เบื้องหลัง!ครม.ไฟเขียว49ล.ชง“ทบ.” แม่งานสร้างอ่างเก็บน้ำ“บ้านหนองดู่”
เบื้องหลัง! ครม.ไฟเขียวงบประมาณ 49 ล. สร้างอ่างเก็บน้ำ “บ้านหนองดู่” จ.ชัยนาท แก้ปัญหาอุทกภัย-ภัยแล้ง พบ มี.ค. 58 “พล.อ.ประวิตร” เคยลงพื้นที่ ก่อน จ.ชัยนาท ของบสร้างอ่างเก็บน้ำ ชง “กองทัพบก” รับผิดชอบในการก่อสร้าง คตร.-สำนักงานพัฒนาเศรษฐกิจฯ-กลาโหม ให้ผ่านฉลุย
เมื่อเร็ว ๆ นี้ คณะรัฐมนตรีมีมติ “ไฟเขียว” ตามข้อเสนอของกระทรวงมหาดไทย ให้ดำเนินโครงการอนุรักษ์ฟื้นฟูสระเก็บน้ำ “บ้านหนองดู่” พื้นที่ประมาณ 400 ไร่ ต.หนองมะโมง อ.หนองมะโมง จ.ชัยนาท ในวงเงินงบประมาณกว่า 49 ล้านบาท
โดยเห็นว่า เพื่อเป็นการแก้ไขปัญหาอุทกภัยและภัยแล้งในพื้นที่ อ.หนองมะโมง จ.ชัยนาท ให้เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ
ที่น่าสนใจคือ หน่วยงานที่ได้รับมอบหมายให้รับผิดชอบหลัก คือ “กองทัพบก” โดยกรมการทหารช่าง !
ทำไมจึงเป็นเช่นนั้น ?
สำนักข่าวอิศรา www.isranews.org นำข้อเสนอของกระทรวงมหาดไทย-ความเห็นหน่วยงานอื่น ๆ ต่อกรณีดังกล่าว มานำเสนอ ดังนี้
ช่วงกลางเดือน มิ.ย. 2558 กระทรวงมหาดไทย ขอเสนอความเห็นชอบโครงการบริหารจัดการน้ำเพื่อแก้ไขปัญหาอุทกภัยและภัยแล้ง ในพื้นที่ อ.หนองมะโมง จ.ชัยนาท แบบบูรณาการ ให้คณะรัฐมนตรีพิจารณา โดยมี พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย เป็นผู้ลงลายมือชื่อกำกับ
สำหรับงบประมาณในการบริหารจัดการน้ำของกระทรวงมหาดไทย โดยกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย ตามแผนงบประมาณปี 2557 มีวงเงินรวมทั้งสิ้น 2,400 ล้านบาท (ปัจจุบัน ณ มิ.ย. เหลืองบประมาณในส่วนนี้ประมาณ 549 ล้านบาท)
สำหรับเหตุผลและความจำเป็นที่ต้องเสนอต่อคณะรัฐมนตรี
เนื่องจาก พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และคณะได้ลงพื้นที่มอบนโยบายและติดตามผลการดำเนินงานในเขตตรวจราชการที่ 2 (ลพบุรี สิงห์บุรี อ่างทอง ชัยนาท) ที่ จ.ชัยนาท เมื่อวันที่ 20 มี.ค. 2558
ต่อมา จ.ชัยนาท ได้ขอเสนอเพื่อขอรับการสนับสนุนงบประมาณโครงการอนุรักษ์ฟื้นฟูสระเก็บน้ำบ้านหนองดู่ วงเงิน 49,402,800 บาท
โดยขอรับการสนับสนุนงบประมาณโครงการบริหารจัดการน้ำของกระทรวงมหาดไทย โดยกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย และขอรับการสนับสนุนจากกองทัพบก โดยกรมทหารช่าง เป็นหน่วยดำเนินการโครงการดังกล่าว
ต่อมา คณะกรรมการกำหนดนโยบายและการบริหารจัดการน้ำ (มี พล.อ.ฉัตรชัย สาริกัลยะ รมว.พาณิชย์ ในฐานะรองหัวหน้าฝ่ายเศรษฐกิจ คณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เป็นประธานคณะกรรมการฯ) ได้ให้ความเห็นชอบการดำเนินโครงการอนุรักษ์ฟื้นฟูสระเก็บน้ำบ้านหนองดู่ ระยะที่ 1 เป็นเงิน 49,402,800 บาท โดยมอบหมายให้กองทัพบก โดยกรมการทหารช่างเป็นหน่วยดำเนินการ
พร้อมกับมีความเห็นเพิ่มเติม ดังนี้
1.พื้นที่ในการดำเนินการได้รับบริจาคจากภาคเอกชน (สหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนวังขนาย จำกัด) ดังนั้นเมื่อจะใช้เป็นแหล่งน้ำสาธารณะ ขอให้พิจารณาดำเนินการตามระเบียบและข้อกฎหมายที่เกี่ยวข้องด้วย
2.เพื่อให้โครงการเกิดประโยชน์สูงสุด สามารถแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนให้กับประชาชนได้อย่างมีประสิทธิภาพและเป็นไปตามวัตถุประสงค์ ขอให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องพิจารณาเร่งรัดการดำเนินการเพื่อให้สามารถใช้ประโยชน์ได้ทันในห้วงฤดูฝน
หลังจากนั้น ได้นำเข้าสู่ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี โดยมีหลายหน่วยงานให้ความเห็นโครงการนี้ ไม่ว่าจะเป็น คณะกรรมการติดตามและตรวจสอบการใช้จ่ายงบประมาณภาครัฐ (คตร.) ที่ระบุว่า โครงการดังกล่าวผ่านความเห็นชอบคณะกรรมการกำหนดนโยบายและการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำแล้ว และมีงบประมาณรับรองเรียบร้อยแล้ว
โครงการดังกล่าวสามารถแบ่งเบามวลน้ำไม่ให้ไหลหลากท่วม จ.ชัยนาท ในฤดูฝน และใช้เป็นแหล่งกักเก็บน้ำไว้ใช้ในฤดูแล้ง นับเป็นประโยชน์โดยตรงต่อประชาชนในพื้นที่บริเวณโดยรอบและพื้นที่ใกล้เคียง ในการบริหารจัดการน้ำ เพื่อส่งเสริมการประกอบอาชีพเกษตร ส่งเสริมสนับสนุนอุตสาหกรรมการเกษตร จึงเห็นควรให้ความเห็นชอบโครงการดังกล่าว
ส่วนสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ให้ความเห็นชอบ และมีข้อเสนอเพิ่มเติมว่า ควรมีแนวทางการบริหารจัดการสระเก็บน้ำภายหลังการก่อสร้างให้ชัดเจน ระหว่างท้องถิ่นและชุมชน ในการใช้ประโยชน์และการดูแลบำรุงรักษา เนื่องจากที่ดินทั้ง 400 ไร่ ในบริเวณการก่อสร้างนั้น เคยเป็นที่ดินของสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนวังขนาย จำกัด และได้บริจาคให้ราชการ โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อเพิ่มแหล่งน้ำสาธารณะสำหรับชุมชนได้ใช้ประโยชน์ร่วมกันอย่างยั่งยืนต่อไป
เช่นเดียวกับกระทรวงกลาโหม ที่พิจารณาแล้วเห็นว่า การขออนุมัติโครงการดังกล่าว เพื่อมุ่งเน้นบรรเทาความเดือดร้อนของประชาชนที่กำลังประสบปัญหาภัยแล้ง และเป็นการเตรียมการแก้ไขปัญหาอุทกภัยในอนาคตตามนโยบายของรัฐบาล จึงเห็นชอบตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ
ก่อนที่ คณะรัฐมนตรี จะมีมติเห็นชอบอนุมัติโครงการดังกล่าวไปเมื่อวันที่ 7 ก.ค. ที่ผ่านมา
ทั้งหมดคือที่มา-ที่ไป ทำไมคณะรัฐมนตรีต้อง “ไฟเขียว” โครงการสร้างอ่างเก็บน้ำ “บ้านหนองดู่”
ขณะที่หน่วยงานที่ได้รับงบประมาณ และรับผิดชอบการก่อสร้างคือ “กองทัพบก” โดยกรมการทหารช่าง
ซึ่งไม่น่าแปลกใจเท่าไหร่นัก ในยุครัฐบาลที่มาจากการ “รัฐประหาร” โดย “กองทัพ” ที่ต้องใช้บริการจาก “ทหาร” เป็นหลักอยู่แล้ว
แต่ที่น่าสนใจคือ รัฐบาลชุดนี้ มีการใช้ “บริการ” แบบนี้มากี่หนแล้วต่างหาก !