เร่งหาหลักฐานมัด "พันเอก-ร้อยเอก" พันคดีค้าโรฮิงญา
พนักงานสอบสวนคดีค้ามนุษย์โรฮิงญา กำลังเร่งรวบรวมหลักฐานเพื่อขอศาลอนุมัติหมายจับ “คนมีสี” ที่เกี่ยวข้องกับขบวนการค้ามนุษย์อีกจำนวนหนึ่ง โดยมีลูกน้องของ พลโทมนัส คงแป้น ผู้ทรงคุณวุฒิกองทัพบก รวมอยู่ด้วย 2-3 คน
ปัจจุบัน พลโทมนัส ถูกคุมขังอยู่ในเรือนจำ หลังถูกพนักงานสอบสวนแจ้งข้อหาจำนวน 13 ข้อหาในความผิดที่เกี่ยวเนื่องกับการค้ามนุษย์ชาวโรฮิงญา เนื่องจากศาลจังหวัดนาทวีไม่อนุญาตให้ประกันตัว
พลโทมนัส ถือเป็นนายทหารคนแรกที่โดนแจ้งข้อหาค้ามนุษย์ หลังโศกนาฏกรรมพบหลุมฝังศพและศพชาวโรฮิงญาจำนวนมากบนเทือกเขาแก้ว ตำบลปาดังเบซาร์ อำเภอสะเดา จังหวัดสงขลา ตั้งแต่วันที่ 1 พฤษภาคมเป็นต้นมา จนนำไปสู่การกวาดล้างขบวนการค้ามนุษย์ครั้งใหญ่ มีผู้ถูกออกหมายจับไปแล้วทั้งสิ้น 84 คน ถูกจับกุมและอายัดตัวแล้ว 53 คน หลบหนีอยู่อีก 31 คน ส่วนใหญ่เป็นนักการเมืองท้องถิ่น ผู้นำฝ่ายปกครองท้องที่ และนักธุรกิจระดับจังหวัด
แต่การขยายผลคดียังไม่ยุติเพียงแค่นั้น ล่าสุดพนักงานสอบสวนกำลังรวบรวมพยานหลักฐานเพื่อขอหมายจับ "คนมีสี" ที่เกี่ยวข้องกับขบวนการค้ามนุษย์อีกจำนวนหนึ่ง โดยในจำนวนนั้น 2-3 คนเป็นลูกน้องของพลโทมนัส โดยเป็นนายทหารยศพันเอก และร้อยเอก แต่ยังไม่มีการเปิดเผยสังกัดว่าปัจจุบันสังกัดอยู่หน่วยงานใด
ความเกี่ยวพันระหว่างเจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคงบางหน่วยกับขบวนการค้ามนุษย์ชาวโรฮิงญานั้นมีมาตลอด โดยเมื่อต้นปี 2556 ในยุคที่ พลอากาศเอกสุกำพล สุวรรณทัต เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม และมี พลโทอุดมชัย ธรรมสาโรรัชต์ เป็นแม่ทัพภาคที่ 4 ได้มีการสั่งตั้งคณะกรรมการสอบสวนนายทหารยศนายพัน 1-2 นาย และระดับนายร้อยอีก 1-2 คน ในสังกัดกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ส่วนแยกที่ 1 ระนอง เพราะถูกกล่าวหาพัวพันขบวนการค้ามนุษย์ นำรถยนต์ของทางราชการไปขนชาวโรฮิงญาจนเป็นข่าวครึกโครม แต่ภายหลังผลสอบสวนกลับสรุปว่านายทหารทั้งหมดไม่มีความผิด และเป็นเรื่องเข้าใจผิด
อย่างไรก็ดี เป็นที่รู้กันในหมู่ข้าราชการฝ่ายความมั่นคงว่า หน่วยงานรัฐบางหน่วยมีการใช้งบลับเพื่อขนชาวโรฮิงญาที่หลบหนีเข้ามาในราชอาณาจักร ส่งต่อไปยังประเทศที่สาม เพื่อไม่ให้มีชาวโรฮิงญาพำนักอยูในประเทศไทยจำนวนมากจนไทยถูกกดดันจากนานาชาติให้ตั้งศูนย์พักพิง ซึ่งการดำเนินนโยบายดังกล่าวในทางลับถือเป็นแนวทางที่ผิดพลาด และได้กลายเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้ขบวนการค้ามนุษย์ชาวโรฮิงญาในภาคใต้เป็นเครือข่ายใหญ่โต และมี "คนมีสี" เข้าไปเกี่ยวข้องหลายกลุ่ม
ตามรวบ 6 โรฮิงญาแหกสถานที่ควบคุม
ความคืบหน้ากรณีชาวโรฮิงญาที่ตกเป็นเหยื่อค้ามนุษย์จำนวน 11 คน หลบหนีออกจากสถานคุ้มครองสวัสดิภาพผู้เสียหายจากการค้ามนุษย์ จังหวัดสงขลา ซึ่งตั้งอยู่ที่ตำบลกำแพงเพชร อำเภอรัตภูมิ เมื่อกลางดึกคืนวันอาทิตย์ที่ 7 มิถุนายนนั้น
ล่าสุดช่วงเช้าวันจันทร์ที่ 8 มิถุนายน ตำรวจสถานีตำรวจภูธรรัตภูมิและฝ่ายปกครอง สามารถติดตามชาวโรฮิงญากลับมาได้แล้ว 6 คน หลังได้รับแจ้งเบาะแสจากชาวบ้าน โดยทั้งหมดหนีไปซ่อนตัวอยู่ในป่าพื้นที่หมู่ 11 บ้านนิคม ตำบลกำแพงเพชร ไม่ไกลจากสถานคุ้มครองสวัสดิภาพฯมากนัก เจ้าหน้าที่จึงนำตัวกลับมาควบคุมที่สถานคุ้มครองสวัสดิภาพฯ ส่วนอีก 5 คนเจ้าหน้าที่ยังเร่งค้นหา และเชื่อว่าน่าจะยังหนีไปได้ไม่ไกล
ในการนี้ เจ้าหน้าที่ที่ได้เพิ่มความเข้มงวดในการดูแลชาวโรฮิงญาที่มีอยู่กว่า100 คนภายในสถานคุ้มครองสวัสดิภาพฯ เพื่อป้องกันการหลบหนีซ้ำอีก เชื่อว่าความพยายามหลบหนีเกิดจากการต้องอยู่ในสภาพที่กดดันคล้ายถูกกักบริเวณ และหลายคนต้องการเดินทางต่อไปยังประเทศที่สาม
"เอก" แย้มอาจมีออกหมายจับเพิ่ม
วันเดียวกัน พลตำรวจเอก เอก อังสนานนท์ รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ได้ลงพื้นที่จังหวัดสงขลาเพื่อเร่งรัดคดีค้ามนุษย์โรฮิงญา และเตรียมประชุมร่วมกับรองอธิบดีอัยการเพื่อวางกรอบการทำงานก่อนส่งสำนวนฟ้องศาลให้ได้ภายในวันที่ 19 มิถุนายนนี้ เพื่อให้ทันกำหนดเวลาอำนาจการควบคุมตัว 84 วัน
พลตำรวจเอก เอก กล่าวว่า หมายจับผู้ต้องหายังอยู่ที่ 84 หมาย ควบคุมตัวได้แล้ว 53 คน หลบหนีอยู่ 31 คน ส่วนการจะออกหมายจับเพิ่มเติมหรือไม่ ขึ้นอยู่กับพยานหลักฐาน ถ้ามีน้ำหนักพอจะขออนุมัติศาลจังหวัดนาทวีออกหมายจับทันที