ไทยลงนามองค์กรสำรองข้าวฉุกเฉิน เพื่อความมั่นคงอาหารอาเซียน
ไทยเตรียมขนข้าว 1.5 หมื่นตันร่วมองค์กรสำรองข้าวฉุกเฉิน เพื่อความมั่นคงด้านอาหารในอาเซียน-ช่วยเหลือประเทศภัยพิบัติ- ลดความอดอยากคนจนในภูมิภาค
นายธีระ วงศ์สมุทร รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์(รมว.กษ.) เปิดเผยกับศูนย์ข่าวเพื่อชุมชน สำนักข่าวอิศราถึงความคืบหน้ากรณีที่ประเทศไทยเข้าร่วมลงนามในการจัดตั้งองค์กรสำรองข้าวฉุกเฉินว่า ในการประชุมรัฐมนตรีอาเซียนด้านการเกษตรและป่าไม้ครั้งที่ 33 และการประชุมรัฐมนตรีอาเซียนด้านการเกษตรและป่าไม้บวก 3 ครั้งที่ 11 ที่จะมีขึ้นระหว่างวันที่ 6-7ต.ค.ที่ผ่านมาที่ประเทศอินโดนีเซีย ซึ่งนอกจากจะมีการหารือความร่วมมือด้านการเกษตรระหว่างประเทศสมาชิกอาเซียนแล้วยังมีการลงนามการจัดตั้งองค์กรสำรองข้าวฉุกเฉินของอาเซียน+3 (APTERR) ซึ่งคณะรัฐมนตรีของไทยได้มีมติเห็นชอบการลงนามบันทึกดังกล่าว โดยมอบให้ รมว.กษ.หรือผู้แทนเป็นผู้ลงนาม
“องค์กรสำรองข้าวฉุกเฉินคือการสำรองข้าวในรูปของสัญญาทั้งหมดมีข้าวประมาณ 787,000 ตัน หมายความว่าเราสัญญาว่าเมื่อเข้าร่วมแล้ว จะนำข้าวให้องค์กรประมาณ 15,000 ตัน เพื่อเก็บไว้ใช้ เช่น ยามเกิดภัยพิบัติหรือเตรียม ขายในราคาถูกหรือในรูปสินเชื่อเพื่อนำเงินไปช่วยคนเดือดร้อน หรือบริจาคในรูปการสำรองข้าวฟรีเพื่อช่วยเหลือประชาชนยามเกิดภัยพิบัติ เช่น เมื่อครั้งเกิดภัยพิบัติที่ฟิลิปปินส์ ก็ได้มอบข้าวเข้าไปช่วยเหลือร่วมกับญี่ปุ่น” นายธีระ กล่าว
รมว.กษ. กล่าวอีกว่า การดำเนินการจัดตั้งองค์กรสำรองข้าวฉุกเฉิน ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับโครงการรับจำนำข้าวของรัฐบาล ซึ่งการลงนามดังกล่าวเคยถูกหยิบยกขึ้นมาหารือกันแล้วครั้งหนึ่งในการประชุมครั้งที่ 10 เมื่อวันที่ 24 ต.ค.53 ที่กรุงพนมเปญ ประเทศกัมพูชา แต่ยังไม่สามารถหาข้อตกลงร่วมกันได้ เนื่องจากประเทศสิงคโปร์ได้ขอแก้ไขความตกลงดังกล่าวในบางประเด็น และครั้งนี้เมื่อประเทศสมาชิกได้พิจารณาร่วมกันแก้ไขและได้ข้อยุติจึงให้มีการดำเนินการต่อ ซึ่งกระทรวงเกษตรฯจึงนำเสนอคณะรัฐมนตรีเพื่อพิจารณาอนุมัติลงนามความตกลงใหม่อีกครั้ง
ทั้งนี้องค์กรสำรองข้าวฉุกเฉิน เป็นความร่วมมือระดับภูมิภาคบนพื้นฐานมนุษยธรรม จัดตั้งขึ้นภายใต้ขอบเขตของอาเซียนบวกของสาธารณรัฐประชาชนจีน ญี่ปุ่น และสาธารณรัฐเกาหลีของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและป่าไม้ เพื่อความมั่นคงด้านอาหารในกรณีฉุกเฉินที่เกิดจากภัยพิบัติขนาดใหญ่ โดยใช้ระบบการช่วยเหลือซึ่งกันและกัน ผ่านการให้ความช่วยเหลือด้านอาหารและโครงการปรับปรุงภาวะโภชนาการของคนยากจน
ที่มาภาพ : http://www.rd1677.com/rd_chainat/top_chainat.php?id=66571