ผลแอแบคโพล์ “ครอบครัวไทยอ่อนแอ 80%-ชุมชนไม่เข้มแข็ง 90%”
เอแบคโพลล์ วิจัย 4 จังหวัดนำร่อง พังงา สมุทรสาคร ยโสธร นครสวรรค์ ชี้ครอบครัวร้อยละ 80 ชุมชนร้อยละ 90 ไม่ผ่านเกณฑ์ความเข้มแข็ง ต้นทุนทางสังคมต่ำ แนะรัฐหนุนกิจกรรมสานสัมพันธ์คนในบ้าน สร้างพลังในชุมชน
ดร.นพดล กรรณิกา ผู้อำนวยการศูนย์วิจัยความสุขชุมชน มหาวิทยาลัยอัสสัมชัญ(เอแบค) โดยการสนับสนุนทุนวิจัยของศูนย์เทคโนโลยีสารสนเทศ และการสื่อสาร กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ เปิดเผยผลวิจัย “สถานการณ์ครอบครัวไทย กรณีศึกษาหัวหน้าครัวเรือน 4 จังหวัดนำร่อง” ได้แก่ พังงา สมุทรสาคร ยโสธร นครสวรรค์ 41,886 ตัวอย่าง โดยเก็บข้อมูล 341 ตำบล ตั้งแต่ 6 พ.ค.–12 ต.ค. 54
ผลวิจัย ระบุว่าจากการใช้หลักสถิติวิจัยองค์ประกอบความเข้มแข็งสถาบันครอบครัว พบว่า องค์ประกอบที่สำคัญอันดับแรก ได้แก่ ความเข้มแข็งของชุมชน ได้ 74.0 คะแนน หมายความว่า สถาบันครอบครัวจะเข้มแข็งได้จำเป็นต้องให้ชุมชนสนับสนุนให้ครอบครัวมีการปรับตัวในภาวะยากลำบากจากภัยพิบัติต่างๆ ส่งเสริมให้มีกิจกรรมสร้างความเข้มแข็งในครอบครัวเพื่อเป็นทุนป้องกันปัญหาต่างๆ และสัมพันธภาพที่เกิดขึ้นอย่างดีระหว่างครอบครัวในชุมชน อันดับที่สอง ได้แก่ การพึ่งพาตนเองในระดับชุมชน ได้ 73.5 คะแนน หมายถึง การที่ชุมชนมีการส่งเสริมให้ครอบครัวพึ่งพาตนเองทั้งด้านเศรษฐกิจ ข้อมูลข่าวสาร และสุขภาพ
อันดับที่สาม ได้แก่ ทุนทางสังคมของครอบครัว ได้ 56.4 คะแนน หมายถึง ความรู้สึกไว้วางใจ ปลอดภัย และภาคภูมิใจที่เป็นส่วนหนึ่ง ของชุมชน ได้แก่ เข้าร่วมกิจกรรม มีระบบเตือนภัยทางสังคมและสิ่งที่เอื้อต่อครอบครัว อันดับที่สี่ ได้แก่ การปรับตัวของครอบครัว ได้ 45.6 คะแนน หมายถึง ความสามารถของครอบครัวในการปรับตัวในภาวะยากลำบาก ความสามารถของครอบครัวในการจัดการปัญหาต่างๆ สามารถหลีกเลี่ยงภาวะเสี่ยงที่จะเกิดขึ้นได้ อันดับที่ห้า ได้แก่ การพึ่งพาตนเองของครอบครัว ได้ 31.1 คะแนน หมายถึง ความสามารถของครอบครัวในการพึ่งพาตนเองทั้งทางเศรษฐกิจ ข้อมูลข่าวสารและสุขภาพ
อันดับที่หก ได้แก่ สัมพันธภาพของสมาชิกในครอบครัว ได้ 13.9 คะแนน หมายถึง ความมุ่งมั่นในการสร้าง และรักษาความเป็นครอบครัว โดยการเอาใจใส่ ดูแล ช่วยเหลือ สนับสนุนซึ่งกันและกัน มีการแสดงออกซึ่งความรัก ความผูกพันต่อกันภายในครอบครัว อันดับที่เจ็ด ได้แก่ การปราศจากปัญหาของชุมชน ได้ 3.5 คะแนน หมายถึง ชุมชนสามารถปลอดจากปัญหา แหล่งอบายมุข และโรคภัยไข้เจ็บติดเชื้อต่างๆ เป็นต้น
นอกจากนี้เมื่อถามถึงระดับความเข็มแข็งของครอบครัวไทย ในภาพรวม 4 จังหวัด พบว่ามีเพียงร้อยละ 0.8 เท่านั้นที่เข้มแข็งมาก ร้อยละ 16.9 เข้มแข็งปานกลาง ร้อยละ 30.2 เข้มแข็งน้อย ร้อยละ 28.9 เข้มแข็งน้อยมาก และร้อยละ 23.2 เข้มแข็งน้อยที่สุด เมื่อศึกษาลงไปในรายจังหวัดพบว่าที่น่าเป็นห่วงคือสมุทรสาคร เพราะครอบครัวที่เข้มแข็งน้อยที่สุดมีอยู่ถึงร้อยละ 47.5
และผลการประเมินสถานการณ์ความเข้มแข็งของสถาบันครอบครัวไทย โดยภาพรวมใน 4 จังหวัดไม่ผ่านเกณฑ์เฉลี่ยสูงถึงร้อยละ 80.5 ของครอบครัวทั้งหมด โดยจังหวัดที่ไม่ผ่านเกณฑ์มากที่สุดได้แก่สมุทรสาครที่มีสูงถึงร้อยละ 89.3 รองลงมาคือนครสวรรค์ไม่ผ่านเกณฑ์ร้อยละ 84.5 ที่สามได้แก่ยโสธรไม่ผ่านเกณฑ์ร้อยละ 76.6 และที่สี่ได้แก่จังหวัดพังงาที่ไม่ผ่านเกณฑ์ร้อยละ 68.8 ยิ่งไปกว่านั้น พบว่าความเข็มแข็งของชุมชนในภาพรวมไม่ผ่านเกณฑ์ประเมินถึงร้อยละ 91.1 ขณะที่การพึ่งพาตนเองในระดับชุมชนในภาพรวม ร้อยละ 54.9 ผ่านเกณฑ์ประเมิน ส่วนตัวชี้วัดด้านทุนทางสังคมของครอบครัวโดยภาพรวม ร้อยละ 83.1 ไม่ผ่านเกณฑ์ประเมิน อย่างไรก็ตาม เมื่อศึกษาถึงการปรับตัวของครอบครัวในภาพรวม พบว่าร้อยละ 56.9 ผ่านเกณฑ์
นอกจากนี้ ด้านการพึ่งพาตนเองของครอบครัว พบว่า ร้อยละ 50.4 ผ่านเกณฑ์ประเมิน และส่วนใหญ่หรือร้อยละ 74.0 ผ่านเกณฑ์ประเมินด้านสัมพันธภาพของสมาชิกในครอบครัว อย่างไรก็ตามตัวชี้วัดด้านการปราศจากปัญหาของชุมชนโดยภาพรวมผ่านเกณฑ์ร้อยละ 94.2 ไม่ผ่านเกณฑ์
ผอ.ศูนย์วิจัยความสุขชุมชน กล่าวว่า การวิจัยครั้งนี้พบว่าความเข้มแข็งของสถาบันครอบครัวไทยโดยภาพรวมไม่ผ่านเกณฑ์เพราะยังไม่มีความสัมพันธ์ที่ดีต่อกันอย่างเพียงพอระหว่างครอบครัวในแต่ละชุมชน ยังไม่มีการส่งเสริมการมีส่วนร่วมของแต่ละครอบครัวในการช่วยคิดช่วยทำกิจกรรมสร้างสรรค์ภายในชุมชนอย่างเพียงพอ จึงเสนอให้รัฐบาล หน่วยงานภาครัฐและแกนนำภาคประชาชนนำกิจกรรมที่มีพลังมากพอที่จะนำแต่ละครอบครัวออกมาทำกิจกรรมร่วมกันในชุมชน เช่น กิจกรรมสุขภาวะ จัดสภาพแวดล้อมทางกายภาพในชุมชนให้น่าอยู่ มีกิจกรรมนันทนาการร่วมกัน จัดหาความสนใจร่วมของแต่ละครอบครัวในชุมชน เช่น บางชุมชนอยากจัดกิจกรรมการศึกษาพิเศษให้กับบุตรหลาน บางชุมชนอาจสนใจกิจกรรมส่งเสริมอาชีพ .
ที่มาภาพ : http://www.learners.in.th/blogs/posts/467464