แกะรอยใบสั่ง? "ผบ.ตร" อยากเห็นคนไทยมี "กาสิโน" ของตัวเองจริงหรือ ?
"..สำหรับที่เมืองแอตแลนติก รัฐนิวเจอร์ซีย์ กิจการกาสิโน กลับทำให้เมืองที่เคยเป็นแหล่งท่องเที่ยวพักผ่อนต้องหยุดชะงักไป แทนที่กาสิโนจะก่อให้เกิดแรงกระตุ้นเศรษฐกิจสำหรับท้องถิ่น กลับกลายเป็นการดูดทรัพยากร ที่เคยมีสำหรับธุรกิจท้องถิ่นออกไป ธุรกิจค้าปลีกต้องปิดกิจการจำนวนไม่น้อย รัฐขาดรายได้จากภาษีทรัพย์สินไปมาก เพราะราคาที่ดินสูงทำให้ไม่มีผู้สนใจลงทุนเพื่อพัฒนาทำกิจการอื่นๆ.."
“วันนี้สมาชิก สปช. กลุ่มรักชาติ ได้เดินทางมาเข้าพบกับผมเพื่อสอบถามเกี่ยวกับแนวความคิดดังกล่าวและวิธีการต่างๆ ผมก็ได้นำข้อมูลทั้งหมดเสนอไปให้ท่านได้พิจารณา โดยได้นำแผนที่แสดงการตั้งบ่อนการพนันแบบถูกกฎหมายของประเทศเพื่อนบ้านของไทย ได้แก่ เมียนมา 14 แห่ง สปป.ลาว 4 แห่ง กัมพูชา 21 แห่ง มาเลเซีย 1 แห่ง สิงคโปร์ 2 แห่ง และ มาเก๊า 33 แห่ง รวมทั้งสิ้น 75 แห่ง โดยในจำนวนนี้เป็นบ่อนในประเทศเพื่อนบ้านที่มีพรมแดนติดกับไทยจำนวน 40 แห่ง รวมทั้งนำข้อมูลงานวิจัยเกี่ยวกับบ่อนกาสิโนและผลกระทบด้านอาชญากรรมที่ต่างประเทศศึกษาไว้มานำเสนอต่อ สปช. ด้วย นอกจากนี้ สปช. ได้ซักถามเหตุผลที่ต้องการให้เปิดบ่อนอีกด้วย”
"เงินจำนวนไม่น้อยที่คนไทยนำออกไปเล่นการพนันในบ่อนเหล่านี้ แล้วเงินเหล่านั้นเป็นเงินที่นำไปพัฒนาประเทศของเขาจนเจริญก้าวหน้า จากข้อมูลของ อ.สังศิต พิริยะรังสรรค์ พบว่า มีจำนวนมากถึง 4 - 5 แสนล้านบาท แล้วทำไมประเทศไทยไม่นำเงินรายได้จากบ่อนเสรีแบบนี้มาใช้พัฒนาประเทศและช่วยเหลือคนด้อยโอกาสกลุ่มต่างๆ เมื่อดูประเทศมาเก๊าเขามีรายได้จากบ่อนการพนันถึง 38 พันล้านเหรียญสหรัฐฯต่อปี ขณะที่บ่อนในลาสเวกัสมีรายได้รวม 35.5 พันล้านเหรียญสหรัฐฯต่อปี"
นี่คือ เหตุผลยืนยันล่าสุดของ "พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง" ผบ.ตร เกี่ยวกับแนวคิดการสนับสนุนให้มี เอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ "กาสิโน" และสถานที่เล่นการพนันอย่างถูกกฎหมาย ในประเทศไทย ที่ถูกถ่ายทอดสู่สาธารณชนเป็นทางการ เมื่อวันที่ 22 มิถุนายน 2558 ที่ผ่านมา
ไม่ว่า "พล.ต.อ.สมยศ" จะมีเหตุผลที่แท้จริงอะไร ในการออกมาเคลื่อนไหวสนับสนุนแนวคิดให้มีการเปิดเอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ และสถานที่เล่นการพนันอย่างถูกกฎหมาย ในประเทศไทย ในห้วงเวลานี้
แต่ข้อเท็จจริงที่ปฏิเสธไม่ได้ คือ "พล.ต.อ.สมยศ" ไม่ใช่คนแรกที่ออกมาเปิดประเด็นเรื่องนี้ต่อสังคมไทย อย่างเป็นทางการ
สำนักข่าวอิศรา www.isranews.org ตรวจสอบข้อมูลในราชกิจจานุเบกษา พบว่า มีการบันทึกข้อมูลเกี่ยวกับแนวคิดเรื่องการเสนอเปิดบ่อนกาสิโน ในประเทศไทย ไว้เป็นทางการ จำนวน 3 ครั้ง
ครั้งแรก เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 5 ธันวาคม 2540
โดย นายนิยม วรปัญญา ส.ส.ลพบุรี พรรคชาติไทย ตั้งกระทู้ถาม นายชวน หลีกภัย นายกรัฐมนตรีในขณะนั้น เกี่ยวกับการเปิดบ่อนกาสิโน เพื่อฟื้นฟูเศรษฐกิจ
ก่อนที่ นายจุรินทร์ ลักษณวิศษฏ์ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี นายธารินทร์ นิมมานเหมินท์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง และ พลตรี สนั่น ขจรประศาสน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย จะได้รับมอบหมายให้ชี้แจงกระทู้ดังกล่าว
มีสาระสำคัญสรุปว่า รัฐบาลไม่มีนโยบายที่จะแก้ปัญหาเศรษฐกิจ โดยการเปิดกาสิโน และไม่เห็นด้วยกับแนวคิดนี้ เพราะผลได้ที่เกิดขึ้นจากธุรกิจนี้ ไม่คุ้มกับผลเสียที่จะตามมา ประเทศไทยยังขาดระบบการจัดการที่ดี และมาตรการการตรวจสอบต่างๆ ยังไม่มีประสิทธิภาพเท่าที่ควร อันอาจก่อให้เกิดปัญหาอาชญากรรม รวมไปถึงปัญหาปริวรรตเงินตรา จากการไหลออกของเงินภายในประเทศ และปัญหาการฟอกเงินผิดกฎหมาย
อีกทั้งการเปิดกาสิโน ในภาวะที่เศรษฐกิจเอเชียกำลังดิ่งลงและอยู่ในความไม่แน่นอนเช่นนี้ ก็อาจแทบจะไม่เกิดผลได้ใดๆ ขึ้นมาเลย เนื่องจากลูกค้าสำคัญของกาสิโน คือ นักท่องเที่ยวจากกลุ่มประเทศเอเชีย โดยเฉพาะจีน สิงคโปร์ มาเลเชีย อินโดนิเซีย และไทย
ขณะที่รัฐบาลเห็นว่าประเทศไทย มีทรัพยากรทางการท่องเที่ยวอื่นๆ ที่สามารถดึงดูดนักท่องเที่ยวได้เพียงพออยู่แล้ว ไม่ว่าจะเป็นแหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติ ศิลปวัฒนธรรม หรือ กิจกรรมต่างๆ อันเป็นเอกลักษณ์ของไทย
ครั้งสอง เมื่อวันที่ 24 เมษายน 2541
นายเปรมศักดิ์ เพียยุระ ส.ส.ขอนแก่น พรรคความหวังใหม่ ตั้งกระทู้ถาม พลตรี สนั่น ขจรประศาสน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย เรื่อง นโยบายของรัฐบาลในการจัดตั้งบ่อนกาสิโน อีกครั้ง
โดย พลตรี สนั่น ตอบกระทู้ว่า กระทรวงมหาดไทย มีหน้าที่ดูแลและรักษาความสงบเรียบร้อยภายในประเทศ ดังนั้น การป้องกันและปราบปรามมิให้มีการพนันแพร่หลายในหมู่ประชาชน จึงเป็นภารกิจหลักของกระทรวงมหาดไทยตามกฎหมาย โดยนัยนี้ กระทรวงมหาดไทย มิได้มีภารกิจ หรือหน้าที่ในการจัดตั้งบ่อนกาสิโนและไม่มีนโยบายที่จะจัดตั้งบ่อนกาสิโน
ครั้งสาม เมื่อวันที่ 1 เม.ย.2544 นายนิยม วรปัญญา ส.ส.พรรคไทยรักไทย จ.ลพบุรี ตั้งกระทู้ถาม พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ในขณะนั้น ถึงเรื่องการเปิดบ่อนกาสิโนอีกครั้ง
ระบุเหตุผลว่า "ขณะนี้เศรษฐกิจของประเทศกำลังวิกฤติขอให้รัฐบาลแก้ปัญหาเศรษฐกิจหางบประมาณเข้าแผ่นดินมาพัฒนาประเทศ โดยนำวิธีที่ นายปรีดี พนมยงค์ ได้วางแผน เช่น ให้เปิดบ่อนการพนันหารายได้เข้าประเทศ การปลดข้าราชการออกจำนวน 1 ใน 3 หลักเกณฑ์คำนวณค่าใช้จ่ายการจ้างข้าราชการประจำและพนักงานไม่เกินร้อยละ 18 ของงบประมาณแผ่นดิน เศรษฐกิจผ่านพ้นวิกฤติได้ โดย ท่านปรีดี พนมยงค์
ปัจจุบันคนไทยไปเล่นการพนันที่บ่อนกาสิโนที่สาธารณรัฐประชาธิปไตย ลาว พม่า กัมพูชา ฮ่องกง สิงคโปร์ มาเลเซีย อินโดนิเซีย และเวียดนาม เดือนหนึ่งนำเงินออกไปจำนวนหลายหมื่นล้านบาท ปีหนึ่งเป็นจำนวนหลายแสนล้านบาท จึงขอให้รัฐบาล เปิดบ่อนกาสิโน เช่น สมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 ที่รัฐบาล เคยเปิดมาแล้ว
จึงขอเรียนถามว่า
1. รัฐบาลมีนโยบายเปิดบ่อนกาสิโนหรือไม่ ประการใด ขอทราบรายละเอียด
2. ถ้ายังไม่มีจะขอให้ศึกษา และจัดหาสถานที่เหมาะสมในการตั้งบ่อนกาสิโน เพื่อหารายได้เข้าประเทศจะได้หรือไม่ ประการใด ขอทราบรายละเอียด
ขอให้ตอบในราชกิจจานุเบกษา"
จากนั้น นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง และร้อยตำรวจเอก ปุระชัย เปี่ยมสมบูรณ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ในขณะนั้น ได้รับมอบหมายจาก พ.ต.ท.ทักษิณ ให้เป็นผู้ชี้แจงกระทู้ เรื่อง การเปิดบ่อนกาสิโน ของนายนิยม ดังกล่าว
ระบุว่า "โดยข้อเท็จจริงแล้ว การเปิดบ่อนกาสิโนขึ้นภายในประเทศ ย่อมมีทั้งผลดีและผลเสีย กล่าวคือ ผลดีต่อเศรษฐกิจในด้านเพิ่มการลงทุน และการว่าจ้างแรงงานภายในประเทศ รัฐได้รับภาษี และค่าธรรมเนียมจากอุตสาหกรรมกาสิโน รวมทั้งเป็นการเพิ่มทางเลือกด้านความบันเทิง และการท่องเที่ยว นอกจากนี้ ยังจะช่วยลดการนำเงินตราออกนอกประเทศของนักพนันชาวไทยที่นิยมเดินทางออกไปเล่นการพนันยังประเทศเพื่อนบ้าน
อย่างไรก็ดี การมีบ่อนกาสิโน ก็มีผลเสียในแง่ของศีลธรรมอันดีงาม รวมทั้งอาจก่อให้เกิดปัญหาทางสังคมตามมาได้อีกมากมาย
ตัวอย่าง ของการมีบ่อนกาสิโนในต่างประเทศ โดยเฉพาะที่ประเทศสหรัฐอเมริกา ผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นจะมีทั้งประสบผลสำเร็จ และไม่ประสบผลสำเร็จ
เช่น ที่ลาสเวกัส รัฐเนวาดา อุตสาหกรรมกาสิโน เป็นกลไกสำคัญที่ผลักดันให้เศรษฐกิจของรัฐ และท้องถิ่นเจริญรุ่งเรือง รายได้จากกาสิโนบางส่วนถูกนำไปใช้ด้านโครงการเพื่อสุขภาพ บริการด้านการศึกษา ระบบขนส่งมวลชน การรักษาความปลอดภัยและโครงการสำหรับผู้สูงอายุและทุพพลภาพ
แต่สำหรับที่เมืองแอตแลนติก รัฐนิวเจอร์ซีย์ กิจการกาสิโน กลับทำให้เมืองที่เคยเป็นแหล่งท่องเที่ยวพักผ่อนต้องหยุดชะงักไป แทนที่กาสิโนจะก่อให้เกิดแรงกระตุ้นเศรษฐกิจสำหรับท้องถิ่น กลับกลายเป็นการดูดทรัพยากร ที่เคยมีสำหรับธุรกิจท้องถิ่นออกไป ธุรกิจค้าปลีกต้องปิดกิจการจำนวนไม่น้อย รัฐขาดรายได้จากภาษีทรัพย์สินไปมาก เพราะราคาที่ดินสูงทำให้ไม่มีผู้สนใจลงทุนเพื่อพัฒนาทำกิจการอื่นๆ
จากตัวอย่างดังกล่าง จะเห็นได้ว่าอุตสาหกรรมการพนักอาจก่อให้เกิดผลลัพธ์ทั้งทางบวกและทางลบ รัฐบาลจึงเห็นว่า การเปิดบ่อนกาสิโน ในประเทศจำเป็นอย่างยิ่ง ที่จะต้องมีการศึกษาถึงความจำเป็นและความเหมาะสมอย่างละเอียดรอบคอบ ซึ่งในขณะนี้หากมองภาพกว้างแล้ว ผลดีเศรษฐกิจ และผลเสียด้านสังคมยังไม่สามารถนำมาเปรียบเทียบกันได้โดยง่าย ดังนัน รัฐบาลจึงต้องใช้เวลาในการศึกษาวิเคราะห์เรื่องดังกล่าวในเชิงลึกต่อไปอีกระยะหนึ่ง"
ณ วันนี้ เวลาผ่านมานับสิบปี ข้อเสนอเรื่องการให้ประเทศไทย เปิดเอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ และสถานที่เล่นการพนันอย่างถูกกฎหมาย ในประเทศไทย วนกลับมาใหม่อีกครั้ง
ขณะที่ เหตุผลในการเสนอเปิดครั้งนี้ ก็มีการหยิบยกข้อมูลเรื่องการแก้ไขปัญหาผล กระทบด้านอาชญากรรม การขจัดมาเฟียแก๊งทวงหนี้ รวมถึงปล่อยเงินกู้นอกระบบ พร้อมข้อมูลงานวิจัยขึ้นมากล่าวอ้างให้ดูมีน้ำหนักมากขึ้น นอกเหนือจากเหตุผลเดิม ที่มุ่งเน้นการแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจ ป้องกันเงินตราไหลออกนอกประเทศ เท่านั้น
ส่วน "ตัวแสดง" ที่ออกมาเป็นผู้ผลักดันแนวคิดนี้ ก็เปลี่ยนไป ไม่ใช่ "นักการเมือง" เหมือนเคย แต่เป็น "ผบ.ตร" ซึ่งเป็นผู้มีหน้าที่โดยตรง ในการควบคุมดูแลตำรวจทั้งประเทศ ปราบปรามปัญหาการเล่นพนันโดยตรง
แต่สิ่งหนึ่งที่ดูเหมือนจะไม่แตกต่างอะไรกัน ก็คือ ผลลัพธ์ของแนวคิดนี้ ดูเหมือนจะถูกต่อต้านและไม่ได้การตอบรับที่ดีจากคนส่วนใหญ่ในสังคมมากเท่าไรนัก
เห็นได้จากผลการสำรวจความเห็นของโพล "ชมรมนักวิจัยไทยเพื่อความสุขชุมชน" ที่จำนวนเสียงค้านมากกว่าเสียงสนับสนุน เพราะมองว่ามีข้อเสียมากกว่าข้อดี
ขณะที่เสียงสนับสนุนในส่วนของผู้มีอำนาจในรัฐบาล ต่อแนวคิดของ ผบ.ตร. ครั้ง นี้ ก็ดูเหมือนจะเบาบางไม่มีน้ำหนัก
เห็นได้จากคำตอบของ "ผบ.ตร" เมื่อถูกสื่อมวลชนถามว่า หลังเสนอแนวคิดนี้ออกมา พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ และ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ ได้สอบถามเรื่องนี้บ้างหรือไม่
ผบ.ตร. ตอบว่า "เรื่องนี้ผมไม่กล้าที่จะเข้าไปหารือพูดคุยกับท่าน เนื่องจากผมเองก็ไม่แน่ใจว่าความคิดผมจะทำให้ท่านพึงพอใจหรือไม่ แต่ท่านก็ไม่เคยมาสอบถามผม เพราะผมพูดผ่านสื่อมาตลอดและท่านเองก็คงติดตามข่าวตลอดว่าผมแสดงความเห็นส่วนตัวไม่เกี่ยวกับตำแหน่งหน้าที่การงาน และเป็นความรู้สึกที่ต้องการบอกพี่น้องคนไทยว่าถึงเวลาหรือยังที่เราต้องเก็บเงิน 4 - 5 แสนล้านต่อปีไว้ในประเทศไทย"
นั้นจึงเป็นเหตุผลที่ทำให้คนส่วนใหญ่ เชื่อว่า แนวคิดเรื่องการเปิดบ่อนกาสิโน ของ "ผบ.ตร." ไม่น่าจะถูกนำไปขับเคลื่อนในทางปฏิบัติออกมาเป็นนโยบายที่จับต้องได้จริง
และในข้อเท็จจริง ผบ.ตร ก็คงจะประเมินล่วงหน้าไว้แล้วว่าจะต้องออกมาเป็นแบบนี้ เพราะมันเป็นไปได้ยาก ที่จะมีกาสิโนเกิดขึ้นในสังคมไทย
เห็นได้จากคำพูดประโยคสำคัญว่า "ส่วนถ้าที่สุดแล้วผู้ใหญ่ในบ้านเมืองไม่เห็นด้วยผมก็ไม่มีปัญหาอะไร ผมแค่แสดงความคิดเห็นเท่านั้น ถือว่าได้แสดงความเห็นแล้ว"
ดังนั้น จึงไม่ใช่เรื่องน่าแปลกใจอะไร ที่บทบาท ของ "ผบ.ตร." ต่อเรื่องนี้ ถูกคนบางกลุ่มในสังคมมองว่า เป็นความพยายามในการสร้างประเด็น เพื่อดึงกระแสความสนใจของคนในสังคมจากเรื่องใดเรื่องหนึ่ง ให้มาสนใจเรื่องนี้แทน
โดยกระทำผ่านสื่อมวลชน? ตามคำสั่งการของใครบ้างคน?
ขณะที่ ประเด็นเรื่องการเปิดบ่อนกาสิโนขึ้นมา แท้จริงแล้วเป็นเพียงแค่ "ของแถม" ของ "ยุทธวิธี" ที่ถูกนำมาใช้ครั้งนี้
ถ้าประกาศออกมาแล้วเสียงคนส่วนใหญ่เอาด้วย "ก็ดี- ก็สบายไป" แต่ถ้าไม่เอาด้วยก็ "เสมอตัว" ไม่ได้มีผลดีผลเสียอะไร
เพราะโปรดอย่าลืมว่า อีกไม่กี่เดือนหลังจากนี้ "ผบ.ตร" คนนี้ ก็จะต้องเกษียณอายุราชการแล้ว
ผลเสียต่อหน้าที่การงาน ในการออกมาพูดถึงเรื่องนี้
จึงไม่น่าจะร้ายแรง หรือ มีอะไรที่จะต้องให้ห่วงมากนัก!
ข่าวที่เกี่ยวข้อง:อันตราย! ตั้งคาสิโนหวังรายได้เข้ารัฐ เสี่ยงมุ่งกำไรจนลืมผลกระทบสังคม
ผบ.ตร.เมินผลโพลต้านเปิดบ่อนคาสิโน
หมายเหตุ : ภาพประกอบจาก Google