สธ.ร่วมกับองค์กรต่างๆ เรียกร้องสถานประกอบกิจการ สนับสนุนนมแม่ให้มากขึ้น
วันที่ 1-7 สิงหาคมของทุกปี ถือเป็นสัปดาห์นมแม่โลก กรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข กรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน กระทรวงแรงงาน มูลนิธิศูนย์นมแม่แห่งประเทศไทย สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) และองค์การยูนิเซฟ ประเทศไทย เรียกร้องให้ทุกฝ่ายสนับสนุนแม่ทำงานสามารถเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ได้ สิทธิลาคลอดอย่างเต็มที่ สถานประกอบกิจการจัดพื้นที่สำหรับบีบเก็บน้ำนม และมีนโยบายให้พนักงานหญิงมีช่วงเวลาพักเพื่อบีบเก็บน้ำนม หรือช่วงเวลาทำงานที่ยืดหยุ่นได้
ในปีนี้ คำขวัญของสัปดาห์นมแม่โลก คือ Breastfeeding and Work – Let’s make it work หรือ “ภาคีร่วมใจ ช่วยแม่ไทย ให้เลี้ยงลูกด้วยนมแม่” โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อส่งเสริมให้หญิงทำงานทั้งแรงงานในระบบและนอกระบบ ให้สามารถทำงานไปควบคู่กับการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ ซึ่งจะเป็นประโยชน์ทั้งต่อเด็ก แม่ ผู้ประกอบการ และประเทศไทย
นายแพทย์พรเทพ ศิริวนารังสรรค์ อธิบดีกรมอนามัยกล่าวว่า “นมแม่เป็นอาหารที่ดีที่สุดของทารก ทารกควรได้รับนมแม่อย่างเดียวในช่วง 6 เดือนแรก และได้รับนมแม่ต่อเนื่องร่วมกับอาหารตามวัยจนอายุ 2 ปีหรือนานกว่านั้น แต่ ณ วันนี้ เราพบว่าอุปสรรคที่สำคัญยิ่งต่อการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ คือการที่แม่ต้องกลับไปทำงานหลังจากลาคลอดครบ 3 เดือนแล้ว กรมอนามัยเห็นว่าถ้าทุกภาคีเครือข่ายสามารถช่วยให้แม่เลี้ยงลูกด้วยนมแม่ต่อเนื่องได้ ก็จะสามารถลดอุปสรรคนี้ได้”
แรงงานหญิงวัยเจริญพันธุ์ต้องได้รับการสนับสนุนให้สามารถทำงานและดูแลครอบครัวได้อย่างสมดุล กรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน เห็นความสำคัญของการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ จึงมีนโยบายการส่งเสริมให้นายจ้างจัดสวัสดิการมุมนมแม่ให้แก่พนักงาน เพื่อให้แรงงานหญิงสามารถทำงานรักษารายได้ และขณะเดียวกันก็สามารถเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ได้
เมื่อพนักงานหญิงมีโอกาสได้หยุดพักระหว่างวัน และมาใช้มุมนมแม่ในสถานที่ทำงาน ก็จะสามารถบีบเก็บน้ำนม เพื่อนำกลับไปให้ลูกได้อย่างต่อเนื่อง เด็กมีสุขภาพแข็งแรง ไม่เจ็บป่วยบ่อย ลดโอกาสที่พนักงานหญิงต้องลางานเพื่อดูแลลูกที่ป่วย และลดค่าดูแลสุขภาพลูกในระยะยาว นโยบายเช่นนี้สอดคล้องกับเจตนารมณ์องค์การแรงงานสากล ตามอนุสัญญาฉบับที่ 183 ว่าด้วยการคุ้มครองภาวะความเป็นมารดาของแรงงานสตรี ปัจจุบัน มีสถานประกอบกิจการทั่วประเทศที่จัดตั้งมุมนมแม่แล้วจำนวน 1,228 แห่ง
นายพิชัย ราชภัณฑารี ผู้แทนองค์การยูนิเซฟ ประเทศไทย กล่าวว่า “การสนับสนุนนมแม่เป็นประโยชน์อย่างมากแก่ทั้งพนักงานและบริษัท แต่ที่สำคัญที่สุด เด็กที่ได้รับนมแม่ถึง 6 เดือนจะมีพัฒนาการทางสติปัญญาที่ดี และประสบความสำเร็จในการศึกษามากขึ้น ดังนั้น จึงถือว่าบริษัทมีส่วนช่วยในพัฒนาสมองของเด็กที่เป็นอนาคตของประเทศด้วย”
มูลนิธิศูนย์นมแม่แห่งประเทศไทย ได้ร่วมมือกับภาคีเครือข่ายภาครัฐและเอกชน เพื่อนำร่องการสนับสนุนการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ในสถานประกอบกิจการ แพทย์หญิงศิริพร กัญชนะ ประธานมูลนิธิศูนย์นมแม่แห่งประเทศไทย กล่าวว่า “ปัจจุบัน เราร่วมทำงานกับสถานประกอบกิจการกว่า 40 แห่งที่มีการดำเนินการที่ดีมาก ประสบการณ์ของบริษัทเหล่านี้จะทำให้บริษัทอื่นๆ ในประเทศไทยเกิดความสนใจและมั่นใจในการเริ่มดำเนินการช่วยพนักงานหญิงของตนให้สามารถดูแลลูกของตัวเองอย่างดีที่สุดด้วยนมแม่ได้”
เนื่องในวาระการเฉลิมฉลองสัปดาห์นมแม่โลก และวันแม่แห่งชาติ มูลนิธิศูนย์นมแม่แห่งประเทศไทยและเครือข่าย ได้จัดการเสวนา “ภาคีร่วมใจ ช่วยแม่ไทย ให้เลี้ยงลูกด้วยนมแม่” ขึ้นในวันที่ 14 สิงหาคม 2558 ที่โรงแรมโกลเด้น ทิวลิป ถนนพระราม 9 กรุงเทพฯ ด้วยการสนับสนุนจากองค์การยูนิเซฟ ประเทศไทย และโครงการอไลฟ์ แอนด์ ไธรฟ์ โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อแลกเปลี่ยนประสบการณ์ของบริษัทต้นแบบที่ประสบความสำเร็จในการดำเนินการส่งเสริมการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่
บริษัทที่สนใจสามารถติดต่อมูลนิธิศูนย์นมแม่แห่งประเทศไทย เพื่อลงทะเบียนและหาข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับนมแม่ในสถานประกอบกิจการได้ที่ www.thaibreastfeeding.org หรือโทรศัพท์ 02-354-8444 ต่อ 23
นอกจากนี้ ขอเชิญชวน บริษัท พนักงาน แม่ และครอบครัว ให้ร่วมแชร์ข้อความและรูป เกี่ยวกับการสนับสนุนนมแม่ในสถานที่ทำงาน ผ่านช่องทางโซเชียลมีเดียต่างๆ และใช้แฮชแท็ก #WBWThailand และ #WBW2015
ภาพข่าว : ยูนิเซฟ โดย เมธี เถื่อนทัพ (พนักงานหญิงที่บริษัท ไทยซัมมิท ฮาร์เนส จำกัด (มหาชน) ซึ่งเป็นบริษัทที่จัดมุมนมแม่และอุปกรณ์ต่างๆ เพื่อสนับสนุนให้พนักงานสามารถเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ได้)