ทรัพย์สิน 45 ล. 'บรรยิน' อดีต รมช.พาณิชย์ ก่อนโยงคดี 'เสี่ยรับเหมา'
พลิกสมบัติ 45 ล. “บรรยิน ตั้งภากรณ์” อดีต รมช.พาณิชย์ พบมีเงินลงทุนแค่ 8 พัน “เมีย” 40 ล้าน ที่ดิน จ.นครสวรรค์ อื้อ 25 แปลง 22 ล้าน บ้าน 5 หลัง คอนโดฯ 2 ห้อง ขับรถจากัวร์ ได้ค่าเช่าตึกอีกว่า 1.2 ล้าน
ชื่อของ “พ.ต.ท.บรรยิน ตั้งภากรณ์” อดีต ส.ส.นครสวรรค์ พรรคมัชฌิมาธิปไตย และอดีต รมช.พาณิชย์ ยุครัฐบาล “สมัคร สุนทรเวช” ตกเป็นข่าวอีกครั้ง !
ภายหลังชื่อไปพัวพันในคดี “ชูวงษ์ แซ่ตั๊ง” เศรษฐี เจ้าของบริษัทรับเหมาก่อสร้างรายใหญ่ จ.สมุทรปราการ ประสบอุบัติเหตุเสียชีวิตทางรถยนต์ ซึ่งอยู่ระหว่างการสืบสวนสอบสวนของเจ้าหน้าที่ตำรวจ ขณะที่เจ้าตัวออกมาชี้แจงว่าไม่เกี่ยวข้อง
สำนักข่าวอิศรา www.isranews.org ตรวจสอบในบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินของ พ.ต.ท.บรรยิน ที่ยื่นต่อคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) กรณีพ้นจากตำแหน่ง รมช.พาณิชย์ ครบ 1 ปี เมื่อวันที่ 25 ก.ย. 2552 พบรายละเอียด ดังนี้
พ.ต.ท.บรรยิน แจ้งว่า มีทรัพย์สิน 4,751,160 บาท
ได้แก่ เงินฝาก 6 บัญชี 2,211,960 บาท เงินลงทุน 1 แห่ง 8 พันบาท ที่ดิน 2 แปลง (ใน จ.นครสวรรค์ทั้งหมด) 241,200 บาท บ้าน 1 หลัง 1,050,000 บาท และทรัพย์สินอื่น (ราคาตั้งแต่สองแสนบาทขึ้นไป) ส่วนใหญ่เป็นพระเครื่อง-อาวุธปืน 1,240,000 บาท มีหนี้สิน 49,914 บาท เป็นเงินเบิกเกินบัญชี
มีรายได้ 250,570 บาท เป็นเงินเดือนอย่างเดียว
ส่วนนางวราภรณ์ ตั้งภากรณ์ คู่สมรส มีทรัพย์สิน 40,928,883 บาท
ได้แก่ เงินฝาก 11 บัญชี 2,730,228 บาท เงินลงทุน 6 แห่ง 2,262,200 บาท ที่ดิน 25 แปลง (ใน จ.นครสวรรค์ทั้งหมด) 22,224,455 บาท บ้าน 5 หลัง โกดัง 1 หลัง ห้องชุดคอนโดมีเนียม 2 ห้อง ที่ดินเปล่า 1 แห่ง 10,712,000 บาท รถยนต์ 2 คัน (จากัวร์, ฮอนด้า) 3 ล้านบาท มีหนี้สิน 1,876,590 บาท เป็นเงินเบิกเกินบัญชี กับกู้ธนาคาร และบุตรที่ยังไม่บรรลุนิติภาวะ มีเงินฝาก 3 บัญชี 21,954 บาท
มีรายได้ 1,540,000 บาท เป็นเงินเดือน 2.4 แสนบาท ค่าเช่าตึก 108,000 บาท ค่าเช่าตึกซีพี เซเว่น 1,140,000 บาท ค่าเช่านา 52,000 บาท
รวมทั้งคู่มีทรัพย์สินเบ็ดเสร็จ 45,701,999 บาท มีหนี้สินทั้งสิ้น 1,926,504 บาท
ทั้งหมดคือทรัพย์สินของ “พ.ต.ท.บรรยิน” ภายหลังพ้นตำแหน่ง รมช.พาณิชย์ ครบ 1 ปี เมื่อปี 2552 ก่อนถูกโยงเข้าไปพัวพันกับกรณีการเสียชีวิตของ “เสี่ยชูวงษ์” นักธุรกิจรายใหญ่ อยู่ในขณะนี้ !
ต้องดูกันต่อไปว่า ข้อเท็จจริง จะเป็นอย่างไร?
(กดไลค์ติดตามข่าวสารสำนักข่าวอิศรา ได้ในแฟนเพจ "I love isranews ")