นายกฯเสนอจัดประชุม 3 ชาติแก้โรฮีนจา รวบผู้ต้องสงสัยฆ่าเหยื่อค้ามนุษย์
มีความคืบหน้าหลายด้านเกี่ยวกับปัญหาการค้ามนุษย์ชาวโรฮีนจา ทั้งในระดับนโยบายและการคลี่คลายคดี
เริ่มจากระดับนโยบาย พลตรีสรรเสริญ แก้วกำเนิด รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ได้สั่งการให้มีการหารือ 3 ฝ่ายคือ ไทย เมียนมา และมาเลเซีย ในการแก้ไขปัญหาโรฮีนจา เพราะไทยเจอปัญหากลางทาง แต่การแก้ปัญหาต้องแก้ที่ต้นทางและปลายทางด้วย
ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ พลตำรวจเอก สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เป็นประธานการประชุมชี้แจงแผนการปฏิบัติแบบบูรณาการตามยุทธศาสตร์ป้องกันและปราบปรามการค้ามนุษย์ โดยมีนายตำรวจระดับสูงที่เกี่ยวข้องร่วมประชุมอย่างพร้อมเพรียง
สำหรับแนวทางที่ พลตำรวจเอกสมยศ แถลงยุทธศาสตร์ของตำรวจซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของวาระแห่งชาติเพื่อแก้ปัญหาการค้ามนุษย์ คือ มาตรการย้ายตำรวจที่มีส่วนสนับสนุน ละเลย และรับผลประโยชน์ มาช่วยราชการที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ จากนั้นจะมีการสืบสวนสอบสวน หากมีหลักฐานก็จะย้ายออกจากพื้นที่ และดำเนินคดีอาญา
จับผู้ต้องสงสัยฆ่าโรฮีนจา
ความคืบหน้าทางคดี พลตำรวจโทมนตรี โปตระนันทน์ ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 9 นำกำลังหน่วยคอมมานโดเข้าปิดล้อมบ้านแห่งหนึ่งในพื้นที่หมู่ 1 ตำบลเขาไม้แก้ว อำเภอสิเกา จังหวัดตรัง และสามารถจับกุม นายสุพจน์ มั่นซิ้ว อายุ 28 ปี ผู้ต้องสงสัยสังหารชาวโรฮีนจาได้สำเร็จ คาดว่านายสุพจน์จะเป็นจิ๊กซอว์ตัวสำคัญที่นำไปสู่การคลี่คลายคดีค้ามนุษย์โรฮีนจาจนสาวถึงตัวการใหญ่ได้
มีรายงานว่าที่ชั้นใต้ดินของบ้าน เจ้าหน้าที่พบที่นอน และระเบิดชนิดเคลย์โม 2 ลูก พร้อมจุดระเบิดทันที คาดว่าเพื่อทำร้ายเจ้าหน้าที่ขณะเข้าจับกุม
รวบนายกเล็กปาดังเบซาร์
วันเดียวกัน เจ้าหน้าที่ตำรวจได้นำกำลังเข้าจับกุม นายบรรจง หรือ "โกจง" ปองผล นายกเทศมนตรีเทศบาลเมืองปาดังเบซาร์ อำเภอสะเดา จังหวัดสงขลา ซึ่งตกเป็นผู้ต้องหาคดีค้ามนุษย์ชาวโรฮีนจา และทางการเชื่อว่าเป็นหัวขบวนใหญ่ของขบวนการ โดยได้คุมตัวไปสอบปากคำอย่างเคร่งเครียด
ขณะเดียวกัน ก็มีการควบคุมตัว ร้อยตำรวจโทมงคล สุโร ผู้บังคับหมวด ตำรวจตระเวนชายแดนที่ 4303 และ ดาบตำรวจ อัศณีย์รัญ นวลรอด ผู้บังคับหมู่งานป้องกันปราบปราม สถานีตำรวจภูธรปาดังเบซาร์ ด้วย
ด้าน นายประสิทธิ์ เหล็มเหล๊ะ รองนายกเทศมนตรี เทศบาลเมืองปาดังเบซาร์ ผู้ต้องหาอีกรายหนึ่งซึ่งเข้ามอบตัวอย่างเงียบๆ กับเจ้าหน้าที่ตำรวจก่อนหน้านี้ ล่าสุดเจ้าหน้าที่ตำรวจปาดังเบซาร์ได้นำตัวไปผัดฟ้องฝากขังที่ศาลจังหวัดนาทวีแล้ว
พบอีก 60 โรอีนจา-บังคลาเทศ
ส่วนที่ตำบลฉลุง อำเภอหาดใหญ่ จังหวัดสงขลา เจ้าหน้าที่กองร้อยตำรวจตระเวนชายแดนที่ 437 ได้สนธิกำลังกับฝ่ายปกครอง ปูพรมตรวจค้นเทือกเขาแก้ว เขตรอยต่อ 3 ตำบล พบชาวบังคลาเทศและโรฮีนจากลุ่มใหญ่จำนวน 54 คน เป็นผู้ชายทั้งหมด แต่มีทั้งผู้ใหญ่และเด็ก ขณะกำลังเดินลงจากเขาแก้ว ด้านตำบลท่าชะมวง อำเภอรัตภูมิ จังหวัดสงขลา โดยทั้งหมดอยู่ในสภาพอิดโรยและหิวโหย มีเสบียงเพียงปลาแห้ง เกลือ และหัวหอมเท่านั้น
นอกจากนี้ เจ้าหน้าที่ยังพบชาวบังคลาเทศกลุ่มย่อยอีก 6 คน บริเวณน้ำตกโตนปลิวซึ่งอยู่ไม่ห่างกันด้วย จากการสอบสวนในเบื้องต้นทราบว่า ทั้งหมดหนีกระจัดกระจายมาจากสถานที่พักพิงชั่วคราว หลังจากรวมกลุ่มเดินทางลงเรือจากเมียนมาขึ้นฝั่งที่จังหวัดสตูล และถูกนายหน้านำมาปล่อยลอยแพ และให้เดินข้ามเทือกเขาแก้ว มากว่า 10 วัน เพื่อข้ามไปยังประเทศมาเลเซีย คาดว่าขบวนการนายหน้ากลัวถูกจับกุม
สรุปคดีโรฮีนจาในรอบ 8 วัน
พลตำรวจตรีพุทธิชาต เอกฉันท์ รองผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 9 แถลงที่ศูนย์ปฏิบัติการตำรวจภูธรภาค 9 ส่วนหน้า อำเภอหาดใหญ่ จังหวัดสงขลา ถึงความคืบหน้าคดีเกี่ยวกับชาวโรฮีนจาและการพบศพชาวโรฮีนจาบนเทือกเขาแก้ว ตำบลปาดังเบซาร์ อำเภอสะเดา จังหวัดสงขลา และพื้นที่ใกล้เคียงว่า ตั้งแต่วันที่ 1 พฤษภาคมถึงปัจจุปัน เจ้าหน้าที่ตรวจพบสถานที่พักพิงจำนวน 4 แห่ง มีโรงเรือนทั้งหมด 51 หลัง
ส่วนเหยื่อของขบวนการค้ามนุษย์ทั้งหมดที่อยู่ในความดูแลของสำนักงานตำรวจแห่งชาติและพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จังหวัด มีจำนวน 55 คน แยกเป็นชาวโรฮีนจา 24 คน บังคลาเทศ 15 คน อยู่ระหว่างการคัดแยกอีกจำนวน 16 คน
สำหรับการขุดศพผู้เสียชีวิต จนถึงวันนี้ได้ขุดขึ้นมาเพื่อตรวจพิสูจน์แล้ว 33 ศพ ขณะที่เรื่องคดี ได้ดำเนินการออกหมายจับผู้ที่เกี่ยวข้องไปทั้งหมด 29 ราย แยกเป็น ครั้งแรกออกหมายจับ 8 ราย ครั้งที่ 2 ออกหมายจับ 10 ราย ครั้งล่าสุดออกหมายจับ 11 ราย โดยบางรายที่ถูกออกหมายจับได้เข้ามามอบตัว ซึ่งส่วนใหญ่ก็ให้ความร่วมมือกับเจ้าหน้าที่ตำรวจในการสอบสวนเป็นอย่างดี
อดีต ส.อบจ.สตูล ขึ้นศาลคดีค้ามนุษย์โรฮีนจา
ด้านการดำเนินคดีกับผู้เกี่ยวข้องในขบวนการค้ามนุษย์ชาวโรฮีนจา ปรากฏว่านอกจากทางตำรวจได้เสนอออกหมายจับผู้ต้องหารวม 18 รายแล้ว ยังมีการดำเนินคดีในชั้นศาลกับผู้เกี่ยวข้องอีกจำนวนหนึ่ง จากการติดตามจับกุมขบวนการค้ามนุษย์ก่อนการพบศพชาวโรฮีนจาจำนวนมากที่ตำบลปาดังเบซาร์ อำเภอสะเดา จังหวัดสงขลา
โดยคดีที่มีการพิจารณาในชั้นศาลล่าสุด คือ ศาลจังหวัดสงขลานัดสืบพยานจำเลยในคดีที่พนักงานอัยการจังหวัดสงขลา เป็นโจทก์ยื่นฟ้อง นายอนัส หะยีมะแซ อดีตสมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนจังหวัดสตูล เป็นจำเลยในข้อหาค้ามนุษย์ชาวโรฮีนจา ตามพระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการค้ามนุษย์ พ.ศ. 2551 และฐานเรียกค่าไถ่ หน่วงเหนี่ยวกักขัง
คดีนี้สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 10 มีนาคม 2557 เจ้าหน้าที่จากสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง 6 ได้นำกำลังเข้าช่วยเหลือชาวชาวโรฮีนจาที่สถานีขนส่งอำเภอหาดใหญ่ จังหวัดสงขลา เนื่องจากได้รับแจ้งเรื่องการส่งมอบตัวชายชาวโรฮีนจารายนี้ให้กับนายจ้างฝั่งประเทศเพื่อนบ้าน แลกกับเงินจำนวน 60,000 บาทที่ญาติของชายชาวโรฮีนจาจะนำมาเป็นค่าไถ่ตัว ทำให้เจ้าหน้าที่ตำรวจเข้าจับกุมตัวนายอนัส และฟ้องร้องดำเนินคดีในชั้นศาลดังกล่าว
ทั้งนี้ นายอนัส ให้การภาคเสธ คือยอมรับว่าวันที่ถูกจับกุม อยู่กับชายชาวโรฮีนจาที่สถานีขนส่งอำเภอหาดใหญ่จริง แต่เข้าใจว่าเป็นแรงงานพม่า และได้รับการประสานจากนักการเมืองท้องถิ่น รัฐปีนัง ประเทศมาเลเซีย ที่รู้จักกัน ให้ส่งแรงงานรายนี้ไปเยี่ยมมารดาซึ่งกำลังป่วยหนัก ไม่ได้เป็นเรื่องการค้ามนุษย์แต่อย่างใด
คดีนี้ ศาลนัดสืบพยานฝ่ายจำเลยนัดต่อไปในวันที่ 20 พฤษภาคม 2558
-----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
บรรยายภาพ :
1 ชาวโรฮีนจาและบังคลาเทศกลุ่มใหญ่ที่เพิ่งถูกพบตัวเพิ่มเติมในพื้นที่จังหวัดสงขลา
2 ตำรวจเข้าตรวจค้นบ้านของผู้ต้องสงสัยฆ่าชาวโรฮีนจาที่จังหวัดตรัง