คปก.ค้านตั้งผู้ไต่สวนอิสระ สอบนักการเมือง ชี้ซ้ำซ้อน ป.ป.ช.-ขัดหลักถ่วงดุล
คปก.ค้านตั้ง ‘ผู้ไต่สวนอิสระ’ ตรวจสอบผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ชี้อำนาจหน้าที่ซ้ำซ้อน ป.ป.ช.-ขัดหลักตรวจสอบถ่วงดุล เเนะให้สรรหากรรมการ ป.ป.ช.เป็นกลาง เหมาะสมเเทน
วันที่ 25 พฤษภาคม 2558 คณะกรรมการปฏิรูปกฎหมาย (คปก.) โดยศาสตราจารย์ ดร.คณิต ณ นคร ประธานกรรมการปฏิรูปกฎหมาย จัดทำความเห็นและข้อเสนอแนะ เรื่อง การแก้ไขเพิ่มเติมกฎหมายว่าด้วยการดำเนินคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง เสนอต่อนายกรัฐมนตรี ประธานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) และประธานสภาปฏิรูปแห่งชาติ (สปช.) เมื่อวันที่ 21 พฤษภาคม 2558 ที่ผ่านมา
โดย คปก.มีความเห็นว่า ไม่มีความจำเป็นที่จะต้องกำหนดให้มีผู้ไต่สวนอิสระเข้ามาทำหน้าที่ในการตรวจสอบและไต่สวนผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง เนื่องจากในปัจจุบันมีคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ทำหน้าที่ตรวจสอบและไต่สวนผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองทุกระดับอยู่แล้ว หากมีการตั้งองค์กรใหม่ขึ้นมาจะทำให้การตั้งผู้ไต่สวนอิสระมีอำนาจหน้าที่ที่ซ้ำซ้อนกับคณะกรรมการ ป.ป.ช.
นอกจากนี้ จากบทบัญญัติของร่างรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยฉบับคณะกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญ มาตรา 257 ที่กำหนดให้มีผู้ไต่สวนอิสระนั้น คปก.มีความเห็นว่า แม้เจตนารมณ์ของกฎหมายดังกล่าวจะเป็นไปเพื่อการเพิ่มกลไกการตรวจสอบถ่วงดุลการใช้อำนาจของคณะกรรมการ ป.ป.ช. ในการตรวจสอบผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองระดับสูง เช่น นายกรัฐมนตรี รัฐมนตรี ประธานสภาผู้แทนราษฎรและประธานวุฒิสภา
การที่ร่างรัฐธรรมนูญบัญญัติให้ที่มาของผู้ไต่สวนอิสระมาจากการแต่งตั้งของที่ประชุมใหญ่ของศาลฎีกา หากผู้ไต่สวนอิสระดำเนินการไต่สวนและยื่นฟ้องเป็นคดีต่อศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองแล้ว ศาลฎีกาจะเป็นผู้พิจารณาตัดสินคดีนั้นเอง ซึ่งหากเป็นกรณีที่ผู้มีอำนาจแต่งตั้งผู้ไต่สวนคดีเป็นผู้พิจารณาคดีนั้นเสียเอง ย่อมเป็นการขัดกับหลักการตรวจสอบถ่วงดุล กล่าวคือ องค์กรศาลฎีกาจะเป็นผู้ใช้ทั้งอำนาจบริหารและอำนาจตุลาการในคราวเดียวกัน
คปก.จึงมีความเห็นว่า หากมีการปรับปรุงกระบวนการสรรหากรรมการ ป.ป.ช.เพื่อให้ได้บุคคลที่เหมาะสมและปฏิบัติหน้าที่อย่างเป็นกลางและเป็นอิสระแล้วก็ไม่มีความจำเป็นต้องมีผู้ไต่สวนอิสระอีก .
ภาพประกอบ:เว็บไซต์ wegointer