ธุรกิจกม.หลาน"ถาวร"ยุ่งมาก ถึงขนาดทิ้งเก้าอี้เลขานุการผู้ว่าฯ กทม. จริงหรือ?
"..คำถามที่น่าสนใจ คือ บริษัทกม.ที่เพิ่งเปิดตัวใหม่ มีลูกค้าเข้ามาใช้บริการมากมายจนไม่มีเวลาว่างขนาดนั้นเลยหรือ? (หรืออาจจะรับว่าความส่วนตัวมากนานแล้ว) และที่สำคัญ ทำไม นายสัญญา ถึงให้ความสำคัญกับงานนอกมากกว่างานในตำแหน่งเลขานุการผู้ว่าฯ กทม. ทั้งที่ เป็นตำแหน่งทางการเมืองที่มีความสำคัญมากตำแหน่งหนึ่ง ที่ใครๆ ก็อยากนั่ง?.."
"จะลาออกจากตำแหน่งเลขานุการผู้ว่าฯกทม.ในสิ้นเดือนนี้ ซึ่งได้หารือกับผู้ว่าฯ กทม. มานานแล้ว เนื่องจากตนมีอาชีพทนายความมากว่า 10 ปี ต้องออกว่าความทั้งในกรุงเทพฯ และต่างจังหวัด โดยในช่วง 3 - 4 เดือนที่ผ่านมา ต้องเดินทางไปว่าความที่ต่างจังหวัดอยู่บ่อยครั้ง และต้องรบกวนให้ผู้ช่วยเลขานุการฯ ลงนามหนังสือแทน อีกทั้งบางคดีต้องต่อสู้กับเจ้าหน้าที่รัฐ ซึ่งการที่ตนเป็นข้าราชการทางการเมืองและกินเงินเดือนรัฐ แม้กฎหมายไม่บังคับห้ามประกอบอาชีพทนายความ ก็อาจไม่เหมาะสมและทำงานไม่เต็มที่ ซึ่งผู้ว่าฯกทม.เข้าใจในเรื่องดังกล่าว อย่างไรก็ตามขอยืนยันว่าสาเหตุที่ลาออกไม่ได้เกี่ยวข้องเรื่องปัญหาความขัดแย้งตามที่เป็นข่าวแต่อย่างใด"
เป็นคำยืนยันล่าสุด จากปากของ นายสัญญา จันทรัตน์ เลขานุการ ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ซึ่งมีศักดิ์ เป็นหลาน ของนายถาวร เสนเนียม แกนนำกปปส. อดีตรมช.มหาดไทย ที่ "ASTVผู้จัดการออนไลน์" นำมาเผยแพร่ข่าวเป็นทางการในช่วงบ่ายวันที่ 18 มิ.ย.58 ที่ผ่านมา
ภายหลังมีกระแสข่าวดังออกมาจากศาลาว่าการกทม.ว่า ผู้บริหารฝ่ายการเมืองของกทม.หลายคน เตรียมลาออกจากตำแหน่งในสิ้นเดือนมิ.ย. นี้ หลังมีความขัดแย้งกับคนใกล้ชิด ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์
เพื่อขยายความเรื่องนี้ให้ชัดเจนมากขึ้น โดยเฉพาะเหตุผลการลาออกของ นายสัญญา จันทรัตน์ เลขานุการผู้ว่าฯ กทม. ว่าสมเหตุสมผลหรือไม่
สำนักข่าวอิศรา www.isranews.org ตรวจสอบข้อมูลทางธุรกิจของ นายสัญญา จันทรัตน์ พบว่า ณ ช่วงเดือนเมษายน 2557 ปรากฎรายชื่อเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ บริษัท ภูเงิน พร๊อพเพอร์ตี้ จำกัด ซึ่งจดทะเบียนจัดตั้งเมื่อวันที่ 19 สิงหาคม 2546 ทุน 2 ล้านบาท ตั้งอยู่เลขที่ 144 หมู่ที่ 11 ตำบลกระบี่น้อย อำเภอเมืองกระบี่ จังหวัดกระบี่
แจ้งประกอบธุรกิจซื้อขายอสังหาริมทรัพย์
ปรากฎชื่อ นางสาวปะราลี ชูดวง และนายสัญญา จันทรัตน์ เป็นกรรมการผู้มีอำนาจ
นาย ชัยยันต์ ภิญโญธรรมโนทัย รวมเป็นกรรมการ คนในตระกูล "ชูดวง" หลายคน ร่วมถือหุ้น
ล่าสุดนำส่งงบดุลแสดงผลประกอบการ ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2557 แจ้งว่า มีรายได้จากการขายสินทรัพย์ 1,822,630 บาท รวมรายได้อื่น 1,840,630 บาท มีรายจ่ายรวม 894,320.50 บาท กำไรสุทธิ 849,363.07 บาท
จากการตรวจสอบข้อมูลพบว่า ล่าสุด เมื่อวันที่ 22 มกราคม 2558 นายสัญญา จันทรัตน์ พร้อมหุ้นส่วนอีกหนึ่งคน ได้ร่วมกันจดทะเบียนจัดตั้ง บริษัท ดี ลีกัลแอนด์แอดไวเซอร์ จำกัด เพื่อประกอบกิจการบริการปรึกษาทางด้านกฎหมาย และรับว่าความในอรรถคดีทุกประเภท ประเดิมทุนเบื้องต้นจำนวน 1 ล้านบาท
แจ้งที่ตั้งเลขที่ 124/46 หมู่ที่ 2 ตำบลมหาสวัสดิ์ อำเภอบางกรวย จังหวัดนนทบุรี
ปรากฎชื่อ น.ส. สุดา ทองน้อย และนายสัญญา เป็นกรรมการ
หากนำข้อมูลคำให้สัมภาษณ์ ของ นายสัญญา โดยเฉพาะที่ระบุว่า "มีอาชีพทนายความมากว่า 10 ปี ต้องออกว่าความทั้งในกรุงเทพฯ และต่างจังหวัด โดยในช่วง 3 - 4 เดือนที่ผ่านมา ต้องเดินทางไปว่าความที่ต่างจังหวัดอยู่บ่อยครั้ง"
เทียบเคียงกับช่วงเวลา ที่จดทะเบียนจัดตั้ง บริษัท ดี ลีกัลแอนด์แอดไวเซอร์ จำกัด ที่จัดตั้งขึ้น เพื่อประกอบกิจการบริการปรึกษาทางด้านกฎหมายอย่างเป็นทางการ ในช่วงเดือนมกราคม 2558 ก็มีความเป็นไปได้ที่ นายสัญญา อาจจะติดภารกิจการออกว่าความทั้งในกรุงเทพฯและต่างจังหวัด ตามที่ให้สัมภาษณ์จริง
คำถามที่น่าสนใจ คือ บริษัทกม.ที่เพิ่งเปิดตัวใหม่ มีลูกค้าเข้ามาใช้บริการมากมายจนไม่มีเวลาว่างขนาดนั้นเลยหรือ? (หรืออาจจะรับว่าความส่วนตัวมากนานแล้ว) และที่สำคัญ ทำไม นายสัญญา ถึงให้ความสำคัญกับงานนอกมากกว่างานในตำแหน่งเลขานุการผู้ว่าฯ กทม. ทั้งที่ เป็นตำแหน่งทางการเมืองที่มีความสำคัญมากตำแหน่งหนึ่ง ที่ใครๆ ก็อยากนั่ง?
หรือดูๆ ไปแล้ว เริ่มเห็นว่าการทำงานในตำแหน่งเลขานุการผู้ว่าฯ กทม.นี้ เริ่มไม่มีอนาคต และมีความสุขน้อยกว่างานว่าความคดี?
ขณะที่การทำงานในตำแหน่งผู้ว่าฯ กทม. ของ ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ ในช่วงหลายเดือนที่ผ่านมา ก็ถูกวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนักมาตลอด โดยเฉพาะการแก้ไขปัญหาน้ำท่วม ที่ไม่ค่อยจะถูกใจคนกทม.สักเท่าไร
ส่วนเหตุผลที่ชี้แจงออกมาแต่ละครั้ง ก็ไม่มีน้ำหนักเพียงพอ ที่จะทำให้คนเชื่อถือได้ เพราะมีลักษณะเหมือนกับการโยนความผิดให้กับสภาพพื้นที่ และฟ้าฝน มากกว่าความผิดพลาดในการบริหารงานของ กทม.
ดังนั้น เมื่อมีข่าวปรากฎออกมาว่า ทีมงานการเมืองของผู้ว่าฯ กทม. หลายคน เตรียมยื่นใบลาออกในช่วงสิ้นเดือนมิ.ย.นี้ ก็ยิ่งเป็นการตอกย้ำภาพความมีปัญหาในการบริหารงานของกทม. ให้มากขึ้นไปอีก เห็นได้จากข้อมูลการเปลี่ยนตัวทีมงานหลายชุด ของ ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ ในอดีต ที่ถูกขุดขึ้นมาตอกย้ำภาพของปัญหาในรุนแรงมากขึ้น
ด้วยเหตุและผลแบบนี้ จึงไม่ใช่เรื่องน่าแปลกใจอะไร ที่หลังมีข่าวปรากฎออกมาไม่นาน คนในกทม. ส่วนใหญ่ พร้อมใจที่เลือกที่จะเชื่อ ว่า เรื่องนี้ ต้องมีอะไรซ่อนอยู่ในก่อไผ่อย่างแน่นอน และยิ่งส่งผลทำให้ สถานะ เก้าอี้ ผู้ว่าฯ กทม. ของ ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ ที่กำลังถูกมองว่ามีปัญหาเรื่องการทำงานอยู่แล้ว "สั่นคลอน" มากขึ้นไปอีก
และการจุดประเด็นเรื่องนี้ขึ้นมาในช่วงเวลาแบบนี้ ช่างเหมาะสม ทั้ง "ช่วงเวลา" และ "ประเด็นปัญหา" ที่จะช่วยสุ่มไฟให้เก้าอี้ของ "ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์" ร้อนมากขึ้น ได้ดียิ่งนัก!
น่าสนใจว่า"ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์" จะหาทางออกกับปัญหาวิกฤต "ด้านภาพลักษณ์" ครั้งนี้อย่างไร
กับสถานการณ์ที่กำลังถูก "ไล่ต้อน" จนเกือบจะไม่เหลือที่ยืนแล้วแบบนี้!