โชว์ 3 คลิป "คุยมันส์ทันข่าว" ชนวนเหตุ เอเอสทีวี จ่อถูกพักใบอนุญาต ตามรอย "พีซทีวี"?
"...มีเสียงดังลอยมาตามลมว่า เรื่องนี้ควรทำให้เป็นมาตรฐานเดียวกัน เพราะก่อนหน้านี้ กสท. ก็เคยสั่งลงโทษ บริษัท พีซ เทเลวิชั่น จำกัด เจ้าของสถานีโทรทัศน์พีซทีวี ตั้งแต่สั่งพักใบอนุญาต จนถึงการเพิกถอนใบอนุญาตไปแล้ว (ปัจจุบันศาลปกครองสั่งคุ้มครองชั่วคราว) บริษัท เอเอสทีวี (ประเทศไทย) จำกัด ก็ควรจะต้องโดนเหมือนกัน..."
กำลังจะถูกเสนอเรื่องเข้าสู่การพิจารณาของที่ประชุมคณะกรรมการกิจการกระจายเสียงและกิจการโทรทัศน์ (กสท.) เพื่อสั่งพักใบอนุญาตการแพร่ภาพออกอากาศเป็นระยะเวลา 15 วัน อย่างเป็นทางการในเร็วๆ นี้ สำหรับ บริษัท เอเอสทีวี (ประเทศไทย) จำกัด
เนื่องจาก คณะอนุกรรมการด้านผังรายการและเนื้อหารายการที่มีพล.ท.ดร.พีระพงษ์ มานะกิจ กรรมการ กสทช. เป็นประธาน ได้พิจารณาเนื้อหารายการ "คุยมันส์ทันข่าว" ที่ออกอากาศทางช่องรายการ NEWS 1 แล้ว พบว่า มีเนื้อไม่เหมาะสม มีลักษณะที่ส่อให้เกิดความสับสน ยั่วยุ ปลุกปั่น ให้เกิดความขัดแย้ง และสร้างให้เกิดความแตกแยก รวมถึงการวิพากษ์วิจารณ์การบริหารงานของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี
(อ่านประกอบ : "เอเอสทีวี"ระทึก!อนุฯผังรายการชงกสท. สั่งพักใบอนุญาต15 วัน วิจารณ์ "บิ๊กตู่")
ขณะที่มีเสียงดังลอยมาตามลมจากห้องประชุมว่า "เรื่องนี้ กสท.ควรทำให้เป็นมาตรฐานเดียวกัน เพราะก่อนหน้านี้ กสท. ก็เคยสั่งลงโทษ บริษัท พีซ เทเลวิชั่น จำกัด เจ้าของสถานีโทรทัศน์พีซทีวี ตั้งแต่สั่งพักใบอนุญาต จนถึงการเพิกถอนใบอนุญาตไปแล้ว (ปัจจุบันศาลปกครองสั่งคุ้มครองชั่วคราว) บริษัท เอเอสทีวี (ประเทศไทย) จำกัด ก็ควรจะต้องโดนเหมือนกัน
ล่าสุด สำนักข่าวอิศรา www.isranews.org ตรวจสอบข้อมูลเชิงลึกพบว่า เนื้อหารายการ "คุยมันส์ทันข่าว" ที่คณะอนุกรรมการด้านผังรายการและเนื้อหารายการที่มีพล.ท.ดร.พีระพงษ์ มานะกิจ เป็นประธาน นำมาใช้ประกอบการพิจารณาการจะลงมติว่ามีเนื้อหาไม่เหมาะสม มีอยู่จำนวน 3 คลิป ด้วยกัน
คลิปแรก วันที่ 19 มิ.ย.2558
ฟังเนื้อหาในคลิป https://drive.google.com/file/d/0B92NuK5YL-eCRDZEdkIzQ3VndVE/view?pli=1
คลิปสอง วันที่ 26 มิ.ย.2558
(ฟังเนื้อหาในคลิปhttps://drive.google.com/file/d/0B92NuK5YL-eCMkhHNGxkY0ZHSHc/view?pli=1)
คลิปสาม 14 ก.ค.2558
ฟังเนื้อหาในคลิป https://drive.google.com/file/d/0B92NuK5YL-eCLTRpQzBwaDRVczQ/view?pli=1)
จากการตรวจสอบเนื้อหาในคลิปทั้ง 3 คลิป ส่วนใหญ่เป็นการวิพากษ์วิจารณ์การทำงานของ ตำรวจ เป็นหลัก รวมถึงการบริหารงานของพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี
สำหรับผู้ดำเนินรายการตัวหลัก คือ "โสภณ องค์การณ์" และ "สุนันท์ ศรีจันทรา"
ขณะที่กรณีการสั่งปิดสถานีโทรทัศน์พีซทีวี ของ บริษัท พีซ เทเลวิชั่น จำกัด เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 27 เมษายน 2558 โดย พ.อ.ดร.นที ศุกลรัตน์ ประธานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียงและกิจการโทรทัศน์ (กสท.) โพสต์ข้อความผ่านทวิตเตอร์ “Dr.Natee Sukonrat @DrNateeDigital” ถึงมติให้เพิกถอนใบอนุญาตประกอบกิจการโทรทัศน์บริษัท พีซ เทเลวิชั่น จำกัด (เจ้าของสถานีโทรทัศน์พีซทีวี)
พ.อ.ดร.นที ระบุว่า ในการประชุม กสท. ได้มีมติให้เพิกถอนใบอนุญาตประกอบกิจการโทรทัศน์บริษัท พีซ เทเลวิชั่น จำกัด หลังจากที่ก่อนหน้านี้ได้มีมติเมื่อวันที่ 30 มี.ค. 2558 ให้พักใบอนุญาตมาแล้วเป็นเวลา 7 วัน ทั้งนี้ เมื่อได้พิจารณาข้อร้องเรียนช่องพีซ ทีวี ซึ่งเป็นการพิจารณาตามบันทึกข้อตกที่ทางบริษัท พีซ เทเลวิชั่น จำกัด กับคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคม (กสทช.) หลังจากมีการเปลี่ยนแปลงทางการเมืองเมื่อวันที่ 22 พ.ค. 2557 ได้มีช่องรายการโทรทัศน์ดาวเทียมจำนวนหนึ่ง ถูกยุติการออกอากาศตามคำสั่งคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) นั้น เนื่องจากช่องรายการเหล่านั้นมีส่วนเกี่ยวข้องกับวิกฤตการณ์ทางการเมืองของประเทศโดยต่อเนื่อง
“ต่อมาช่องรายการเหล่านี้ได้รับการอนุญาตให้ออกอากาศอีกครั้งโดยจะต้องมีการยอมรับข้อตกลงกับทาง กสทช. ในการระมัดระวังการออกอากาศโดยช่องรายการตกลงที่จะไม่ออกอากาศเนื้อหาที่ส่อให้เกิดความสับสน ยั่วยุ ปลุกปั่น ให้เกิดความขัดแย้ง และสร้างให้เกิดความแตกแยก” พ.อ.ดร. นที ระบุ
พ.อ.ดร. นที ระบุอีกว่า กรณีของช่องรายการพีซ ทีวี เป็นช่องหนึ่งที่ได้ทำข้อตกลงดังกล่าว และได้มีข้อร้องเรียนการกระทำที่ฝ่าฝืนข้อตกลงมาตามลำดับ ได้มีการตักเตือน ทำความเข้าใจ ในระดับของอนุกรรมการด้านเนื้อหารายการของ กสทช. หลายครั้ง หลายวาระด้วยกัน ตั้งแต่ ต.ค. 2557 แต่พีซ ทีวี ยังคงนำเสนอเนื้อหาในลักษณะเช่นเดิม จนอนุกรรมการฯได้เสนอ กสท. เพื่อพิจารณาข้อร้องเรียนของ พีซ ทีวี เมื่อวันที่ 23 มี.ค. 2558 โดย กสท. ได้มีมติให้ตักเตือน พีซ ทีวี เป็นลายลักษณ์อักษรให้ปฏิบัติตามกฎหมาย และที่กำหนดในข้อตกลง
“ต่อมา พีซ ทีวี ยังคงออกอากาศรายการที่ยังขัดต่อข้อตกลงดังกล่าวอีก จนกระทั่ง กสท. ได้มีมติในการประชุมเมื่อวันที่ 30 มี.ค. 2558 ให้พักใช้ใบอนุญาตประกอบกิจการดังกล่าวส่งผลให้ พีซ ทีวี ต้องยุติการออกอากาศเนื้อหารายการตั้งแต่ 10 เม.ย. 2558 จนถึง 17 เม.ย. 2558” พ.อ.ดร.นที ระบุ
พ.อ.ดร.นที ระบุว่า เมื่อ พีซ ทีวี ออกอากาศอีกครั้งในวันที่ 18 เม.ย. 2558 ได้ออกอากาศมีเนื้อหาละเมิดต่อข้อตกลง ในลักษณะเช่นเดิม ดังนั้นสำนักงาน กสทช.ได้นำเสนอวาระต่อที่ประชุม กสท. เพื่อพิจารณากรณีดังกล่าว ที่ประชุมจึงได้มีมติให้เพิกถอนใบอนุญาตประกอบกิจการโทรทัศน์ซึ่งมติดังกล่าว กสท. เป็นการพิจารณาตามกระบวนการมาเป็นลำดับ ด้วยการทำความเข้าใจ แจ้งเตือน พักใช้ใบอนุญาตประกอบกิจการฯ
“เมื่อ กสท. ได้พิจารณาถึงการกระทำโดยถี่ถ้วนว่าเป็นลักษณะเข้าข่ายการกระทำที่เป็นความผิดซ้ำซาก ที่ประชุมจึงได้มีมติใช้อำนาจตาม พ.ร.บ.การประกอบกิจการกระจายเสียงและกิจการโทรทัศน์มาตรา 37 ” พ.อ.ดร.นที ระบุ
ทั้งนี้ ที่ผ่านมา สถานีโทรทัศน์ดาวเทียม PEACE TV ถูกมองว่าเป็นช่องดาวเทียมของกลุ่มคนเสื้อแดง และในการแพร่ภาพออกอากาศก็มีแกนนำกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) อย่างน้อย 4 ราย ที่ร่วมเป็นพิธีกร/ผู้ดำเนินรายการ อาทิ นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ เลขาธิการ นปช. ผู้ดำเนินรายการ “เข้าใจตรงกันนะ” นพ.เหวง โตจิราการ ผู้ดำเนินรายการ “เดินหน้าต่อไป” นายนิสิต สินธุไพร ผู้ดำเนินรายการ “เปิดปมสู่ปฏิรูป” นพ.เชิดชัย ตันติศิรินทร์ ผู้ดำเนินรายการ “คิดรอบด้าน”
ขณะที่นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ เคยออกมาตั้งข้อสังเกตกรณีที่ กสท.มีมติให้พีชทีวีและทีวี24 งดออกอากาศ 7 วัน ก่อนหน้านี้ ว่า "นี่ถือเป็นอีกสัญญาณหนึ่งว่า ฝ่ายรัฐเลือกที่จะใช้อำนาจจัดการทุกอย่าง แทนที่จะเปิดช่องให้คนเห็นต่างได้สื่อสารบ้างเพื่อคลายความกดดัน"
ปัจจุบันอยู่ระหว่างกระบวนการฟ้องร้องในชั้นศาล โดยเมื่อวันที่ 16 กรกฎาคม 2558 ศาลปกครองกลาง มีคำสั่งให้ทุเลาการบังคับตามมติคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) ที่ให้เพิกถอนใบอนุญาตประกอบกิจการกระจายเสียง หรือกิจการโทรทัศน์ทางสถานีโทรทัศน์ดาวเทียม พีซทีวี (PEACE TV) ไว้เป็นการชั่วคราวจนกว่าศาลจะมีคำพิพากษาหรือคำสั่งเป็นอย่างอื่น ทำให้ปัจจุบัน พีซทีวี สามารถออกอากาศได้ตามปกติ
ส่วนการพิจารณาบทลงโทษ ของ บริษัท เอเอสทีวี (ประเทศไทย) จำกัด ซึ่งถูกระบุว่าสถานีโทรทัศน์ของกลุ่มคนเสื้อเหลือง ที่กำลังจะเกิดขึ้น จะซ้ำรอยถึงขั้นขึ้นโรงขึ้นศาล เหมือนกรณี "พีซทีวี" หรือไม่
โปรดจับจองมองดู "หน้าจอทีวี" อย่างใกล้ชิด!