ชาวบ้านให้ข้อมูลแคมป์โรฮิงญาโยงนายหน้าค้ามนุษย์
กรณีพบหลุมฝังศพและศพชาวโรฮิงญาไม่ต่ำกว่า 30 ศพ ในป่าบนภูเขาตำบลปาดังเบซาร์ อำเภอสะเดา จังหวัดสงขลา รอยต่อไทย-มาเลเซีย เมื่อวันศุกร์ที่ 1 พฤษภาคมที่ผ่านมานั้น ไม่ใช่เรื่องเล็กๆ ที่รัฐบาลจะส่งเพียงนายตำรวจระดับรองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติลงพื้นที่รับฟังบรรยายสรุปแค่ไม่กี่ชั่วโมงแล้วบินกลับกรุงเทพฯ
เพราะประเทศไทยกำลังถูกรุมกระหน่ำจากชาติตะวันตกเกี่ยวกับปัญหาค้ามนุษย์และแรงงานผิดกฎหมาย จนโดนใบเหลือง ใบแดง กระทบกับภาวะเศรษฐกิจและภาคการผลิตอย่างรุนแรง
เรื่องนี้จึงเป็น “วาระแห่งชาติ” ที่รัฐบาล คสช.ต้องฉวยโอกาสสะสางเป็นการด่วน
ชัดเจนว่าวันนี้ตำรวจและหน่วยงานด้านความมั่นคงบางหน่วย กำลังลดโทนข่าวสารลง จากโรฮิงญาเหยื่อค้ามนุษย์ เป็นโรฮิงญาผู้ลักลอบเข้าเมืองผิดกฎหมาย ลักลอบหลบซ่อนตัวในฝั่งไทยเพื่อรอจังหวะข้ามไปหางานทำยังประเทศเพื่อนบ้าน แล้วเกิดอดอยาก หิวโหย จนเสียชีวิต
ไม่มีขบวนการนำพา ไม่มีขบวนการละเมิดสิทธิมนุษยชน บังคับให้เป็นแรงงานทาส และไม่มีเจ้าหน้าที่รัฐเข้าไปเกี่ยวข้อง
แต่ความจริงที่เห็นจากในพื้นที่เกิดเหตุสวนทางอย่างสิ้นเชิง! กล่าวคือ
1.ข้อมูลจากรายงานบันทึกเหตุการณ์ของตำรวจ สภ.ปาดังเบซาร์ เอง ระบุว่าแคมป์ที่พักซึ่งพบศพชาวโรฮิงญา ตั้งอยู่บนพื้นที่กว่า 2 ไร่ มีเพิงพักมากถึง 39 หลัง แบ่งเป็นโรงนอน 26 หลัง ที่เหลือเป็นสุขาและโรงครัว
2.ข้อมูลจากการสอบปากคำชายวัย 28 ปี สัญชาติบังคลาเทศ ที่รอดชีวิตและนอนป่วยอยู่ในแคมป์ที่พัก ทราบว่าแคมป์แห่งนี้มีชาวโรฮิงญาอาศัยอยู่ถึงกว่า 100 คน แต่ผู้ควบคุมได้พาหลบหนีไปก่อนแล้ว
3.ตลอดเส้นทางในป่าเขามุ่งสู่แคมป์ที่พัก พบขนำ (กระท่อม) ถูกสร้างอยู่รายทาง คาดว่าเป็นที่พักของผู้ควบคุม
4.ข้อสังเกตของบุคคลที่ไม่ใข่ เจ้าหน้าที่ ระบุว่า เป็นไปได้อย่างไรที่มีการสร้างแคมป์ใหญ่ขนาดนี้ กักขังชาวโรฮิงญาไว้เป็นร้อยคน แต่ไม่มีเจ้าหน้าที่รัฐรับรู้เรื่องราว
5.ข้อมูลจากคนในพื้นที่ซึ่งไม่ใช่เจ้าหน้าที่ ระบุว่า เรื่องนี้แดงขึ้นมาเพราะมีชาวโรฮิงญาหลบหนีออกจากแคมป์ที่พักในสภาพเหมือนถูกทำร้าย และเข้ารักษาตัวที่โรงพยาบาลปาดังเบซาร์ ต่อมาได้เข้าแจ้งความว่ามีแคมป์กักขังชาวโรฮิงญาในพื้นที่ดังกล่าว เรียกว่า ควนหมาถด ป่าเทือกเขาแก้ว หมู่ 8 บ้านตะโละ ตำบลปาดังเบซาร์
ชาวบ้านปาดังแบซาร์รายหนึ่ง อายุประมาณ 40 ปี ให้ข้อมูลกับ “ทีมข่าวอิศรา” ว่า ชาวบ้านแถบนี้รู้มาตลอดว่าจุดเกิดเหตุพบศพชาวโรฮิงญา เป็นแคมป์พักของชาวโรฮิงญาที่กลุ่มนายหน้าค้าแรงงานเถื่อนไปรับ มาแล้วจะให้พักบริเวณนี้ ก่อนจะพาเขาไปพักที่มาเลเซียอีกจุดหนึ่ง เพื่อรอคนในเครือข่ายมารับช่วงต่อไป
“ที่นั่นเป็นพื้นที่ปิดสำหรับชาวบ้านอย่างพวกเรา ไม่ว่าใครที่ไม่ใช่พวกเดียวกันก็เข้าไปไม่ได้ ก่อนหน้านี้ไม่กี่วันได้ยินอยู่ว่าช่วงนี้โรงฮิงญาที่มาพักบริเวณแคมป์ เสียชีวิตทุกวัน วันหนึ่งหลายคน บางคนเสียชีวิตจากความแออัดที่นั่งมากับรถที่ขนมา แต่ก็ไม่สามารถเข้าไปดูได้ว่าเยอะขนาดไหน พอมารู้ข่าววันนี้รู้สึกตกใจ ไม่คิดว่าจะตายกันเยอะขนาดนี้” ชาวบ้านปาดังเบซาร์ กล่าว
และว่า “คนที่เคยเข้าไปเล่าให้ฟังว่า ที่นั่นอยู่ห่างไกลจากบ้านคน พวกเขาอยู่อย่างยากลำบาก ถูกนายหน้าเอาเปรียบ บางครั้งอาหารที่เอามาให้ก็ไม่พอ เคยมีคนตายเพราะอดอาหาร ตายเพราะเจ็บป่วย เท่าที่รู้นายหน้าที่รอรับชาวโรฮิงญาที่ปาดังเบซาร์ จะได้ค่าหัวคนละ 50,000 บาท ถือว่าเยอะอยู่ แต่ก็ควรที่จะดูแลให้ดีกว่านี้”
ทั้งหมดนี้คือข้อมูลและข้อเท็จจริงที่ทางการคงมิอาจปฏิเสธได้อีกต่อไปว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเกี่ยวพันกับขบวนการค้ามนุษย์ และเป็นไปไม่ได้ที่จะมีแคมป์ขนาดใหญ่กักขังผู้คนโดยที่เจ้าหน้าที่บ้านเมืองไม่รู้เรื่อง
ได้เวลาต้องจัดการอย่างเร่งด่วน!
------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
บรรยายภาพ : แคมป์พักชาวโรฮิงญา
ขอบคุณ : ภาพจากมูลนิธิมิตรภาพสามัคคี ท่งเซี่ยเซียงตึ่ง และทีมกู้ชีพไม้ขม อำเภอสะเดา