โชว์ผลงานใหม่! “รบ.บิ๊กตู่”ปรองดองเป็นใหญ่-สร้างประชาธิปไตยถูกต้อง?
“…การปรองดองต้องเกิดขึ้นจากจิตใจของตนเอง ไม่ถูกบังคับ บิดเบือน ชักจูง ให้คิดเป็น และเข้าใจประชาธิปไตยที่ถูกต้อง ซึ่งอาจเห็นต่างแต่ต้องไม่ขัดแย้ง โดยร่วมสนับสนุนการพัฒนาประเทศตามนโยบายของรัฐบาล เข้าใจผลประโยชน์ชาติ เพื่อสร้างสรรค์ เผื่อแผ่ แบ่งปันให้คนไทยทั้งประเทศ ตามข้อสั่งการของนายกรัฐมนตรีด้วย…”
เมื่อเร็ว ๆ นี้ คณะรัฐมนตรีมีมติสรุปรายงานการขับเคลื่อนและเร่งรัดการดำเนินงานตามนโยบายของรัฐบาล ในห้วงเดือน ก.ย. 2557-เม.ย. 2558 ตามที่คณะกรรมการขับเคลื่อนและเร่งรัดการดำเนินงานตามนโยบายรัฐบาล (กขร.) เสนอ
โดยผลงานของรัฐบาลดังกล่าว แบ่งออกเป็น 3 เรื่อง
ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการสร้างความปรองดองสมานฉันท์ ที่รัฐบาล จัดสารพัดโครงการเพื่อ “เชื่อม” ความสัมพันธ์ของคนในชาติ ให้กลับมา “รัก-สามัคคี” กันอีกครั้ง
รวมไปถึงเรื่องปฏิรูปประเทศ และเรื่องการบริหารราชการแผ่นดิน ที่อ้างว่ามีผลงานเด่น ๆ เช่น ลดการสร้างความเหลื่อล้ำของสังคม การปราบปรามคอร์รัปชั่น เป็นต้น
เพื่อขยายความให้ชัดขึ้น สำนักข่าวอิศรา www.isranews.org นำรายละเอียดในรายงานดังกล่าว มาเปิดเผยให้เห็นดังนี้
หนึ่ง การสร้างความปรองดองสมานฉันท์ มีผลงานที่สำคัญ 3 โครงการ ได้แก่
1.โครงการส่งเสริมการจัดกิจกรรมเพื่อความปรองดองสมานฉันท์โดยผ่านกลไกระดับจังหวัด อำเภอ ท้องถิ่น
2.โครงการส่งเสริมสนับสนุนการสร้างความปรองดองสมานฉันท์โดยผ่านกลไกคณะกรรมการหมู่บ้าน
3.โครงการส่งเสริมวิถีชีวิตแบบประชาธิปไตยเพื่อเสริมสร้างความปรองดองสมานฉันท์ การแก้ไขปัญหาข้อร้องเรียนร้องทุกข์โดยศูนย์ดำรงธรรม
จากการประเมินผลสำเร็จในการดำเนินงาน ขณะนี้ไม่มีปัญหาความขัดแย้งรุนแรง การแก้ไขปัญหาอย่างยั่งยืนต้องแก้ไขที่แนวคิดของประชาชนและแกนนำให้มีความคิดร่วมที่จะทำเพื่อประเทศชาติส่วนรวมไม่ยึดผลประโยชน์ส่วนตัวเป็นใหญ่
สอง การปฏิรูปประเทศ กขร. ได้แจ้งให้กระทรวงพลังงานและกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรีเกี่ยวกับข้อเสนอแนะเพื่อการปฏิรูปของสภาปฏิรูปแห่งชาติ เรื่อง การส่งเสริมยานยนต์ไฟฟ้าในประเทศไทย และเรื่อง ข้อเสนอการปฏิรูประบบเพื่อรองรับสังคมสูงวัยของคณะกรรมการปฏิรูประบบรองรับการเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุของประเทศไทย ซึ่ง กขร. จะได้ติดตามรายงานผลการดำเนินงานในเรื่องดังกล่าวต่อไป
สาม การบริหารราชการแผ่นดิน มีผลงานที่สำคัญ 12 ด้าน ได้แก่
1.การปกป้องเชิดชูสถาบันพระมหากษัตริย์
2.การรักษาความมั่นคงของรัฐและต่างประเทศ
3.การลดความเหลื่อมล้ำของสังคม
4.การศึกษาและเรียนรู้
5.การทะนุบำรุงศาสนา ศิลปะและวัฒนธรรม
6.การยกระดับคุณภาพบริการด้านสาธารณสุข และสุขภาพของประชาชน
7.การบริหารเศรษฐกิจ
8.การส่งเสริมบทบาทและการใช้โอกาสในประชาคมอาเซียนการพัฒนาและส่งเสริมการใช้ประโยชน์จากวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี
9.การวิจัยและพัฒนาและนวัตกรรม สนับสนุนการเพิ่มค่าใช้จ่ายในการวิจัยและพัฒนาของประเทศ
10.การรักษาความมั่นคงของฐานทรัพยากร และการสร้างสมดุลระหว่างการอนุรักษ์กับการใช้ประโยชน์อย่างยั่งยืน
11.การส่งเสริมการบริหารราชการแผ่นดินที่มีธรรมาภิบาลและการป้องกันปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบในภาครัฐ
12.การปรับปรุงกฎหมายและกระบวนการยุติธรรม
ก่อนที่คณะรัฐมนตรีจะมีมติรับทราบผลการดำเนินงานดังกล่าวเรียบร้อยแล้วนั้น
ยังตบท้าย ให้ กขร. ดูแลการขับเคลื่อนและเร่งรัดการดำเนินงานตามนโยบายรัฐบาล โดยเน้นย้ำถึง “การปรองดอง”
โดยระบุว่า การปรองดองต้องเกิดขึ้นจากจิตใจของตนเอง ไม่ถูกบังคับ บิดเบือน ชักจูง ให้คิดเป็น และเข้าใจประชาธิปไตยที่ถูกต้อง ซึ่งอาจเห็นต่างแต่ต้องไม่ขัดแย้ง
โดยร่วมสนับสนุนการพัฒนาประเทศตามนโยบายของรัฐบาล เข้าใจผลประโยชน์ชาติ เพื่อสร้างสรรค์ เผื่อแผ่ แบ่งปันให้คนไทยทั้งประเทศ ตามข้อสั่งการของนายกรัฐมนตรีด้วย
สะท้อนให้เห็นว่า “รัฐบาล” มีแนวคิดสำคัญในการสร้างความ “ปรองดอง” อย่างยิ่ง
ท่ามกลางสภาวะที่ “ครุกรุ่น” ไปด้วยความเห็นต่าง ไม่ว่าจะเป็นปัญหาด้าน “เศรษฐกิจ” ที่เป็นไฟสุมอก รวมถึง “กลุ่มต้าน” ที่ขณะนี้เริ่มทวีความเข้มข้นขึ้นทุกขณะ
ผลงานที่กล่าวอ้างมานี้ ดำเนินการได้จริงหรือ ?
ประชาชนเท่านั้นจะเป็นผู้ตัดสิน !