ม.เกษตรศาสตร์ จับมือบ.เอ็น.ซี.ซี.ผลักดันอุตสาหกรรมไทยเข้าสู่ยุค4.0
นักวิชาการเชื่อไทยก้าวข้ามอุตสาหกรรม3.0สู่4.0ไม่ยาก ชี้คนไทยมีศักยภาพและมีการยอมรับเทคโนโลยีสูง ระบุภาวะวิกฤติไม่ใช่ปัญหาขอเพียงปล่อยทุกอย่างให้เป็นไปตามกลไกธรรมชาติ
6 สิงหาคม 2558 มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์และกลุ่มบริษัท เอ็น.ซี.ซี. ประกาศลงนามความร่วมมือสนับสนุนการดำเนินกิจกรรมทางวิชาการเพื่อสร้างความรู้ให้คำแนะนำแนวทางการพัฒนาด้านอุตสาหกรรม การพัฒนาหลักสูตร การสัมมนาทางวิชาการ รวมถึงการส่งเสริมสนับสนุนการศึกษา ณ ห้องประชุม 1 ศูนย์ประชุมแห่งชาติสิริกิต์ กทม.
ดร.กมลพรรณ แสงมหาชัย ผู้อำนวยการศูนย์การจัดการพลังงานและเทคโนโลยีแห่งมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ กล่าวว่า การพัฒนาอุตสาหกรรมไทยในศตวรรษใหม่นั้น ประเทศไทยมีโอกาสที่จะก้าวไปสู่อุตสาหกรรมในยุคที่ 4 ได้ เนื่องจากคนไทยมีการยอมรับเทคโนโลยีค่อนข้างสูงและมีการเรียนรู้เรื่องเทคโนโลยีและนำไปใช้ค่อนข้างดี ซึ่งการยอมรับเทคโนโลยีจะทำให้เกิดระดับความพร้อมในด้านเทคโนโลยีของประเทศ พูดง่ายๆคือจะมีการลงทุนด้านโครงสร้างพื้นฐานทางเทคโนโลยีสารสนเทศและเทคโนโลยีอื่นๆได้อย่างมีประสิทธิภาพ ทั้งนี้เทคโนโลยีด้านอุตสาหกรรมในยุคที่ 4 หรือที่เรียกว่าอุตสาหกรรม 4.0 จะมีลักษณะแบบก้าวกระโดด คือไม่จำเป็นต้องพัฒนาเทคโนโลยีทีละขั้นเพื่อเข้าสู่จุดหมาย แต่เป็นเรื่องที่เทคโนโลยีสามารถนำมาใช้และสร้างให้เกิดการเปลี่ยนแปลงได้เลยในทันที อย่างไรก็ตามจะต้องมีการวางแผนและออกแบบกระบวนการอย่างรัดกุมโดยผู้เชี่ยวชาญด้วยเช่นกัน
สำหรับโอกาสของอุตสาหกรรมไทยนั้น ดร.กมลพรรณ กล่าวว่า อุตสาหกรรม 4.0 จะเป็นเทคโนโลยีสารสนเทศและคอมพิวเตอร์เป็นหลัก โดยเทคโนโลยีเหล่านี้จะมีราคาต่ำลงกว่า 50% ในทุกๆ 2 ปี ดังนั้นจึงเป็นโอกาสสำคัญที่อุตสาหกรรมขนาดกลางและขนาดเล็กซึ่งมีถึง 90% ของอุตสาหกรรมไทยทั้งหมด และเป็นอุตสาหกรรมพื้นฐานทีสำคัญที่จะสามารถเข้าถึงเทคโนโลยีในอีก 1-2 ปีข้างหน้า ส่วนคำถามว่าเรายังก้าวไม่ข้ามอุตสาหกรรม3 แล้วจะไป 4 ได้อย่างไร ก็ต้องบอกว่าเรามีคนที่มีคุณภาพขอเพียงสร้างคนได้ยังไงเดินไปถึงอุตสาหกรรม4.0ได้อย่างไม่มีปัญหา เพราะความสำคัญอยู่ที่คนใช้เทคโนโลยี
“ส่วนปัญหาเศรษฐกิจในวันนี้เราเพียงต้องปล่อยให้เป็นไปตามกลไกอย่าไปบิดเบือนธรรมชาติ ทั้งเรื่องราคาสินค้า ราคาตลาดแรงงาน อย่าไปบิดเบือน อย่าเพิ่งทำอะไรตอนนี้”
ด้านนายศักดิ์ชัย ภัทรปรีชากุล กรรมการผู้จัดการ กลุ่มบริษัท เอ็น.ซี.ซี. กล่าวว่า ระบบเศรษฐกิจของประเทศไทยจำเป็นต้องพึ่งพาภาคธุรกิจและอุตสาหกรรมทั้งภายในประเทศและต่างประเทศ ไม่ว่าจะเป็นด้านการแข่งขัน การผลิต การจัดจำหน่าย และการจัดการตามระบบการค้าเสรี โดยเฉพาะภาคอุตสาหกรรมขนาดกลางและขนาดย่อมของประเทศ โดยคิดเป็นสัดส่วน 99.8% ของจำนวนวิสาหกิจทั้งประเทศ และ78.2% ของการจ้างงานภาคอุตสาหกรรมทั้งหมด ทั้งนี้มองว่าหัวใจสำคัญของการพัฒนาภาคธุรกิจและอุตสาหกรรมคือ การวางรากฐานด้านความรู้ และการพัฒนาบุคลากร ฉะนั้นจึงได้ร่วมมือกับมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ในการสนับสนุนกิจกรรมทางวิชาการเพื่อจะร่วมเป็นพันธมิตรทางวิชาการและพัฒนาวงการอุตสาหกรรมไทยให้สามารถแข่งขันกับนานาประเทศได้