เก่าไป-ใหม่มา! ขมวดรอยร้าวทีมเศรษฐกิจ“หม่อมอุ๋ย”ก่อนแตกหัก“บิ๊กตู่”?
“…ผมเองกับคุณสมคิดก็รู้จักกัน ถ้าอะไรไม่เหมาะผมก็โทรบอกเขาตรง ๆ ได้อยู่แล้ว แต่ระหว่างนี้เราต้องสนับสนุนเขาเต็มที่ ไม่ควรแบ่งแยกแล้วปกครองอีกต่อไป ประเทศไทยทะเลาะกันไม่ได้อีกแล้ว ตอนนี้ต้องช่วยกันทำให้เศรษฐกิจดี เดินให้ได้…”
เห็นหน้าค่าตากันไปเรียบร้อยแล้ว สำหรับคณะรัฐมนตรี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา “ชุดที่ 3” ภายหลังได้รับการโปรดเกล้าฯ เมื่อวันที่ 20 ส.ค. ที่ผ่านมา
และเป็นไปตามคาด “ทีมเศรษฐกิจ” ของ “หม่อมอุ๋ย” ม.ร.ว.ปรีดิยาธร เทวกุล (อดีต) รองนายกฯ ถูกปรับออก “ยกทีม” ไม่ว่าจะเป็น “สมหมาย ภาษี” (อดีต) รมว.คลัง “จักรมณฑ์ ผาสุกวนิช” (อดีต) รมว.อุตสาหกรรม เป็นต้น
เป็นไปตามเกมของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ที่ต้องการฟอร์มทีมขึ้นใหม่นำโดย “สมคิด จาตุศรีพิทักษ์” ที่ปรึกษาหัวหน้า คสช. กู้วิกฤติเศรษฐกิจที่ “ยักแย่ยักยัน” เป็น “แผลสด” จน “เปื่อย” รักษาเท่าไหร่ก็ไม่หาย
แต่ “รอยร้าว” ในคณะรัฐมนตรี “บิ๊กตู่” ได้เริ่มขึ้นก่อนหน้านั้นสักระยะหนึ่งแล้ว ?
เพื่อเล่าความเป็นมาให้ชัด สำนักข่าวอิศรา www.isranews.org เรียบเรียงให้เห็นภาพ ดังนี้
กระแสปรับคณะรัฐมนตรีเริ่ม “คุกรุ่น” ขึ้น ในช่วงกลางปี พ.ค.-มิ.ย. 2558 ภายหลังภาวะเศรษฐกิจเริ่มตกต่ำ ทำให้บรรดาฝ่ายตรงข้าม ไม่ว่าจะเป็น “อดีตรัฐบาล” หรือ “บรรดาฝ่ายต้าน” ขุดเรื่องนี้ขึ้นมาเล่นอย่างแพร่หลาย
โดยช่วงนี้ชื่อของ “สมคิด” ถูกยกขึ้นมาเป็น “เต็งหนึ่ง” ในการเข้ามารับตำแหน่ง “หัวหน้าทีมเศรษฐกิจ” ในคณะรัฐมนตรีชุดใหม่
ซึ่งก็มีเค้าลางไม่น้อย เพราะ “สมคิด” เริ่มลงมาเดินเกมเศรษฐกิจ “ฉากหน้า” มากขึ้น เห็นได้จากในวันครบรอบ 1 ปีของ คสช. “สมคิด” เป็นคนเสนอให้รัฐบาลพัฒนาด้านการเกษตร และเร่งทำโครงการขนาดใหญ่กับเอกชน เพื่อแก้พิษเศรษฐกิจ
(อ่านประกอบ : “สมคิด”ชงรบ.พัฒนาด้านการเกษตร-เร่งทำโครงการใหญ่แก้พิษเศรษฐกิจ)
ต่อมาช่วงเดือน ก.ค. มีเสียงซุบซิบเล่ากันว่า “หม่อมอุ๋ย” เผลอหลุดพูดในงาน CEO FORUM ของสมาคมธนาคารไทยว่า “บิ๊กตู่” ไม่เข้าใจเรื่องเศรษฐกิจ
อย่างไรก็ดี “บิ๊กตู่” ตอบกระแสข่าวนี้ว่า ไม่ได้ติดใจ และไม่ได้มีการเคลียร์อะไร พร้อมยืนยันว่า “เป็นคนรับผิดชอบในทุกด้าน”
หลังจากนั้นช่วงต้นเดือน ส.ค. กระแสการปรับคณะรัฐมนตรีก็เริ่มดังขึ้นเรื่อย ๆ มีข่าวว่าคนนั้น-คนนี้ เตรียมเข้ามานั่งเก้าอี้รัฐมนตรีเพื่อช่วยแก้ปัญหาเศรษฐกิจกันยกใหญ่ ผ่านการทาบทามของ “สมคิด” ที่เป็นหัวเรือใหญ่
ขณะที่ช่วงนี้ “หม่อมอุ๋ย” และทีมงานก็เริ่มเก็บตัวเงียบ ไม่ค่อยออกมาพูดเรื่องเศรษฐกิจมากนัก ออกมาแต่ละทีก็ “ปฏิเสธ” ข่าวการปรับคณะรัฐมนตรีอย่างเดียว โดยยืนยันว่า ทีมเศรษฐกิจเดิมยังทำงานได้อยู่
ก่อนที่ปลายเดือน ส.ค. กระแสปรับคณะรัฐมนตรีจะดังถึงขีดสุด กระทั่ง “บิ๊กตู่” ออกมายอมรับว่า ได้ทูลเกล้าฯถวายรายชื่อคณะรัฐมนตรีชุดใหม่ไปแล้ว แต่ก็อุบไต๋ไม่ยอมบอกว่าใครเข้ามานั่ง “เก้าอี้ร้อน” บ้าง
และในที่ประชุมคณะรัฐมนตรีวันเดียวกันนั้นเอง “บิ๊กตู่” ได้ใช้เวลาช่วงแรกก่อนเข้าประชุมบอกกับบรรดารัฐมนตรีว่า จะมีการปรับคณะรัฐมนตรี และนำรายชื่อขึ้นทูลเกล้าฯถวายแล้ว พร้อมกับกล่าว “ขอบคุณ” รัฐมนตรีทุกคนที่ร่วมทำงานกันอย่างหนักในตลอดเกือบ 1 ปี เต็ม
ซึ่งในช่วงนี้เองรายงานข่าวแจ้งว่า มีรัฐมนตรี “บางคน” รู้ตัวแล้วว่าจะโดนปรับออก ก็นั่งก้มหน้าก้มตาโดยมีสีหน้าที่เรียบเฉย ส่วนบางคนที่แน่ใจแล้วว่าจะได้ “อยู่ต่อ” ก็ตั้งอกตั้งใจฟังเป็นอย่างดี
หลังการประชุมคณะรัฐมนตรีเสร็จสิ้น “ทีมเศรษฐกิจ” ได้เข้านั่งปรึกษาหารือกันที่ห้องทำงานของ “หม่อมอุ๋ย” ซึ่งมีรายงานข่าวแจ้งว่า รัฐมนตรีหลายรายใน “ทีมหม่อมอุ๋ย” ต่างตกใจ และนึกไม่ถึงว่าจะถูกปรับออกอย่างรวดเร็วเช่นนี้ บางคนก็ทำใจไม่ทัน
หลังจากนั้นอีก 2 วัน ราชกิจจานุเบกษาเผยแพร่โปรดเกล้าฯแต่งตั้งคณะรัฐมนตรี พล.อ.ประยุทธ์ ชุดที่ 3 ซึ่งเป็นไปตามคาด “สมคิด” เสียบแทนเก้าอี้รองนายกฯฝ่ายเศรษฐกิจแทน “หม่อมอุ๋ย” เรียบร้อยโรงเรียน คสช.
ฟาก “หม่อมอุ๋ย” รวมถึงทีมงานต่างไม่ออก “แอ็คชั่น” อะไรมากนัก เพราะคาดกันไว้ก่อนอยู่แล้ว ขณะที่ “บิ๊กตู่” ส่งสัญญาณไปยังทีม ม.ร.ว.ปรีดิยาธร ว่า เข้ามาเป็นที่ปรึกษาแทนได้
ด้วยคำพูดนี้เองทำให้ “หม่อมอุ๋ย” ต้องออกมาตั้งโต๊ะแถลงข่าวถึงกรณีการถูกปรับออกจากคณะรัฐมนตรี
“ผมเองกับคุณสมคิดก็รู้จักกัน ถ้าอะไรไม่เหมาะผมก็โทรบอกเขาตรง ๆ ได้อยู่แล้ว แต่ระหว่างนี้เราต้องสนับสนุนเขาเต็มที่ ไม่ควรแบ่งแยกแล้วปกครองอีกต่อไป ประเทศไทยทะเลาะกันไม่ได้อีกแล้ว ตอนนี้ต้องช่วยกันทำให้เศรษฐกิจดี เดินให้ได้ก็เลยอยากจะฝากสื่อมวลชนว่า อย่าไปออกข่าวเลยว่าผมไปเป็นที่ปรึกษาไม่เคยมีการทาบทาม ถ้าทาบทามก็จะไม่รับ ไม่ชอบหลักการแบ่งแยกปกครองมาแต่ไหนแต่ไรแล้ว”
เป็นคำยืนยันของ “หม่อมอุ๋ย” ก่อนที่จะระบุด้วยว่า ไม่เคยมีการทาบทามให้มาเป็นที่ปรึกษา “นายกฯ” แต่อย่างใด
หลุดวาทะสำคัญที่จุดชนวนการ “แตกหัก” ต่อ “บิ๊กตู่” คือ ใช้หลักการ “แบ่งแยกแล้วปกครอง”
ก่อนยืนยันว่า ตัวเองถูกจับผิดตลอดเวลาทำให้หมดแรง ไม่มีความสุข และถามกลับว่า “ทำงานแล้วมีที่ปรึกษามาคอยดูงานตลอดเวลามันก็แปลว่ามันจะถูกหรือผิดใช่ไหม”
ล่าสุด “สมหมาย ภาษี” อดีตขุนคลัง ออกมาให้สัมภาษณ์ผ่านสื่ออย่างเผ็ดร้อนถึงอนาคตของรัฐบาลชุดนี้ว่า “เพิ่งออกจากห้องคลอด ยังไม่ออกจากโรงพยาบาล”
ทั้งหมดคือชนวนเหตุตั้งแต่ “เริ่มร้าว” จนกระทั่ง “แตกหัก” ระหว่าง “หม่อมอุ๋ย” กับ “บิ๊กตู่”
แต่ไม่ว่าข้อเท็จจริงเป็นอย่างไร ?
ปัญหาปากท้องของประชาชน เป็นสิ่งที่รอต่อไปอีกไม่ไหวแล้ว และต้องการให้รัฐบาลเข้ามาคลี่คลายโดยด่วน!
อ่านประกอบ : ครม.ประยุทธ์ 3 ไม่พลิก 'สมคิด'คุมศก. -'อนันตพร' พลังงาน-อรรชกา ผงาดอุตฯ