องค์การอนามัยโลกเผย เบาะนิรภัยสำหรับเด็กลดการเสียชีวิตจากอุบัติเหตุได้ 70%
ผู้เชี่ยวชาญองค์การอนามัยโลกเผย เบาะที่นั่งนิรภัยสำหรับเด็กต้องนำมาใช้เพื่อป้องกันลูกหลานนั่งรถให้ปลอดภัย หลังพบอ้อมกอดพ่อแม่ปู่ย่าตายายป้องกันเด็กไม่ได้เวลาเกิดอุบัติเหตุชนรุนแรง

นพ.วิทยา ชาติบัญชาชัย ผู้อำนวยการศูนย์ความร่วมมือระหว่างองค์การอนามัยโลกและโรงพยาบาลขอนแก่น เผยอุบัติเหตุทางถนนเป็นสาเหตุการเสียชีวิตอันดับ 2 ของเด็กไทย รองจากการจมน้ำ ข้อมูลสำนักระบาดวิทยาโรงพยาบาลเครือข่ายเฝ้าระวังการบาดเจ็บ 33 แห่งพบ เด็กอายุน้อยกว่า 15 ปี บาดเจ็บรุนแรงในสถานะผู้โดยสารถึงปีละ 4,000 ราย เสียชีวิตเฉลี่ยปีละ 524 ราย ส่วนใหญ่เป็นอุบัติเหตุจากรถกระบะ รถยนต์ส่วนบุคคล เมื่อเกิดเหตุที่มีการชนอย่างแรงทำให้เด็กหลุดออกจากตัวรถ จากที่นั่งกระเด็นออกมานอกรถหรือเด็กหลุดจากการกอดของพ่อแม่ปู่ย่าตายายไปกระแทกกับส่วนต่างๆ ในรถ
ข้อมูลขององค์การอนามัยโลกมีรายงานว่า การใช้เบาะนิรภัยสำหรับเด็กสามารถลดการเสียชีวิตของเด็กได้ถึงร้อยละ 70 และได้ประเมินว่า ประเทศไทยมีการใช้เบาะนิรภัยสำหรับเด็กน้อยมาก ซ้ำยังไม่มีกฎหมายบังคับใช้ ให้คะแนนเป็นศูนย์ นายแพทย์วิทยา กล่าว
ด้วยเหตุดังกล่าว จึงเกิดเป็นความร่วมมือระหว่างองค์การอนามัยโลก ศูนย์ความร่วมมือระหว่างองค์การอนามัยโลกและโรงพยาบาลขอนแก่น จัดทำโครงการส่งเสริมการใช้เบาะนิรภัยเด็กในรถยนต์ พร้อมทำการศึกษาวิจัยพฤติกรรมการใช้เบาะที่นั่งฯ ทั้งจากผู้ปกครองและตัวเด็กเอง โดยเริ่มในพื้นที่นำร่องโรงพยาบาล 4 แห่ง จาก 4 ภูมิภาค ภาคเหนือ โรงพยาบาลลำปาง ภาคใต้ โรงพยาบาลตรัง ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ โรงพยาบาลขอนแก่น และภาคกลาง สถาบันสุขภาพเด็กแห่งชาติมหาราชินี กลุ่มเป้าหมาย ประกอบด้วย เด็กหลังคลอดที่ผู้ปกครองมาคลอดในโรงพยาบาลและเด็ที่มาคลินิกสุขภาพเด็กดีที่ใช้รถยนต์ส่วนบุคคล และรถกระบะ โรงพยาบาลละ 30 คน รวม 120 คน เริ่มตั้งแต่พฤษภาคม 2557 มีวัตถุประสงค์เพื่อสร้างความรับรู้ ความตระหนักในการใช้เบาะนิรภัยสำหรับผู้ปกครอง ศึกษาถึงปัจจัยสนับสนุนและประเมินประสิทธิผลของการใช้ โดยหวังให้เกิดองค์ความรู้ไปสู่การนำเสนอเชิงนโยบายให้เกิดกฎหมายการใช้เบาะนิรภัยของประเทศไทย
สำหรับผลการศึกษาจากโรงพยาบาลและผู้ปกครองที่เข้าร่วมโครงการพบว่า
-ผู้ปกครองส่วนใหญ่ใช้รถยนต์ส่วนบุคคล 96% ที่เหลือเป็นรถกระบะ 4%
-ผู้ปกครองส่วนใหญ่ 80% ใช้เบาะนิรภัยทุกครั้งที่มีการเดินทางไม่ว่าใกล้หรือไกล อีก 20%
ใช้บ้างเป็นบางครั้ง
-ผู้ปกครองถึง 90% เห็นว่า เบาะนิรภัยมีประโยชน์ เหมาะกับครองครัวเล็กๆ ที่ไม่มีพี่เลี้ยง
สามารถเดินทางไปไหนกับผู้ปกครองได้โดยลำพัง มั่นใจและอุ่นใจมีสมาธิในการขับขี่รถมากขึ้น
-ผู้ปกครองส่วนใหญ่ 80% เห็นว่า เป็นเรื่องจำเป็นที่ต้องมีเบาะนิรภัยในรถยนต์เพราะเมื่อเกิด
อุบัติเหตุลูกจะได้ไม่กระเด็นออกนอกรถ
-ผู้ปกครองส่วนใหญ่เห็นว่า ราคาเบาะนิรภัยค่อนข้างสูง ผู้ปกครองที่มีฐานะทางการเงินต่ำ ไม่สามารถจะซื้อได้
-สิ่งที่พบคือ ช่วงแรกของการใช้เบาะนิรภัยเด็กจะงอแง ร้องไห้เกร็งบ้าง ผู้ปกครองมีเทคนิคที่ทำให้บุตรหาย จากการต่อต้าน เช่น เตรียมเด็กก่อนเดินทางให้พร้อมเช่น ให้ดื่มนมให้อิ่ม ฝึกให้ลูกซ้อมการนั่งเบาะ ก่อนติดตั้งบนรถ เป็นต้น
โดยสรุปแล้วผู้ปกครองส่วนใหญ่ ได้ใช้ประโยชน์จากคู่มือการใช้เบาะนิรภัยเป็นแนวทางในการปฏิบัติ มีประโยชน์และสามารถแนะนำผู้อื่นได้ด้วย ร้อยละ 40 ของผู้ปกครองได้มีการแนะนำบอกต่อคนอื่นให้ใช้เบาะนิรภัย เช่น บอกกับเพื่อนและญาติๆ ในกลุ่มหลังคลอด มีการโพสต์ข้อดีของการใช้เนิรภัยผ่านทาง Social Media ต่างๆ ด้วย และยังเห็นว่า ประเทศไทยควรมีนโยบายออกกฎหมายให้ผู้ขับขี่รถยนต์ต้องใช้เบาะนิรภัยเด็กในรถยนต์เพื่อความปลอดภัยของเด็กเอง แต่ก่อนออกกฎหมายควรมีการประชาสัมพันธ์อย่างจริงจัง ต่อเนื่อง ทั้งนี้ในกลุ่มทดสอบมีผู้ปกครองที่ใช้เบาะนิรภัยที่ขับรถแล้วเบรกกระทันหัน จำนวน 4 คน และรู้สึกตกใจกลัวลูกจะได้รับอันตราย แต่ปรากฏว่า เด็กนอนหลับไม่รู้สึกเลย ผู้ปกครองทุกคนถ้ามีเด็กไปด้วยและนั่งเบาะนิรภัย จะทำให้ขับรถช้าลง มีความระมัดระวังในการขับขี่มากขึ้น
สำหรับอุปสรรคที่พบ ประกอบด้วย เด็กหลายคนโตเร็ว อายุไม่ถึง 1 ปีขาติดเบาะแบบหันไปทางด้านหลัง ทำให้เด็กอึดอัด งอแง ต้องปรับเป็นหันเบาะมาด้านหน้า ถ้าพ่อแม่ตัวสูงต้องแก้ปัญหาด้วยการซื้อรถใหม่ที่มีพื้นที่กว้างขึ้น หากนั่งรถไปกันหลายคน เบาะนิรภัยใหญ่เกินไปต้องเอาออก หลายครั้งที่ตายายคิดว่า การอุ้มเด็กดีกว่า ไม่เช่นนั้นเด็กอาจผวาหรือฝันร้าย
สำหรับข้อเสนอเชิงนโยบายที่ควรดำเนินการ มีดังนี้ คือ เบาะนิรภัยเด็กในรถยนต์ เป็นอุปกรณ์สำคัญที่จะต้องผลักดันให้เป็นกฎหมายสำหรับประเทศไทย เช่นเดียวกับ นานาอารยะประเทศ ในระยะแรก กระทรวงสาธารณสุขควรเป็นผู้รับผิดชอบในการประกาศเป็นกฎกระทรวงสาธารณสุข และนำเสนอให้ผลักดันให้เป็นกฎหมายเบาะนิรภัยเด็กในรถยนต์ กระทรวงสาธารณสุขควรเป็นหน่วยงานสำคัญในการสร้างความตระหนักแก่ประชาชนในการใช้เบาะนิรภัย โดยสอดแทรกให้หญิงตั้งครรภ์รที่มาฝากครรภ์ การจัดหาเบาะนิรภัยในรถยนต์สำหรับเด็ก จำหน่าย หรือเช่า หรือยืม ให้แก่แม่หลังคลอด และติดตามการใช้เบาะนิรภัยเด็กในรถยนต์ ใน well baby clinic ควรมีการประชาสัมพันธ์อย่างกว้างขวางเพื่อให้ประชาชนได้รับทราบ ถึงความสำคัญและความจำเป็นของการมีเบาะนิรภัยเด็กในรถยนต์ ผ่านสื่อต่างๆ รัฐบาลควรให้การสนับสนุนในเรื่องของราคาเบาะนิรภัยให้ถูกลงโดยปรับ ลดภาษีนำเข้าและสนับสนุนให้ผลิตได้เองในประเทศ บริษัทที่ผลิตรถยนต์ และขายรถยนต์ ควรแถม เบาะนิรภัยเด็ก ในรถยนต์ เป็นทางเลือกอีกอย่างหนึ่งสำหรับผู้ซื้อรถยนต์ โดยห้างร้านที่จำหน่ายควรให้ความรู้ในการติดตั้งและการใช้ให้กับประชาชนอย่างถูกต้อง
