พลิกมติ ป.ป.ช.เพิกถอนโฉนด บ.ดัง‘เขาใหญ่’ 264 ไร่ ก่อน‘โบนันซ่า-คีรีมายา-พิธีกร’
สืบค้นมติ ป.ป.ช.เพิกถอนโฉนด 6 แปลง บ.ดังออกมิชอบ ‘เขาใหญ่’ 264 ไร่ ฟันวินัยร้ายแรง เจ้าหน้าที่ สนง.ที่ดินปากช่อง-นครราชสีมา จนท.ป่าไม้ 7 คน ก่อนกรณีปัญหา‘สนามแข่งรถโบนันซ่า-คีรีมายา-พิธีกรดัง’
กรณีการออก น.ส.3 ก.โดยมิชอบของสนามแข่งรถ International Bonanza Speed Way ในโครงการ โบนันซ่า หมู่ 11 ต.ขนงพระ อ.ปากช่อง จ.นครราชสีมา ของบริษัท โบนันซ่า อินเตอร์เนชั่นแนล สปีดเวย์ จำกัด กรณีที่ดินในโครงการคีรีมายา 1,400 ไร่ และโครงการมูลแดนซ์ (มีพิธีกรคนดังเป็นลูกค้าเกือบ 9 ไร่) ซึ่งอยู่ระหว่างการตรวจสอบข้อเท็จจริงของเจ้าหน้าที่หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
มีกรณีตัวอย่างการออก น.ส.3 ก บริเวณโดยรอบอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่และบริเวณสองข้างทางถนนธนะรัชต์ของบริษัทแห่งหนึ่งเนื้อที่กว่า 264 ไร่ ถูกคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) มีมติชี้มูลว่าออกเอกสารสิทธิ์โดยมิชอบ และดำเนินการเอาผิดทางวินัยร้ายแรงเจ้าหน้าที่สำนักงานที่ดินและเจ้าหน้าที่ป่าไม้รวม 7 คน มาก่อนหน้านี้แล้ว
สำนักข่าวอิศรา www.isranews.org สืบค้นมติคณะกรรมการ ป.ป.ช. ซึ่งเผยแพร่ผ่านข่าวการประชุมคณะกรรมการ ป.ป.ช.เมื่อ 17 ธ.ค.45 ปรากฎรายละเอียดดังนี้
เรื่องกล่าวหา เจ้าหน้าที่สำนักงานที่ดิน อ.ปากช่อง และเจ้าหน้าที่สำนักงานที่ดินจังหวัดนครราชสีมา ออก น.ส.3 มิชอบ บริเวณรอบอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่และบริเวณสองข้างทางถนนธนะรัชต์โดยมิชอบ
เป็นเรื่องทีคณะกรรมการ ป.ป.ช. ได้รับโอนเรื่องมาจากคณะกรรมการ ป.ป.ป.(คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบในวงราชการ) โดยผลของพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ.2542 มาตรา 128 กล่าวหากล่าวหาเจ้าหน้าที่สำนักงานที่ดินอำเภอปากช่อง และเจ้าหน้าที่สำนักงานที่ดินจังหวัดนครราชสีมา ออก น.ส.3 ก บริเวณรอบอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ และบริเวณสองข้างทางถนนธนะรัชต์โดยมิชอบ
คณะกรรมการ ป.ป.ช.ได้ดำเนินการไต่สวนข้อเท็จจริงแล้ว ปรากฏข้อเท็จจริงฟังได้ว่า เมื่อวันที่ 29 พ.ย.32 อำเภอปากช่อง จังหวัดนครราชสีมา ได้ออกหนังสือรับรองการทำประโยชน์ (น.ส.3 ก) เลขที่ 3238-3243 เลขที่ดิน 14-19 หมู่ที่ 5 ต.หมูสี อ.ปากช่อง จ.นครราชสีมา รวม 6 แปลง เนื้อที่รวม 264-1-54 ไร่ ให้แก่กลุ่มบุคคลซึ่งได้กว้านซื้อที่ดินมาจากราษฎร เจ้าของที่ดินเดิม จากนั้นเมื่อวันที่ 8 ม.ค.33 กลุ่มบุคคลนี้ได้นำที่ดินไปขายให้แก่บริษัทแห่งหนึ่ง เพื่อจัดทำเป็นโครงการบ้านจัดสรรและรีสอร์ท ซึ่งต่อมาบริษัทได้นำ น.ส.3 ก.ทั้งหมดไปขอออกเป็นโฉนดที่ดิน
โดยจากการตรวจสอบวิเคราะห์ภาพถ่ายทางอากาศของผู้เชี่ยวชาญของศาล และจากการไต่สวนฟังได้ว่า ที่ดินที่นำมาขออก น.ส.3 ก.ดังกล่าวมิได้มีการครอบครองและทำประโยชน์มากก่อนวันที่ประมวลกฎหมายที่ดินใช้บังคับ และเป็นที่ดินที่อยู่ในพื้นที่เขตป่าไม้ถาวรป่าเขาใหญ่ ซึ่งทางราชการสงวนไว้เพื่อเป็นสมบัติของชาติ ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 12 พ.ย.2506
นอกจากนี้ยังปรากฏว่าเจ้าหน้าที่ สำนักงานที่ดินอำเภอปากช่อง เจ้าหน้าที่สำนักงานที่ดินจังหวัดนครราชสีมา และเจ้าหน้าที่ป่าไม้ ได้ทำการรังวัดพิสูจน์สอบสวนสิทธิและตรวจสอบกลั่นกรองเรื่องการขอออกเอกสารสิทธิ์ที่ดินทั้ง 6 แปลง โดยไม่ปฏิบัติตามระเบียบกรมที่ดินว่าด้วยการออกหนังสือรับรองการทำประโยชน์ เฉพาะราย พ.ศ.2529 น.ส.3 ก.ทั้ง 6 แปลงข้างต้นจึงเป็น น.ส.3 ก.ที่ออกโดยมิชอบด้วยกฎหมาย
คณะกรรมการ ป.ป.ช.พิจารณาแล้วเห็นว่า การกระทำของเจ้าหน้าที่สำนักงานที่ดินอำเภอปากช่อง เจ้าของเรื่อง และ เจ้าหน้าที่ป่าไม้ ผู้ลงชื่อรับรองว่าที่ดินดังกล่าวไม่อยู่ในเขตป่าไม้ถาวร เป็นความผิดทางวินัยอย่างร้ายแรง ฐานประมาทเลินเล่อในหน้าที่ราชการหรือปฏิบัติหน้าที่โดยจงใจไม่ปฏิบัติตามกฎหมาย ระเบียบของทางราชการ หรือมติคณะรัฐมนตรี อันเป็นเหตุให้เสียหายแก่ราชการอย่างร้ายแรง ตามพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการพลเรือน พ.ศ.2518 มาตรา 68 วรรคสอง
และการกระทำของเจ้าหน้าที่สำนักงานที่ดินปากช่อง เจ้าหน้าที่สำนักงานสำนักงานที่ดินจังหวัดนครราชสีมา และปลัดอำเภอปากช่องในฐานะผู้รักษาราชการแทนนายอำเภอปากช่องอีก 5 คน เป็นความผิดทางวินัย ฐานไม่ตั้งใจปฏิบัติหน้าที่ราชการตามกฎหมาย ระเบียบของทางราชการ และมติคณะรัฐมนตรีให้เกิดผลดีหรือความก้าวหน้าแก่ราชการ ด้วยความอุตสาหะ เอาใจใส่และระมัดระวังรักษาประโยชน์ของทางราชการ ตามพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการพลเรือนพ.ศ.2518 มาตรา 68 วรรคหนึ่ง
คณะกรรมการ ป.ป.ช. จึงมีมติให้ส่งรายการ เอกสาร และความเห็นไปยังผู้บังคับบัญชาเพื่อพิจารณาโทษทางวินัยแก่ผู้ถูกกล่าวหาทั้ง 7 คน และไปยังอธิบดีกรมที่ดินเพื่อขอให้ศาลมีคำสั่งหรือคำพิพากษาให้ยกเลิกหรือเพิกถอนหนังสือรับรองการทำประโยชน์ (น.ส.3 ก) จำนวน 6 แปลง และโฉนดที่ดินที่ออกสืบเนื่องมาจาก น.ส.3 ก ดังกล่าวต่อไป
ผ่านมากว่า 10 ปี การบังคับใช้กฎหมายในการลงโทษ สถานะของที่ดินแปลงนี้ในปัจจุบัน และ เจ้าของที่ดินเป็นใคร?
คงต้องติดตามกันต่อไป