เปิดตัวโครงการ Gen A "รวมพลคนรุ่นใหม่หัวใจอาสา"
สสส. เปิดตัวโครงการ Gen A 2015 ปลุกพลังเยาวชนคิดบวกอย่างสร้างสรรค์ จุดประกายความกล้าและต่อยอดพัฒนาเป็นเครือข่ายอาสาทำดีสู่วงกว้าง
17 มิถุนายน 2558 สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) ร่วมกับสำนักงานคณะกรรมการการอุดมศึกษา องค์กรต่อต้านคอร์รัปชั่นแห่งประเทศไทย บริษัทโสสุโก้ แอนด์ กรุ๊ป (2008) จำกัด และมูลนิธิธรรมดี เปิดตัวโครงการฑูตความดีแห่งประเทศไทย 2558 ปี4 ภายใต้แนวคิด Gen A "รวมพลคนรุ่นใหม่หัวใจอาสา" ณ หอประชุม 201 ชั้น 2 อาคารศูนย์เรียนรู้สุขภาวะ (สสส.) ซึ่งเป็นอีกหนึ่งในโครงการ Active Citizen โดย รศ.สรนิต ศิลธรรมะ รองเลขาธิการคณะกรรมการการอุดมศึกษา เป็นผู้กล่าวเปิดงาน
รศ.ดร.วิลาสินี อดุลยานนท์ ผู้อำนวยการสำนักสร้างเสริมวิถีชีวิตสุขภาวะ สสส. กล่าวถึงที่มาของโครงการว่า โครงการ Gen A เป็นส่วนหนึ่งของการขับเคลื่อนสร้างพลเมืองเพื่อให้ประเทศไทยน่าอยู่ โดยเน้นเรื่องการสร้างเรื่องจิตใจ ความเมตตากรุณา (active mind) ทาง สสส. ได้วางโครงการนี้ไว้ระยะยาว เพราะการทำดีต้องเริ่มต้นตั้งแต่เยาวชน และเชื่อว่า จะสามารถต่อยอดการทำดีนี้ไปสู่ผู้ใหญ่ได้
ด้านนายดนัย จันทร์เจ้าฉาย ประธานโครงการ Gen A กล่าวว่า จากปีที่ผ่านมามีเยาวชนจากโครงการลงพื้นที่ปฏิบัติภารกิจทำดีด้านงานจิตอาสา ในพื้นที่ต่างๆ รวมทั้งหมด 33 โครงการ ปัจจุบันโครงการนี้ได้ดำเนินต่อไปจากรุ่นสู่รุ่น และในปีนี้มีเยาวชนให้ความสนใจเข้าร่วมโครงการจำนวนมาก จึงมุ่งหวังที่จะสร้างเด็กรุ่นใหม่ให้มีจิตใจอาสา และลงมือทำเพื่อประโยชน์ต่อสังคม
ขณะที่นายกิตติชัย ไกรก่อกิจ กรรมการผู้จัดการ บริษัทโสสุโก้ แอนด์ กรุ๊ป (2008)จำกัด กล่าวว่า พลังของจิตอาสาของเยาวชนคนรุ่นใหม่เป็นเรื่องที่สำคัญอย่างยิ่งในการพัฒนาประเทศ สำหรับโครงการทูตความดีแห่งประเทศไทย ทางบริษัทฯ มีความยินดีที่ได้สนับสนุนอย่างต่อเนื่องเป็นปีที่ 4 ซึ่งจะเป็นอีกแรงในการสร้างค่านิยม เก่ง ดี มีจิตสาธารณะ ให้เกิดขึ้นในสังคมไทย
นายกิตติชัย กล่าวด้วยว่า โครงการทำดีมีหลายโครงการ แต่โครงการนี้มีจุดเด่นตรงที่เปิดโอกาสให้เด็กทุกคนเข้าร่วมได้ เช่น เด็กพิการ เด็กที่ไม่มีโอกาสทางการศึกษา เด็กที่ก้าวผิด ทางโครงการนี้รับหมด เพราะเราต้องไม่ตีตราคน แต่เราต้องให้โอกาสทุกคน
ส่วนนายมณฑล รักษ์คณพล นักศึกษามหาวิทยาลัยกรุงเทพ ผู้ชนะเลิศโครงการ Gen A 2014 กล่าวว่า "อยาก ให้ผู้เข้าร่วมให้รู้จักการกล้าแสดงออกให้ถูกทาง อย่าปล่อยให้โอกาสให้เป็นอากาศ ต้องคว้าเอาไว้ และสิ่งที่ตามมาจะเกินกว่าที่เราคิด ถึงบางโครงการอาจจะดูยาก แต่อยากให้สู้อย่ายอมแพ้ แล้วเชื่อว่าโครงการของรุ่นนี้จะช่วยคนได้อีกมาก"
ทั้งนี้โครงการมีผู้เข้าร่วมทั้งสิ้นจำนวน 140 คน จาก 28 ทีม จากทั่วประเทศ ซึ่งเยาวชนทุกคนจะได้มีส่วนร่วมในการนำความเปลี่ยนแปลงมาสู่สังคมและชุมชน จากการลงพื้นที่จริง เพื่อปฏิบัติภารกิจส่งต่อความดีแก่ผู้อื่นเป็นเวลา 4 เดือนโดยทีมที่ชนะเลิศจะได้รับรางวัลพระราชทานจากสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา ฯ สยามบรมราชกุมารี