ถอดรหัสคำพูด“วิษณุ-บิ๊กป้อม”ปลดล็อคม.8ปูทาง“สมคิด”นั่งรองนายกฯจริงหรือ ?
“…เมื่อเปิดทางอย่างนี้ เวลาตั้งใครเป็นอะไรจริง ขอให้ดู แน่นอนต้องดู รัฐบาล และ คสช. ตั้งหลักแล้วว่า ต้องแยกแยะ ระหว่างผู้กระทำการ และผู้ที่ติดร่างแห และแม้ผู้กระทำการ ก็มีเรื่องเบา จนกระทั่งถึงเรื่องหนัก เป็นการทุจริตที่ไม่ควรเป็นเยี่ยงอย่าง เพราะในที่สุด เปิดทางตั้งใครแห่มาได้ทั้งหมด ขนาดคนดี ก็ใช่ว่าจะเป็นอะไรได้ง่าย ๆ…”
“รัฐบาลเห็นว่า คนไหนดี คนไหนไม่ดี คนไหนที่จะเอามา แต่ที่ทำอย่างนี้เพราะจำเป็นที่ต้องให้เกียรติผู้ถูกเพิกถอน ลงโทษไปแล้ว 5 ปีแล้ว อะไรแล้ว ก็ต้องมีสิทธิ แต่จะเอาเขาทำงานหรือไม่ มันอยู่ที่ คสช. และรัฐบาล และต้องการว่า ทุกคนมีสิทธิเท่าเทียมกันหมด เพราะฉะนั้นการดำเนินการอย่างไร ขึ้นอยู่กับ คสช. และคณะรัฐมนตรี”
“เราไม่แข็งกร้าวหรืออะไร ไม่ใช่ เราเข้าใจที่ พล.อ.สมเจตน์ พูดทุกอย่าง และ ครม. ก็เข้าใจ คสช. ก็เข้าใจ แต่ว่า มันต้องการความปรองดอง ความเป็นธรรม เพื่อให้เกิดความเป็นธรรม”
เป็นคำยืนยันจากปาก “บิ๊กป้อม” พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และรองหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.)
ภายหลังตอบข้อซักถามของ พล.อ.สมเจตน์ บุญถนอม สมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) ที่ถามถึงสาเหตุในการแก้ไขมาตรา 8 (4) ของรัฐธรรมนูญฉบับชั่วคราวปี 2557 “เปิดช่อง” ให้บ้านเลขที่ 111 & 109 นั่งเป็น สนช. และรัฐมนตรี ได้
และไม่ใช่แค่ “สมเจตน์” เท่านั้น แต่ยังมี สนช. อีกหลายราย ถามรัฐบาล-คสช. ว่า มีความจำเป็นอะไรถึงต้องแก้มาตรานี้ ?
ร้อนถึง “วิษณุ เครืองาม” รองนายกฯ และที่ปรึกษาฝ่ายกฎหมาย คสช. ต้องลุกขึ้นชี้แจงยาวเหยียดถึงปัญหาของมาตราดังกล่าว และเหตุใดจึงต้องแก้
เพื่อขยายความให้ชัดขึ้น สำนักข่าวอิศรา www.isranews.org นำเหตุผลของ “เนติบริกรใหญ่” มานำเสนอ ดังนี้
“วิษณุ” ชี้แจงเหตุผล 4 ลำดับถึงการแก้ไขมาตราดังกล่าว โดยระบุว่า การขอแก้ไขมาตรา 8 (4) จากเดิมที่เขียนว่าคนที่จะเป็น สนช. เลยไปใช้กับแต่งตั้ง รัฐมนตรี หรือ สปช. และสภาขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ จากเดิมที่บอกว่า ต้องไม่เคยถูกเพิกถอนสิทธิเลือกตั้ง แก้เป็นไม่อยู่ระหว่างถูกเพิกถอนสิทธิเลือกตั้งนั้น เป็นการเปลี่ยนจุดยืนหรือไม่ เพราะสังคมสับสนว่าจะเอาอย่างไรแน่
“ยืนยันว่า ไม่ใช่การเปลี่ยนจุดยืน แต่ต้องการทำให้เกิดความชัดเจนขึ้นตั้งแต่บัดนี้ เพราะต้องการให้แยกแยะ เพราะเวลากล่าวถึงคำว่า ถูกเพิกถอนสิทธิเลือกตั้ง มูลเหตุที่ทำให้คนถูกเพิกถอนมันมีหลายเหตุ เรานึกรวมกันว่าเหตุเดียว คนไม่น้อยที่นึกไปถึงรัฐธรรมนูญฉบับ 2550 มาตรา 68 ที่ระบุว่า เมื่อยุบพรรค ก็ให้เพิกถอนสิทธิเลือกตั้งของหัวหน้าพรรค กรรมการบริหารพรรคของใครเสียด้วย พอนึกแบบนั้น ภาพติดตาว่า คนเหล่านี้ทุจริตคดโกง ประพฤติชั่วร้าย ทำลายความสงบเรียบร้อย จนกระทั่งยุบ และเพิกถอนสิทธิ์ แล้วคนเหล่านั้นจะฟื้นคืนสิทธิ์ได้อย่างไร”
ที่จริงถ้าพิจารณาจาก “กฎหมายเลือกตั้ง” ซึ่งเป็นกฎหมายลูก การเพิกถอนสิทธิเลือกตั้งมีหลายเหตุมาก คำพูดที่บอกว่า ต้องไม่เคยถูกเพิกถอนสิทธิเลือกตั้ง เท่ากับกวาดรวมหมดทุกเหตุ และมีข้อบังคับว่า เป็นอะไรก็ไม่ได้ ทั้งนี้การเพิกถอนสิทธิเลือกตั้ง ศาลต้องสั่ง คนอื่นสั่งไม่ได้ เมื่อศาลสั่ง ศาลจะเอาเหตุอะไรมาสั่ง ซึ่งมีหลายสิบเหตุ บางกรณีศาลเพิกถอนได้ 5 ปี ซึ่งดูจะเป็นระยะเวลาที่น้อยสุด ความผิดบางอย่างศาลสั่งเพิกถอน 10 ปี บางฐานเพิกถอน 15 ปี สูงสุด 20 ปี
ก่อนร่ายยาว ยกตัวอย่างแต่ละเคส ที่ถูกเพิกถอนสิทธิเลือกตั้ง ที่จะพูดว่า “ทุจริต” ก็ไม่เต็มปาก เช่น กรณีการแจ้งความเท็จต่อคณะกรรมการการเลือกตั้ง ที่ถูกเพิกถอนสิทธิเลือกตั้ง 20 ปี หรือกรณีการยื่นบัญชีทรัพย์สินต่อ กกต. ช้าไปหนึ่งวัน ถูกเพิกถอนสิทธิเลือกตั้งไป 5 ปี เป็นต้น
ก่อนจะระบุเหตุผลออกเป็น 4 อย่าง ได้แก่
1.เมื่อบุคคลเหล่านี้ ถูกเพิกถอนสิทธิเลือกตั้ง จนพ้นกำหนดเวลาแล้ว เราจะถือว่าคนเหล่านั้น ยังมีความผิด มีบาปติดตัวจนเป็นอะไรไม่ได้ทั้งสิ้น สมควรหรือไม่ รัฐบาล และ คสช. เห็นว่า ตราบใดที่เรายังไม่แยกแยะ เมื่อเขาพ้นโทษแล้ว ส่วนนี้ไม่ควรเป็นตราบาปติดตัวเขาอยู่ต่อไป พ้นโทษไปควรพ้นในส่วนนี้ ถ้าเอาผิดส่วนนี้อีก ค่อยว่ากันบางฐานที่อาจร้ายแรงจริง ๆ
จึงได้มาคิดว่า ถ้าพ้นโทษแล้ว ไม่น่าเอาส่วนนั้นมาคิด เว้นแต่แยกไปว่า เป็นความประพฤติชั่วร้าย ในกรณีทำผิดอย่างแท้จริง เรื่องนี้ต้องเรียนไปว่า แม้แต่ รธน ชั่วคราวนี้ มาตรา 34 (4) บอกว่า เวลาไปร่าง รธน ฉบับใหม่ ช่วยวางกลไกที่จะป้องกันไม่ให้ผู้ที่กระทำการอันเป็นการทุจริตต่อการเลือกตั้ง มีโอกาสเข้ามาดำรงตำแหน่งทางการเมืองอย่างเด็ดขาด การแก้ครั้งนี้ จะสวนทางกับอันนั้นหรืออย่างไร ไม่สวนหรอก เพราะมาตรา 34 (4) เอง เขียนว่า ต้องวางกลไกมิให้ผู้กระทำการ การเพิกถอนสิทธิเลือกตั้ง บางครั้งเพิกถอนผู้กระทำการ
“แต่เราก็ทราบว่า หลายกรณีไม่ได้เพิกถอนผู้กระทำการ คือไม่ได้ทำอะไร ก็โดนด้วย เช่น กรณี นาย ก เป็นผู้สมัครแล้วทุจริต นาย ก ชื่อว่าผู้กระทำการ คนอย่างนาย ก ไม่ควรดำรงตำแหน่งใด ๆ แต่นาย ก กระทำการในฐานะสมาชิกพรรค หัวหน้าพรรค กรรมการฯ จะรู้หรือไม่ก็ตามที ที่สุดจะต้องถูกเพิกถอนสิทธิเลือกตั้งไปด้วย อย่างนี้ที่เรียกว่า ติดร่างแห พอถูกเพิกถอนไปแล้ว จะเขียนในมาตรา 8 (4) คงจะต้องคิดอีกครั้งว่าควรหรือไม่ ประการใด”
2.เป็นเหตุผลอย่างที่ พล.อ.ประวิตร ได้เรียนให้ทราบแล้วว่า เป็นเรื่องของความเป็นธรรม และส่งสัญญาณว่าไม่ได้อาฆาตมาดร้าย มุ่งปรองดอง เปิดทาง เปิดโอกาส ไม่ได้เอามาเป็น หรือเล็งใครให้มาเป็น ที่สมาชิก สนช. 3 ท่าน ฝากข้อสังเกต คสช. ยินดีรับไว้ทุกประการ
“เมื่อเปิดทางอย่างนี้ เวลาตั้งใครเป็นอะไรจริง ขอให้ดู แน่นอนต้องดู รัฐบาล และ คสช. ตั้งหลักแล้วว่า ต้องแยกแยะ ระหว่างผู้กระทำการ และผู้ที่ติดร่างแห และแม้ผู้กระทำการ ก็มีเรื่องเบา จนกระทั่งถึงเรื่องหนัก เป็นการทุจริตที่ไม่ควรเป็นเยี่ยงอย่าง เพราะในที่สุด เปิดทางตั้งใครแห่มาได้ทั้งหมด ขนาดคนดี ก็ใช่ว่าจะเป็นอะไรได้ง่าย ๆ ท่านทั้งหลายที่เป็น สนช. สปช. ย่อมประจักษ์แก่ตัวเองดีแล้วว่า แม้คุณสมบัติครบถ้วน ความสามารถเลิศเลอ ลักษณะต้องห้ามไม่มี ใช่ว่าจะผ่านด่านมานั่งได้โดยง่าย”
3.กรณีห่วงกันว่า บางคนอาจทุจริตเลือกตั้ง ชนิดผู้กระทำการ หรือทุจริตเรื่องอื่นเช่นยื่นบัญชีทรัพย์สิน หรือฉ้อราษฎร์บังหลวงคดโกง คนเหล่านั้นมีความผิดตามกฎหมายอื่นอยู่แล้ว และสภานี้ทำให้เห็นเป็นตัวอย่างคือ สภามีมติถอดถอนออกจากตำแหน่ง ใครก็ตามถูกถอดถอน คนละเรื่องกับเพิกถอนสิทธิเลือกตั้ง ถ้าถูกถอดถอนออกจากตำแหน่งรัฐธรรมนูญฉบับ ชั่วคราว ซึ่งรัฐบาลไม่ได้แก้ โดยคนจะเป็น สนช. รัฐมนตรี หรือ สปช. หรือสภาขับเคลื่อนฯ จะต้องไม่เคยถูกถอดถอนจากตำแหน่ง ตรงนั้นเคยเขียนอย่างนี้ ก็เขียนอย่างนั้น และไม่ได้แก้ไขผ่อนคลายแต่ประการใด คนที่ทุจริตจนถึงขั้นถูกถอดถอนก็มารับตำแหน่งใด ๆ ไม่ได้
4.จะบ้านเลขที่อะไรก็ตาม ที่พูดกันสาธารณะ สื่อมวลชน ขอให้ทราบว่า ร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ ก็ไม่ได้ห้ามกับผู้ที่เคยถูกเพิกถอนสิทธิเลือกตั้ง ได้สอบถาม นายบวรศักดิ์ (อุวรรณโณ ประธาน กมธ.ยกร่างฯ) แล้ว ยืนยันว่า ร่างรัฐธรรมนูญที่ร่างอยู่ ไม่มีส่วนห้ามในส่วนนั้นไว้ เพราะเขาได้แยกแยะแล้ว กับกรณีกระทำผิดเพราะอะไร ด้วยเหตุนี้ เป็นเหตุผลหนึ่งที่เอา รัฐธรรรมนูญฉบับชั่วคราวปี 2557 มาแก้ไข เพื่อให้เจือสมกับรัฐธรรมนูญฉบับใหม่นั่นด้วย
ทั้งหมดคือเหตุผลของ “วิษณุ” และ “บิ๊กป้อม” ในกรณีนี้
เมื่อพิจารณาจากถ้อยคำชี้แจงดังกล่าวแล้ว เห็นได้ว่า “สมคิด” อยู่ในข่ายที่จะได้รับ “สิทธิ” ในการเข้ามาเป็น สนช. หรือรัฐมนตรี อย่างแน่นอน !
หนึ่ง พล.อ.ประวิตร ระบุว่า “รัฐบาลเห็นว่า คนไหนดี คนไหนไม่ดี คนไหนที่จะเอามา” เท่ากับรัฐบาลมีธงในใจแล้วว่าจะนำ “ใคร” เข้ามาดำรงตำแหน่งใด ๆ ทั้งในรัฐบาล รวมถึงใน “แม่น้ำ 5 สาย”
สอง นายวิษณุ อธิบายว่า การเพิกถอนสิทธิเลือกตั้ง ให้แยกแยะการกระทำ ถ้าคนกระทำผิด สมควรต้องถูกลงโทษ แต่คนที่ “โดนร่างแห” ย่อมต้องได้รับคืนสิทธินั้น
เมื่อย้อนกลับไปดูในคดียุบพรรคไทยรักไทย จะเห็นได้ว่า กรรมการบริหารพรรคหลายคน ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องด้วย ซึ่งหนึ่งในนั้นได้แก่ “สมคิด” นั่นเอง
สาม ทั้ง พล.อ.ประวิตร และนายวิษณุ ต่างยืนยันตรงกันว่า แก้ไขเพื่อเพิ่มความปรองดอง และ “เปิดทาง เปิดโอกาส” ในส่วนนี้ เท่ากับว่า เป็นการเปิดช่องให้ “คนเห็นต่าง” ไม่ว่าจะเป็น “เสื้อแดง-ฝ่ายต้านรัฐบาล” สามารถเข้านั่งเก้าอี้ สภาขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ ได้ด้วย
และหากมีการแต่งตั้งในส่วนนั้นแล้ว เชื่อว่า กระแสสังคมจะลดคลายความกดดัน และทำให้การตั้ง “สมคิด” เข้ามาเป็น รองนายกรัฐมนตรี คุมทีมเศรษฐกิจ จะทำได้ง่ายขึ้น ?
ซึ่งกรณีนี้มีความเป็นไปได้ค่อนข้างสูง เพราะหากมองฉากหน้า จะเห็นว่า บรรดานักกิจกรรมเคลื่อนไหวของฝ่ายเสื้อแดง หรือแกนนำเสื้อแดงเองหลายราย เริ่มหันมาปรองดองมากขึ้น เช่น การจัดหลักสูตรเสริมสร้างสังคมสันติสุข โดยสถาบันพระปกเกล้าฯ ซึ่งมีทั้ง “พะเยาว์ อัคฮาค” ผู้ได้รับผลกระทบความเสียหายจากการชุมนุมปี 2553 และ “บก.ลายจุด” สมบัติ บุญงามอนงค์ แกนนำกลุ่มวันอาทิตย์สีแดง ได้มาเข้าเรียนหลักสูตรดังกล่าว ที่มี “สารพัดสี” เข้าร่วมด้วย
สี่ “วิษณุ” ชี้แจงว่า จะบ้านเลขที่อะไรก็ตาม ที่พูดกันในที่สาธารณะ หรือสื่อมวลชน ขอให้ทราบว่า ร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ ก็ไม่ได้ห้ามกับผู้ที่เคยถูกเพิกถอนสิทธิเลือกตั้ง
เท่ากับว่า เป็นการประกาศดัง ๆ ว่า การแก้ไขมาตรานี้ เป็นไปตามหลักการของรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ ซึ่งเป็นกฎหมายสูงสุดของประเทศ ที่ “ทุกคน” ต้องเคารพ !
ปิดประตูคนที่ออกมาวิพากษ์วิจารณ์ ประเด็นนี้ไปโดยปริยาย เพราะยังไงรัฐบาลก็ “เอาแน่”
แต่ไม่ว่าข้อเท็จจริงจะเป็นอย่างไร “สมคิด” จะมานั่งหัวโต๊ะทีมเศรษฐกิจแทน “หม่อมอุ๋ย” ม.ร.ว.ปรีดิยาธร เทวกุล จริงหรือไม่
ต้องจับตาภายหลัง สนช. ผ่านร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญฉบับชั่วคราวในวันนี้ !
อ่านประกอบ :
ไฟเขียวยกสภา! สนช.ผ่านวาระ 1 แก้ รธน.ชั่วคราวปูทางทำประชามติ
“บิ๊กป้อม”ยันปลดล็อคม.8ให้เกียรติคนถูกเว้นวรรคการเมือง“รบ.รู้คนไหนดีไม่ดี”
เขย่าครม.!แก้รธน.ปูทาง“สมคิด”่นั่งรองนายกฯเศรษฐกิจ-“หม่อมอุ๋ย”อยู่หรือไป?