แฉ 800 โรฮิงญาเคยถูกกักแคมป์ปาดังฯ สลดบางศพมีร่องรอยถูกทำร้าย
รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติลงพื้นที่เกิดเหตุพบศพชาวโรฮิงญาจำนวนมากที่ตำบลปาดังเบซาร์ อำเภอสะเดา จังหวัดสงขลา เบื้องต้นฟันธงโยงขบวนการค้ามนุษย์นครศรีธรรมราช
พลตำรวจเอกเอก อังสนานนท์ รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (รองผบ.ตร.) ลงพื้นที่เมื่อเช้าวันเสาร์ที่ 2 พฤษภาคม 2558 เพื่อประชุมหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทุกฝ่าย ที่สถานีตำรวจภูธรปาดังเบซาร์ พร้อมรับฟังผลสรุปการตรวจที่เกิดเหตุ รวมทั้งวางแนวทางสืบสวนสอบสวนคลี่คลายคดีพบศพและหลุมฝังศพชาวโรฮิงญากว่า 30 ศพ
วาง 3 แนวทางคลี่คลายคดี
ภายหลังการประชุม พลตำรวจเอกเอก กล่าวว่า ขณะนี้ได้มีการขุดหลุมฝังศพไปแล้ว 8 หลุม พบศพ 4 ศพ และได้ส่งไปตรวจพิสูจน์ทราบว่าเป็นใคร รวมทั้งสาเหตุการตาย ส่วนแนวทางการคลี่คลายคดี ได้วางไว้ 3 แนวทาง คือ
1.จะต้องเร่งรัดคดีที่ จ.นครศรีธรรมราช ที่มีการแจ้งความลักพาตัวชาวโรฮิงญาไปเรียกค่าไถ่ ซึ่งมีการออกหมายจับแล้ว 4 คน
2.ตรวจโครงกระดูกที่พบบริเวณสุสานฝังศพบนเทือกเขาแก้ว ตำบลปาดังเบซาร์ ว่าเป็นใคร และสาเหตุการตายคืออะไร เกี่ยวข้องกับใครบ้าง เพื่อนำตัวมาดำเนินคดี
และ 3.สอบสวนชาวโรฮิงญาที่นอนป่วยอยู่ในแคมป์ เพื่อพิสูจน์ว่าพื้นที่ดังกล่าวมีใครเข้ามาเกี่ยวข้องและเป็นการกระทำผิดตามกฏหมายอย่างไร นอกจากนั้นจะต้องมีการพิสูจน์ทราบพื้นที่บนเทือกเขาแก้ว ซึ่งเป็นรอยต่อชายแดนไทย-มาเลเซียว่า ยังมีชาวโรฮิงญาหลงเหลืออยู่อีกหรือไม่ เพื่อให้การช่วยเหลือ
สอบโยงนครศรีฯ-สตูล
"ขณะนี้มีการรวบรวมข้อมูลจากทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ซึ่งก็ได้ข้อมูลบางส่วนแล้ว และการพบแคมป์กับสุสานชาวโรฮิงญาในพื้นที่ปาดังเบซาร์นั้น กรอบการสอบสวนจะเชื่อมโยงกัน ทั้งคดีเรียกค่าไถ่ที่อำเภอหัวไทร จังหวัดนครศรีธรรมราช คดีฆ่านายหน้าสองศพในพื้นที่จังหวัดสตูล และปาดังเบซาร์เมื่อปลายปีที่ผ่านมา สำหรับแนวทางหลังจากนี้หากพบว่าเป็นการค้ามนุษย์ ก็จะดำเนินคดีอย่างเด็ดขาด รวมทั้งการจัดการกับศพที่พบตามหลักฐานศาสนาอิสลาม และจะต้องช่วยเหลือชาวโรฮิงญาที่อาจหลงเหลืออยู่ในพื้นที่ด้วย" รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ระบุ
ด้าน พลตำรวจตรีพรชัย สุธีรคุณ ผู้บังคับการสถาบันนิติเวชวิทยาโรงพยาบาลตำรวจ กล่าวว่า ขั้นตอนหลังจากที่มีการขุดศพทั้งหมดขึ้นมา จะต้องตรวจหาสาเหตุการตาย และเก็บดีเอ็นเอเพื่อพิสูจน์ตัวบุคคลนำไปเปรียบเทียบกับบุคคลต้องสงสัย ซึ่งอาจจะต้องใช้เวลาอีกระยะหนึ่ง ขึ้นอยู่กับจำนวนศพที่พบ ขณะนี้ยังไม่สามารถชี้ชัดได้ถึงสาเหตุการตาย เนื่องจากสภาพศพแตกต่างกันในเรื่องของเวลา
แก๊งหัวไทรอุ้มโรฮิงญามีเอี่ยว
ส่วนความคืบหน้าการขุดหลุมศพในวันนี้ พลตำรวจเอกจรัมพร สุระมณี ที่ปรึกษาผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ พร้อมทีมแพทย์และหน่วยกู้ภัยได้ขึ้นไปขุดหลุมศพที่เหลืออยู่ทั้งหมด หลังจากที่ขุดไปแล้ว 8 หลุม และพบเพียง 4 ศพในวันแรก
พลตำรวจเอกจรัมพร กล่าวว่า เจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนรายงานว่า ขณะนี้พอทราบตัวกลุ่มนายหน้าและผู้นำพาชาวโรฮิงญาเหล่านี้มาพักในแคมป์แล้ว ซึ่งมีอยู่ 3-4 คน แต่ยังขาดพยานหลักฐานที่จะเชื่อมโยงไปถึง เจ้าหน้าที่กำลังเร่งสอบสวนผู้ที่เกี่ยวข้องเพื่อนำไปสู่การออกหมายจับ และเป็นกลุ่มเดียวกันกับที่มีการจับกุมชาวโรฮิงญาในพื้นที่อำเภอหัวไทร จังหวัดนครศรีธรรมราช ไปเรียกค่าไถ่
สำหรับการพบแคมป์และหลุมฝังศพชาวโรฮิงญาบนยอดเขาแก้วนั้น สืบเนื่องจากญาติของชาวโรฮิงญาได้ไปแจ้งความกับตำรวจภูธรภาค 9 ว่ามีญาติจำนวน 2 คนถูกนำตัวไปกักขังที่บริเวณดังกล่าว ชื่อ นายรอฟิต กับ นายคาซิน โดยญาติได้ส่งเงินให้กับขบวนการเพื่อไถ่ตัว แต่ปรากฏว่านายคาซินถูกฆ่าตาย ส่วนนายรอฟิตหนีไปได้ ญาติจึงได้เข้ามาแจ้งความให้ตำรวจเข้าตรวจสอบ กระทั่งมีการขยายผลตรวจพบแคมป์กักกันและสุสานบนยอดเขาแก้ว
พลตำรวจเอกจรัมพร กล่าวเพิ่มเติมว่า ได้เก็บรวบรวมพยานหลักฐานในที่เกิดเหตุ ทั้งลายนิ้วมือและดีเอ็นเอ เพื่อโยงผู้กระทำผิดค้ามนุษย์ทั้งระบบ ขณะที่เรื่องการพิสูจน์เอกลักษณ์บุคคล หรือ ดีวีไอ เป็นเรื่องสำคัญ ต้องทำให้ได้มาตรฐานสากล โดยเฉพาะกรณีนี้ถูกจับตามองว่าเป็นเหยื่อค้ามนุษย์หรือไม่ จึงต้องมีรายละเอียดเกี่ยวกับศพที่ชัดเจน ได้มาตรฐาน (พิงค์ฟอร์ม) เหมือนกรณีสึนามิที่เก็บหลักฐานไว้กว่า 10 ปีก็ยังมีญาติมาขอรับศพ ซึ่งก็สามารถตรวจสอบได้เพราะข้อมูลครบ
2 วันพบแล้ว 26 ศพ
สำหรับผลการขุดหาศพชาวโรฮิงญาเพิ่มเติมเป็นวันที่ 2 พบศพเพิ่มอีก 21ศพ เป็นเพศชาย 19 ศพ และเพศหญิง 2 ศพ ซึ่งศพส่วนใหญ่อยู่ในสภาพหนังหุ้มกระดูก และเริ่มเน่าเปื่อย คาดว่าเสียชีวิตมาแล้วอย่างน้อย1-2 เดือน เบื้องต้นทางทีมแพทย์นิติเวชได้ทำการชันสูตรและตรวจเอกลักษณ์บุคคล พร้อมทำสัญลักษณ์แต่ละศพเอาไว้ รวมกับศพที่ขุดพบเมื่อวาน 4 ศพและที่ยังไม่ได้ฝังอีก 1 ศพ เป็น 26 ศพ
แฉ800โรฮิงญาถูกกักในแคมป์
วันเดียวกันนี้ พลตำรวจตรีพุทธิชาติ เอกฉันท์ รองผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 9 ได้ควบคุมตัววัยรุ่น 2 คน เป็นชาวบังคลาเทศและโรฮิงญา อายุ 14 ปีกับ 17 ปี ซึ่งหลบหนีอยู่ในพื้นที่สวนยางพาราใกล้เคียงกับแคมป์ที่พักบนเทือกเขาแก้ว มาสอบปากคำ เบื้องต้นทั้งสองสารภาพผ่านล่ามว่า ถูกส่งตัวมาพักอาศัยอยู่ที่แคมป์พักพิงเขาแก้วเป็นระยะเวลากว่า 8 เดือน พร้อมให้ข้อมูลว่าบนแคมป์ดังกล่าวเคยมีชาวโรฮิงญาถูกส่งตัวไปพักพิงกว่า 800 คน และได้กระจัดกระจายหลบหนีไปก่อนหน้าที่เจ้าหน้าที่จะขึ้นไปตรวจสอบ
ทั้งนี้ ตำรวจได้ส่งตัวทั้ง 2 คนไปตรวจสุขภาพที่โรงพยาบาล เนื่องจากมีสภาพร่างกายอิดโรย จากนั้นจะส่งตัวให้เจ้าหน้าที่พัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ดูแลต่อไป
-----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
บรรยายภาพ : บรรยากาศขุดศพโรฮิงญาและตรวจสอบแคมป์พักบนเขาแก้ว ตำบลปาดังเบซาร์ อำเภอสะเดา จังหวัดสงขลา เป็นวันที่ 2