื่อถือ เพราะในอดีตที่ผ่านมาผู้แทนราษฎรได้สนับสนุนกลุ่มทุนผูกขาดและชนชั้นนำด้วยการใช้อำนาจรัฐในการแสวงประโยชน์ให้แก่กลุ่มเหล่านี้ทั้งทางตรงและทางอ้อมด้วยการแย่งชิงทรัพยากรธรรมชาติ ไม่ว่าจะเป็นที่ดิน ป่าไม้ สิ่งมีชีวิตทั้งในป่าและในทะเล สินแร่หรือรัตนชาติต่างๆ พร้อมๆกับปล่อยสารพิษของเน่าเสียมลภาวะจากกระบวนการทำธุรกิจต้นทุนต่ำของตน โดยไม่ต้องปฏิบัติตามกฎหมายว่าด้วยสิ่งแวดล้อมและการพิทักษ์ทรัพยากรธรรมชาติ ดังนั้นการคืนอำนาจอธิปไตยสู่มือประชาชนไม่ใช่ให้สิทธิเลือกตั้งที่จะเลือกนักการเมืองกลับมาแสดงอำนาจหน้าที่อย่างที่เป็นมาซึ่งคนเหล่านี้ก็จะกลับมาแสดงบทบาทหน้าที่เช่นที่เคยเป็นมาและประชาชนก็จะถูกกดขี่ข่มเหง เอารัดเอาเปรียบแย่งยึดที่อยู่ที่กินโดยอาศัยเสียงข้างมากในสภาผู้แทนราษฎรเหมือนเดิม
นายสรรพสิทธิ์ กล่าวว่า ประชาธิปไตยต้องหมายถึงประชาชนมีส่วนร่วมในการบริหารจัดการประเทศรวมทั้งทรัพยากรธรรมชาติ ทั้งระดับชาติและระดับท้องถิ่น มีอำนาจตั้งตัวแทนตรวจสอบการใช้อำนาจขององค์กรรัฐ ด้วยการเสนอให้องค์กรตามรัฐธรรมนูญดำเนินการตรวจสอบต่อได้ในเมื่อร่างรัฐธรรมนูญบรรจุการมีส่วนร่วมของประชาชนดังได้กล่าวมา จึงถือว่ามีเนื้อหาที่เป็นประชาธิปไตยมากยิ่งกว่ารัฐธรรมนูญฉบับต่างๆที่เคยมีมา
"ส่วนความสัมพันธ์ระหว่างคณะกรรมการยุทธศาสตร์ปฏิรูปและการปรองดองแห่งชาติ (คปป.) กับรัฐบาลซึ่งจะมีอยู่เพียงห้าปีก็เพื่อสร้างหลักประกันว่า นักการเมืองเลือกตั้งที่ได้กุมอำนาจรัฐจะไม่สามารถใช้อำนาจ ในทางมิชอบเหมือนดังเช่นในระยะเวลา83 ปีที่ผ่านมา จนทำให้ถูกแทรกแซงด้วยการรัฐประหารมาโดยตลอด”