เปิดจำนำข้าววันแรก รมช.พาณิชย์พอใจ ด้านชาวนาลั่นไม่มีใครได้ถึง 15,000 แน่
“ภูมิ” ลงพื้นที่ตรวจจำนำข้าว ชาวนาแห่ขนข้าวเปลือกเข้าโรงสีรับได้เงินก้อน ชี้ “ความชื้น” เป็นตัวแปรกดราคาตกต่ำ เหตุสภาพอากาศแย่ แนะให้เกษตรกรอยู่ได้ต้องปรับลดค่าปุ๋ย-ปราบศรัตรูพืชลง
วันที่ 7 ตุลาคม นายภูมิ สาระผล รมช.กระทรวงพาณิชย์ และนายยรรยง พวงราช ปลัดกระทรวงพาณิชย์ ลงพื้นที่ตรวจการรับจำนำข้าววันแรกที่ หจก.โรงสีศรีพัฒนาพาณิชย์ อ.ไทรน้อย จังหวัดนนทบุรี โดยมีผู้ว่าราชการจังหวัดนนทบุรี ตัวแทนองค์การคลังสินค้า (อคส.) ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธกส.) กรมส่งเสริมการเกษตรอำเภอไทรน้อย และเกษตรกรในอำเภอไทรน้อยและพื้นที่ใกล้เคียงร่วมงาน
นายภูมิ กล่าวว่า ภายหลังที่ลงพื้นที่ตรวจสอบการเปิดรับจำนำข้าววันแรกที่โรงสีศรีพัฒนาพาณิชย์พบว่า พึงพอใจในการดำเนินการรับจำนำกว่าร้อยละ 90 เนื่องจากทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องให้ความร่วมมือเป็นอย่างดี ทำให้สามารถเชื่อมั่นได้ว่าโครงการรับจำนำข้าวในครั้งนี้จะสามารถดำเนินการไปได้ด้วยความเรียบร้อย
“ในการรับจำนำครั้งนี้มีการเตรียมความพร้อมขึ้นทะเบียนแจ้งปริมาณข้าวที่จะนำมาจำนำ จึงทำให้ภายหลังซุ่มตรวจความชื้น 6 จุดเสร็จแล้ว การออกใบประทวนข้าวใช้เวลารวดเร็วขึ้น โดยเสร็จภายในเวลาไม่เกิน 20 นาที ซึ่งเกษตรกรสามารถรอรับใบประทวนเพื่อไปยื่นขึ้นเงินที่ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) ที่จะดำเนินการภายในเวลาไม่เกิน 3 วัน เกษตรกรก็จะได้เงินจำนำ”
ผู้สื่อข่าวรายงานว่าสำหรับข้อกำหนดที่จะรับจำนำข้าวเปลือกเจ้า ความชื้นไม่เกิน 15% ที่ราคา 15,000 บาท และข้าวหอมมะลิราคา 20,000 บาทนั้น น.ส.บังอร ภิรมย์นิล เกษตรกรผู้นำข้าวมาจำนำเป็นรายแรกๆ ของวัน กล่าวว่า มั่นใจแต่แรกเลยว่าจะไม่มีเกษตรกรรายใดได้ถึงราคา 15,000 บาท เนื่องจากความชื้นของข้าวเปลือกจะเกินกำหนด 15% อย่างแน่นอน เพราะสภาพอากาศที่ชื้นมาก และฝนตกตลอดในช่วงนี้
“วันนี้นำข้าวเปลือกเจ้า 5% มาจำนำประมาณ 8 ตันกว่าๆ วัดระดับความชื้นได้ 19-20% ทำให้ต้องโดนหักลดน้ำหนักไปกว่า 67.5 กิโลกรัม คำนวณเหลือราคาตันละ 13,801 บาท จากราคาเต็มตันละ 14,800 ซึ่งรวมเป็นเงินทั้งสิ้น 119,792.68 บาท แต่เนื่องจากไม่ได้เช่านาจึงสามารถลดต้นทุนไปได้อีกระดับหนึ่ง”
ขณะที่นายชอบ ทองผิว อายุ 54 ปี เกษตรกรผู้ได้รับใบประทวนรายแรกของโรงสีศรีพัฒนาพาณิชย์ กล่าวว่า เป็นการดีที่มีการกลับมาใช้โครงการรับจำนำข้าวอีกครั้ง เพราะในเรื่องของรายได้นั้นก็ต้องขึ้นอยู่กับตัวเกษตรกรเองว่า จะสามารถทำข้าวได้มากหรือน้อย ซึ่งถ้าทำได้มาก็จะเป็นผล
ดีกับเกษตรกรเอง
“โครงการนี้เป็นผลดีต่อคนที่ทำนาน้อย เพราะถ้ามีการคิดแบบส่วนต่างคนที่ได้เปรียบจะเป็นคนที่มีนามาก ส่วนคนที่มีนาน้อยก็จะได้น้อย” นายชอบ กล่าว และว่า สำหรับวันนี้ ตนนำข้าวมาจำนำทั้งหมด 8 ตัน 20 ถัง และเมื่อนำไปวัดค่าความชื้นแล้ว มีความชื้นประมาณ 28% ซึ่งเมื่อเทียบกับตารางแล้วจะได้ตันละ 11,940 บาท ซึ่งคิดเป็นเงินทั้งหมดประมาณ 95,520 บาท”
ด้านนางมยุรี อินนุช อายุ 56 ปี เกษตรกรนาเช่าที่ปลูกข้าว 5% กล่าวว่าไม่รู้ว่าโครงการจะดำเนินไปได้แค่ไหน แต่ก็จะเข้าร่วมไปตลอด เพราะการเข้าจำนำข้าวทำให้ได้เงินก้อน และเพิ่มกำไรได้
จากเดิมระดับหนึ่ง แต่รายจ่ายที่เป็นต้นทุนการผลิตก็สูงตามขึ้นไปด้วย ทั้งค่าปุ๋ย และยาปราบศรัตรูพืช ทำให้ต้องทำอาชีพอื่นเสริมไปด้วย ทั้งนี้ หากรัฐบาลสามารถปรับเพิ่มขีดกำหนดความชื้นในระดับ 19-20% จะเป็นประโยชน์ต่อเกษตรกรมากขึ้น ยิ่งในภาวะน้ำท่วมและฝนฟ้าเช่นนี้ทำให้ราคาตกไปพอสมควรส่วน
ส่วนนายทรงวุฒิ ดวนใหญ่ อายุ 37 ปี เกษตรกรในเขตอำเภอไทรน้อย กล่าวว่า การรับจำนำข้าวเปลือกเป็นประโยชน์กับเกษตรกรตรงที่ทำให้ได้เงินก้อน และได้ในราคาตามคุณภาพและปริมาณที่สามารถกำหนดได้เอง แต่เนื่องจากราคาต้นทุนการผลิต เก็บเกี่ยว ค่าปุ๋ยและยาปราบศรัตรูพืชค่อนข้างสูง ทำให้เงินสุทธิที่ได้น้อยลง
“หากเป็นไปได้อยากเสนอให้ลดราคราปุ๋ย หรือยาปราบศรัตรูพืชลง จะเป็นประโยชน์กับเกษตรกรมากที่สุด หรือไม่อย่างนั้นก็ให้ราคาของต้นทุนเหล่านี้เท่ากับราคาข้าว แปรผันตรงไปด้วยกัน เชื่อว่าเกษตรกรน่าจะพออยู่ได้ อย่างไรก็ตามเข้าใจดีว่ารัฐบาลเข้าทำงานในช่วงที่เกิดวิกฤติธรรมชาติ และการผลัดเปลี่ยนรัฐบาลยังไม่นิ่ง หลังจากนี้ 1 เดือนเมื่อวิกฤติธรรมชาติดีขึ้น เกษตรกรน่าจะได้ประโยชน์จากโครงการรับจำนำมากกว่านี้”