มท.1 เมินทบทวนขึ้นเงินเดือน อบต. นายกฯเสียงแข็งต้องเมษาฯ
“ชวรัตน์”ยันมีอำนาจขึ้นเงินเดือน อบต. เซ็นลงนามแล้วมีผลทันที “มาร์ค”จี้แจงความเหมาะสมอยู่ตรงไหน ไม่รอบคอบจะมีปัญหา “พท.”ซัดมักง่ายนำงบท้องถิ่นมาใช้ “นายกฯส.พลเรือน” ชี้การเมืองล้วนๆ
6 ธค.53 นายชวรัตน์ ชาญวีรกูล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย(มท.) และหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย(ภท.) ให้สัมภาษณ์ภายหลังนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ออกมาระบุในทำนองต้องการให้ทบทวนเรื่องการเพิ่มค่าตอบแทนให้นายกองค์การบริหารส่วนตำบลหรือนายก อบต.และบุคลากร อบต.เพื่อให้สอดคล้องกับปฏิทินการขึ้นเงินเดือนข้าราชการพลเรือนในเดือน เม.ย.54 ว่ายังไม่มีการพูดคุยกับนายกฯ ไม่ทราบว่าต้องการให้ทำเช่นนั้นหรือไม่และมีเหตุผลอะไร แต่ได้ออกเป็นระเบียบและลงนามไปแล้วจะมีผล 1 มค.54 และใช้เงินงบประมาณของท้องถิ่นนั้นๆ ไม่ได้ของบรัฐบาลเพิ่ม และถือเป็นอำนาจเต็มของกระทรวงมหาดไทย จึงไม่จำเป็นต้องนำเข้าพิจารณาในคณะรัฐมนตรี
ด้านนายอภิสิทธิ์ กล่าวว่าค่าตอบแทนบุคลากรภาครัฐหรือท้องถิ่นจะยึดโยงกันอยู่ การดำเนินการอะไรต้องรอบคอบ ผู้สื่อข่าวถามว่ายังยืนยันให้ดำเนินการใน เม.ย.หรือไม่ นายอภิสิทธิ์กล่าวว่าเวลาไม่สำคัญเท่ากับค่าตอบแทนว่าสอดคล้องเหมาะสมหรือไม่ และเมื่อถามถึงกระแสข่าวว่าต้องการให้ดำเนินการ เม.ย.เพราะต้องการให้เป็นผลงานรัฐบาล นายอภิสิทธิ์กล่าวว่ากระทรวงไหนทำก็เป็นผลงานรัฐบาลทั้งนั้น
“ทุกกลุ่มเวลาที่ดูค่าตอบแทนมันเชื่อมโยงกัน เราจะไปทำทีละกลุ่มแล้วเดี๋ยวจะมีการร้องเรียนกันไล่เป็นงูกินหางไม่จบ ฉะนั้นถ้ายึดโยงกันแล้วก็ไม่เป็นปัญหา ก็ควรชี้แจงมาให้ชัดเจนเท่านั้นเอง” นายกฯกล่าว
นายจาดุร อภิชาตบุตร หัวหน้าผู้ตรวจราชการ มท. และนายกสมาคมข้าราชการพลเรือนแห่งประเทศไทย กล่าวว่าการปรับขึ้นค่าตอบแทนควรพิจารณาในส่วนของข้าราชการประจำก่อนข้าราชการการเมือง เพราะคนที่เล่นการเมืองต้องเข้ามาดูแลทุกข์สุขของประชาชน ไม่ใช่เข้ามาคิดแสวงหาประโยชน์หรือเรียกร้องให้ขึ้นเงินเดือนให้ตนเอง
“เจตนาการขึ้นเงินเดือนให้ อบต.ตอนนี้ไม่มีอะไรมาก นอกจากขึ้นให้เป็นที่พอใจและตรงใจผู้รับ เป็นเรื่องการเมืองล้วนๆ ผมคุยกับพวก อบต.หลายคน เขาบอกว่าขอตอนไหนก็ไม่ได้เท่าตอนนี้เพราะใกล้จะมีการแข่งขันทางการเมืองแล้ว” นายจาดุรกล่าว
นายชวลิต วิชยสุทธิ์ ส.ส.สัดส่วนพรรคเพื่อไทย (พท.) กล่าวว่า เห็นด้วยกับการปรับค่าตอบแทนผู้บริหาร อบต. แต่ควรที่จะยึดโยงกันทั้งระบบ ไม่เช่นนั้นอาจเกิดความเหลื่อมล้ำต่ำสูง จากการที่เคยเป็นหนึ่งในคณะอนุกรรมาธิกา(กมธ.)ท้องถิ่น ใน กมธ.งบประมาณปี 2554 ทราบว่าไม่มีการตั้งงบประมาณไว้เพื่อการนี้ จึงขอถาม มท.ว่าจะนำงบประมาณส่วนไหนมาใช้ หากนำงบฯพัฒนาท้องถิ่นมาใช้ถือว่ามักง่ายเพราะเบียดบังงบพัฒนาท้องถี่นถึง 3,400 ล้านบาท ก่อให้เกิดความเสียหายต่อการพัฒนาท้องถิ่น เนื่องจากงบฯส่วนนี้มีน้อย ดังนั้นกระทรวงมหาดไทยควรหารือกับกระทรวงการคลังเพื่อของบประมาณเพิ่มเติมมาใช้
“ท้องถิ่นยังต้องการการกระจายอำนาจที่เป็นธรรมในการใช้งบประมาณตามสัดส่วนที่เขาควรจะได้รับ แต่ขณะนี้รัฐบาลใช้วิธีผลักดันนโยบายต่างๆของรัฐบาล แต่เอางบประมาณท้องถิ่นไปใช้ เช่น อสม. (อาสาสมัครสาธารณสุขหมู่บ้าน)เชิงรุก ค่าครองชีพ ผู้สูงอายุ หรือการเรียนฟรีมาอยู่ในส่วนของงบท้องถิ่นหลายหมื่นล้านบาท ซึ่งควรที่จะนำงบดังกล่าวมาใช้ในการพัฒนาท้องถิ่นมากกว่า เรื่องนโยบายต่างๆของรัฐบาลควรไปใช้งบประมาณจากกระทรวงที่เกี่ยวข้อง” นายชวลิต กล่าว
นายธัมรงค์ ไชยคุณ นายกสมาคมกำนันผู้ใหญ่บ้าน จ.พะเยา กล่าวว่า หากรัฐบาลจะขึ้นเงินเดือนให้ อบต.ต้องประเมิณว่านักการเมือง อบต.ทำงานเหมาะสมค่าเงินหรือยัง หลายแห่งทำงานไม่มีประสิทธิภาพ เช่น ทำถนน 1 เส้นทาง ผ่านไป 3 ปี ถนนก็พังเสียหายแล้ว ดังนั้นเมื่อจะเรียกร้องเงินค่าตอบแทนให้สูงขึ้น ต้องพัฒนาการทำงานให้ดีขึ้นตามไปด้วย และที่สำคัญต้องไม่มีการหารายได้พิเศษที่ไม่เหมาะสมด้วย
นายรัฐวุฒิชัย ใจกล้า รองประธานชมรมพัฒนาท้องถิ่นไทย กล่าวว่า 30 ต.ค.53 กระทรวงมหาดไทยมีคำสั่งให้นายก อบต. ทั่วประเทศกว่า 5,000 แห่ง ประชุมที่เมืองทองธานี นายบุญจง วงศ์ไตรรัตน์ อดีตรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย จาก ภท.รับปากว่าจะดำเนินการขึ้นเงินเดือน อบต. ดังนั้นหวังว่าคงไม่เป็นเรื่องที่หลอกลวงให้ อบต. ดีใจเก้อ เพราะหากการเรียกร้องของชาว อบต.ครั้งนี้ไม่ได้ผล รัฐบาลต้องยอมรับชะตากรรมที่จะเกิดขึ้น เพราะสิ่งที่เกิดขึ้นกับ อบต.กระทบกับท้องถิ่น ย่อมนำไปสู่ผลกระทบฐานเสียงทางการเมืองของรัฐบาล
นายทวีศักดิ์ ศรีทองกิติกูล ประธานสมาพันธ์ปลัดองค์การบริหารส่วนตำบลแห่งประเทศไทย กล่าวว่าหลังจากขึ้นค่าตอบแทนผู้บริหารและสมาชิกสภาท้องถิ่นแล้ว จะส่งผลกระทบกับเงื่อนไขหลักเกณฑ์การกำหนดค่าใช้จ่ายเงินเดือนและค่าตอบแทน อบต.ทุกระดับที่ต้องไม่เกินร้อยละ 40 จากงบประมาณรายรับ ขณะนี้มี อบต.บางแห่งมียอดการใช้จ่ายเกือบชนเพดานคือร้อยละ 39 เนื่องจากจ้างลูกจ้างจำนวนมาก และหลังจาก มท.ออกระเบียบให้ขึ้นค่าตอบแทนผู้บริหาร และในอนาคตมีการขึ้นเงินเดือนให้พนักงานส่วนตำบลในเดือน เม.ย.54 แล้ว ค่าใช้จ่ายส่วนนี้จะเกินจากเงื่อนไขที่กำหนดไว้ทั้งที่มาตรฐานสัดส่วนค่าใช้จ่ายไม่ควรจะเกินร้อยละ 25 ของงบประมาณรายรับ
นายภานุวุธ บูรณพรหม นายก อบต.ผาสิงห์ อ.เมือง จ.น่าน ในฐานะตัวแทนคณะกรรมการการกระจายอำนาจให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น(กกถ.) เปิดเผยว่าการออกมาคัดค้านของนายกรัฐมนตรี สะท้อนถึงวุฒิภาวะ ทั้งที่ไม่ควรมีความได้เปรียบเสียเปรียบทางการเมืองมาชี้นำ มากกว่าการเสนอความเห็นด้วยการอิงฐานข้อมูลตัวเลขที่มีอยู่ เนื่องจากการเรียกร้องขอขึ้นค่าตอบแทนมีมานานกว่า 3 ปี หากจะมองว่าพรรคภูมิใจไทยฉวยโอกาสหาเสียงก็ถือว่าไม่เป็นธรรม พรรคประชาธิปัตย์จึงไม่ควรยืดเยื้อ
“เม็ดเงิน 3.4 พันล้านบาท จะไม่สร้างปัญหาให้กระทบงบฯพัฒนาท้องถิ่นหรือกรอบอัตราการใช้เงินที่กำหนดไว้ไม่เกินร้อยละ 40 เพราะปีนี้ อปท.ได้เงินอุดหนุนเพิ่ม ไม่ต้องห่วงว่าจะไม่มีงบพัฒนาเพราะชาวบ้านจับตาดูการทำงานอย่างใกล้ชิด งานทุกกระทรวงทบวงกรมมาลงที่ อบต.แทบทั้งหมด หากนายก อบต.ไม่มีผลงาน สมัยหน้าก็คงไม่ต้องลงสมัครรับเลือกตั้ง” นายภานุวุธกล่าว.