กกต.คาดลงประชามติ 10 ม.ค. 59
เมื่อเวลา 10.45 น. วันที่ 10 มิถุนายน 2558 ที่โรงแรมเซ็นทราศูนย์ราชการและคอนเวนชั่นเซ็นเตอร์ แจ้งวัฒนะ นายศุภชัย สมเจริญ ประธานกรรมการการเลือกตั้ง กล่าวกรณีที่คณะรัฐมนตรี(ครม.) แก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญ(ฉบับชั่วคราว) 2557 เปิดทางให้มีการทำประชามติร่างรัฐธรรมนูญ ว่า ขณะนี้ทางกกต.ได้เตรียมความพร้อมไว้รองรับเรียบร้อยแล้ว หากสภาปฏิรูปแห่งชาติ(สปช.) ลงมติเห็นชอบร่างรัฐธรรมนูญในวันที่ 6 กันยายนตามโรดแมปที่กำหนดไว้ ภายในวันที่ 16 กันยายนทางสปช.จะต้องส่งต้นฉบับของร่างรัฐธรรมนูญมาให้กกต. จากนั้นวันที่ 30 กันยายน ทางกกต.จะต้องจัดหาโรงพิมพ์ที่มีศักยภาพและมีประสิทธิภาพเพียงพอในการจัดพิมพ์ร่างรัฐธรรมนูญจำนวน 19 ล้านครัวเรือน หรือร้อยละ 80 ครัวเรือน ให้แล้วเสร็จภายใน 45 วันหรือภายในวันที่ 15 พฤศจิกายน จากนั้น กกต.ก็ต้องทยอยแจกจ่ายร่างรัฐธรรมนูญเพื่อให้ประชาชนได้ศึกษาก่อนที่จะตัดสินใจทำประชามติให้ครบทุกครัวเรือนภายในวันที่ 30 พฤศจิกายน จากนั้นจึงจะมีการลงประชามติในวันที่ 10 มกราคม 2559
นายศุภชัย กล่าวต่อว่า สำหรับการกำหนดประเด็นการตั้งคำถามในการทำประชามตินั้น เป็นหน้าที่ของสปช.และสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) ที่จะต้องเป็นผู้ดำเนินการและเสนอต่อครม.หากครม.พิจารณาแล้วเห็นว่าเป็นคำถามที่เหมาะสม ทางครม.ก็จะส่งมาให้กกต.ดำเนินการ ซึ่งคำถามในการทำประชามติจะมีคำถามที่นอกเหนือไปจากการถามว่ารับหรือไม่รับร่างรัฐธรรมนูญก็ได้ ไม่ได้เป็นปัญหาหรือเป็นเรื่องที่ยุ่งยากต่อการดำเนินการของกกต.แต่อย่างใด เนื่องจากการทำประชามติไม่จำเป็นต้องมีเพียงแค่ 1 คำถามเท่านั้นสามารถตั้งคำถามได้หลายข้อ แต่ต้องไม่เป็นคำถามที่ชี้นำหรือทำให้ประชาชนเกิดความสับสนหรือเข้าใจยาก ซึ่งหากมีคำถามที่ไม่เหมาะสม กกต.ก็อาจมีการตั้งข้อสังเกตแจ้งให้ครม.ได้รับทราบได้ แต่ส่วนตัวก็เชื่อว่าทางครม.จะพิจารณาตั้งคำถามที่มีความเหมาะสมและรอบคอบ
นายศุภชัย กล่าวอีกว่า ส่วนกระบวนการเผยแพร่และทำความเข้าใจในการทำประชามตินั้น กกต.ยืนยันว่าสามารถประชาสัมพันธ์และเผยแพร่ความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับกระบวนการทำประชามติให้ประชาชนเข้าใจได้แน่นอน เนื่องจากได้มีการเตรียมความพร้อมไว้แล้ว โดยงบประมาณที่ใช้ในการทำประชามติคาดว่าอยู่ที่ประมาณ 3,000 ล้านบาท ส่วนจะต้องมีการแก้ไขประกาศหรือคำสั่งคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เพื่อผ่อนคลายบรรยากาศในการทำประชามติด้วยหรือไม่นั้นคงต้องรอให้ทางคสช.เป็นผู้พิจารณาถึงความเหมาะสมอีกครั้ง แต่หากเห็นว่ามีส่วนใดที่ขัดต่อการทำหน้าที่ของ กกต.ก็อาจจะเสนอขอให้คสช.แก้ไขประกาศดังกล่าวได้ ซึ่งคาดว่าพอใกล้ถึงเวลานายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายกฎหมาย จะดำเนินการแก้ไขให้เหมาะสมกับสถานการณ์ อย่างไรก็ตาม ส่วนตัวอยากเห็นการทำประชามติที่สงบเรียบร้อยเป็นไปตามธรรมชาติ ไม่มีการปลุกระดมหรือชี้นำ ซึ่งหากบุคคลใดชี้นำหรือปลุกระดมก็จะมีความผิดตามกฎหมายได้
ขอบคุณข่าวจาก