ฐานธุรกิจหมื่นล."สัมฤทธิ์-พวก"ก่อนโดน ปปง.อายัดทรัพย์ พ่วง บิ๊ก สกสค.183 ล.
"...เบื้องต้น มีการยืนยันข้อมูลภายในจาก ปปง. ว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี สั่งไฟเขียวลุยเต็มที่สำหรับการตรวจสอบคดีนี้ และให้สอบสวนข้อมูลทางลับมานานเป็นเดือนแล้ว ขณะที่ฝ่ายบริหาร สกสค. บางส่วน ก็พยายามดึงเรื่องไว้ ไม่ยอมเข้าแจ้งความร้องทุกข์..."
กลายเป็นประเด็นร้อนขึ้นมาทันที!
เมื่อในช่วงสายวันที่ 5 มิ.ย.58 ที่ผ่านมา สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) โดย พ.ต.อ.สีหนาท ประยูรรัตน์ เลขาธิการ ปปง. ได้เปิดแถลงข่าวเป็นทางการเกี่ยวกับการสั่งยึดและอายัดทรัพย์สิน ของ "ผู้เกี่ยวข้อง" กรณีสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมสวัสดิการและสวัสดิภาพครูและบุคลากรทางการศึกษา (สกสค.) อนุมัติเงินจำนวน 3,000 ล้านบาท ให้บริษัท บิลเลี่ยน อินโนเวเท็ด กรุ๊ป จำกัด นำไปใช้ในการลงทุนโครงการโรงงานไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ ซึ่งอ้างว่ามีการใช้ที่ดินจำนวน 1,200 ไร่ ในพื้นที่ อ.หนองหญ้าปล้อง จ.เพชรบุรี งบประมาณสูงถึง 6,500 ล้านบาท
หลังตรวจสอบข้อมูลพบว่าการดำเนินการดังกล่าวมีลักษณะเป็นการฉ้อโกง เนื่องจากหลักทรัพย์ที่นำมาค้ำประกันไว้ในการกู้เงินดังกล่าว ทั้งโฉนดที่ดิน 33 แปลง เช็คธนาคารแลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ จำกัด ดร๊าฟท์ธนาคาร HSBC ใบหุ้นสโมสรฟุตบอลเรดดิ้ง ประเทศอังกฤษ เงินสกุลโครเอเชีย รวมมูลค่ามหาศาล เป็นเอกสารปลอมทั้งหมด
โดยยอดรวมทรัพย์สินที่ถูกยึด อายัดไว้ครั้งนี้ มีจำนวน 146 รายการ มูลค่าประมาณ 183 ล้านบาท
ขณะที่ "บุคคล" ซึ่งถูกระบุว่า มีส่วนเกี่ยวข้องกับกรณีนี้ อาทิ นายสัมฤทธิ์ บัณฑิตกฤษดา กรรมการบริษัทบิลเลี่ยนฯ นายสิทธินันท์ หลอมทอง กรรมการผู้มีอำนาจบริษัท บิลเลี่ยนฯ นายมงคล เอี่ยงศุภพานนท์ กรรมการผู้มีอำนาจบริษัท บิลเลี่ยนฯ และ กรรมการของสกสค. และกรรมการ ช.พ.ค.บางราย อาทิ นายเกษม กลั่นยิ่ง , นายสุรเดช พรหมโชติ และ นายสมศักดิ์ ตาไชย
ล่าสุด สำนักข่าวอิศรา www.isranews.org ตรวจสอบข้อมูล "บุคคล" ทั้งหมดที่ตามข้อมูลของปปง. ซึ่งแยกเป็น 3 กลุ่มหลัก มานำเสนอ ดังนี้
กลุ่มแรก นายสัมฤทธิ์ บัณฑิตกฤษดา และ นายสิทธินันท์ หลอมทอง ปรากฎรายชื่อเป็นกรรมการและผู้ถือหุ้นในบริษัท บิลเลี่ยน อินโนเวเท็ด กรุ๊ป จำกัด
โดยในสำเนารายชื่อผู้ถือหุ้น ณ วันที่ 13 กุมภาพันธ์ 2558 ที่แจ้งต่อกรมพัฒนาธุรกิจการค้า ระบุว่า นายสัมฤทธิ์ ถือหุ้นใหญ่สุด จำนวน 15,000,000 หุ้น มูลค่า 1,500,000,000 บาท ส่วนนายสิทธินันน์ หลอมทอง ถืออยู่ 2,000,000 หุ้น มูลค่า 200,000,000 บาท
(ดูเอกสารประกอบ)
จากการตรวจสอบพบว่า นายสัมฤทธิ์ ยังปรากฎชื่อเป็นกรรมการและผู้ถือหุ้นบริษัทเอกชนอีก 3 แห่ง คือ เป็นกรรมการ บริษัท สโมสรฟุตบอลโล่ห์เงิน จำกัด (มหาชน) , เป็นกรรมการบริษัท บิลเลียน อินโนเวทีฟ กรุ๊ป (ประเทศไทย) จำกัด ทุนจดทะเบียน 5,000 ล้านบาท มีชาวต่างชาติรวมเป็นกรรมการด้วย , เป็นกรรมการและผู้ถือหุ้นบริษัท มหาชัย มีเดีย จำกัด จำนวน 26,000,000 หุ้น มูลค่า 2,600,000,000 บาท
ขณะที่ นายสิทธินันท์ นอกจากจะปรากฎชื่อเป็นกรรมการ บริษัท สโมสรฟุตบอลโล่ห์เงิน จำกัด (มหาชน) ร่วมกับนายสัมฤทธิ์แล้ว ยังเป็นกรรมการและผู้ถือหุ้น บริษัทเอกชน อีก 2 แห่ง คือ เป็นกรรมการและผู้ถือหุ้นบริษัท บิลเลี่ยน โบรกเกอร์ จำกัด จำนวน 90,000 หุ้น มูลค่า 900,000 บาท , เป็นกรรมการและผู้ถือหุ้น บริษัท บิลเลี่ยน โปรดักชั่น แอนด์ เอเจนซี่ จำกัด จำนวน 25,000 หุ้น มูลค่า 2,500,000 บาท
รวมมูลค่าหุ้น และทุนจดทะเบียนบริษัท ที่นายสัมฤทธิ์ นายสิทธินันท์ เข้าเป็นเกี่ยวข้องเป็นจำนวนเงินกว่า 1.03 หมื่นล้านบาท
ส่วน นายสมศักดิ์ ตาไชย เคยดำรงตำแหน่งเป็น เลขาธิการคณะกรรมการ สกสค. นายสุรเดช พรหมโชติ ดำรงตำแหน่งรองเลขาธิการ สกสค. และถูกรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการลงนามยกเลิกสัญญาว่าจ้าง
โดยในส่วนของ นายสมศักดิ์ ตาไชย เพิ่งถูกคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ตั้งคณะอนุกรรมการไต่สวนคดีถูกกล่าวหาอนุมัติให้นำเงินของกองทุนสนับสนุนพิเศษและส่งเสริมความมั่นคงตามโครงการเงินกู้ฌาปนกิจสงเคราะห์ช่วยเพื่อนครูและบุคลากรทางการศึกษาไปซื้อตั๋วสัญญาใช้เงิน จำนวน 2,100 ล้านบาท และ 400 ล้านบาท โดยไม่ชอบ (อ่านประกอบ : ป.ป.ช.ตั้งอนุฯไต่สวนลุยสอบอดีตเลขาฯสกสค.ซื้อตั๋วเงินกว่า 2.5 พันล.มิชอบ)
ขณะที่ นายเกษม กลั่นยิ่ง เคยดำรงตำแหน่งเป็นเลขาธิการคณะกรรมการ สกสค. เช่นกัน
สำหรับทรัพย์สินในคดีนี้ ที่ถูก ปปง.ออกคำสั่งอายัดไว้ จำนวน 146 รายการ มูลค่าประมาณ 183 ล้านบาท ประกอบไปด้วย
1. โฉนดที่ดิน 33แปลง และหนังสือรับรองการทำประโยชน์ (น.ส.3) 16 แปลง มูลค่าประมาณ 37 ล้านบาท (หนึ่งในหลักประกันการกู้ยืมเงินของ บริษัท บิลเลี่ยน อินโนเวเท็ด กรุ๊ป กับ สกสค.)
2. บัญชีเงินฝากของผู้ที่เกี่ยวข้องที่ได้รับโอนเงินทั้งบริษัท บิลเลี่ยนฯ และบริษัทในเครือของนายสัมฤทธิ์ กับพวก และกรรมการสกสค. และช.พ.ค. ประกอบด้วย 1.นายเกษม กลั่นยิ่ง 2.นายสุรเดช พรหมโชติ และ 3.นายสมศักดิ์ ตาไชย รวม 63 รายการ เป็นเงิน 32 ล้านบาท หุ้นบริษัท สัญญาประกันภัย จำกัด (มหาชน)ของนายสัมฤทธิ์ จำนวน 712,758 หุ้น มูลค่า 71 ล้านบาท
นอกจากนี้ ยังสั่งยับยั้งการทำธุรกรรมไว้ชั่วคราว 10 วัน ในส่วนของบัญชีสโมสรฟุตบอลโล่เงิน จำกัด (เพื่อนตำรวจ) และบริษัท สัญญาประกันภัยฯ 33 บัญชี เป็นเงิน 43 ล้านบาท
ขณะที่ ปปง.ระบุว่า นอกเหนือจากทรัพย์สินจำนวน 183 ล้านบาท ที่ถูกออกคำสั่งอายัดทรัพย์ไว้แล้ว แต่ยังมีทรัพย์อีกจำนวนมากที่ซุกซ่อนไว้ ซึ่งจากการทำแผนผังเส้นทางการเงินจะพบว่ามีการถอนเงินออกไปเป็นทอดๆ ครั้งละหลายล้านบาท เช่น ภายในวันเดียวมีการถอนเงินออกมากถึง 120 ล้านบาท
ทั้งนี้ ปปง.จะส่งข้อมูลที่ได้จากการตรวจสอบทั้งหมดไปให้พนักงานสอบสวนกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) สอบสวนความผิดอาญาอีกครั้ง
เบื้องต้น มีการยืนยันข้อมูลภายในจาก ปปง. ว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี สั่งไฟเขียวลุยเต็มที่สำหรับการตรวจสอบคดีนี้ และให้สอบสวนข้อมูลทางลับมานานเป็นเดือนแล้ว ขณะที่ฝ่ายบริหาร สกสค. บางส่วน ก็พยายามดึงเรื่องไว้ ไม่ยอมเข้าแจ้งความร้องทุกข์
ส่วนขั้นตอนการดำเนินงานสอบสวน หลังจากนี้ จะมี "ตัวละครใหม่" ถูกเปิดเผยรายชื่อเข้ามาเกี่ยวข้องเพิ่มเติม และมีรายการทรัพย์สินที่จะถูกสั่งอายัดอีกหรือไม่
คงต้องจับตาดูต่อไปแบบห้ามกระพริบตา!
อ่านประกอบ:
ดีเอสไอ-ปปง.-สตง.เจอเงินสด-เช็คในตู้เซฟ สกสค.ปมลงทุนโรงไฟฟ้า 2.1 พันล.
สุดบังเอิญ! หุ้นส่วน"เดอะบิ๊ก"ขนเงินพันล.เพิ่มทุนบ.อสังหา ที่แท้ลูกหนี้คลองจั่น 720 ล.
ตีเช็ค4ใบวันเดียว6.5พันล.!เส้นทางเงิน"เดอะบิ๊ก-พวก"ขนเพิ่มทุนบ.อสังหาปริศนา
ปริศนาใหม่!"เดอะบิ๊ก"หอบเงิน 2.6พันล.ลงหุ้นบ.อสังหา ช่วงหลังได้เงินสกสค. 2.1 พันล.
ศอตช.ตั้ง 2 ประเด็นสอบสกสค. อนุมัติ 2.1พันล.ให้เดอะบิ๊ก-สาวลึกเงิน "ขรก."
เบื้องหลัง! ประยุทธ์ ใช้มาตรา 44 ล้างบาง "ก.ศึกษาฯ -คุรุสภา-สกสค."
โชว์บันทึกแจ้งความ-จม.ข่มขู่!"เดอะบิ๊ก"อ้าง"นาย ป."หัวขบวนอุ้มเรียกสินบน?
ผย "เดอะบิ๊ก" ให้ชื่อ"นาย ป." มืออุ้มขู่ฆ่าเรียกสินบนเงินลงทุน ช.พ.ค.77ล้าน
อตกลงลับเงินกู้400 ล.มัดสัมพันธ์ลึก"เดอะบิ๊ก"&เครือข่าย"ศุภชัย-ธรรมกาย"
ผ่าปมร้อนเงินกู้ช.พ.ค.2.1พันล."เดอะบิ๊ก"ยันถูกขู่ฆ่าเรียกสินบน ล้มบอร์ดสกสค.?