“ทฤษฎีขนมถ้วยฟู”รอบใหม่? มาตรการเด็ดขาดครอบ“สื่อการเมือง”
“…นี่คือยุค "ดิจิตอล" ที่ข้อมูลข่าวสารหลั่งไหลกันไวมาก โดยเฉพาะในโซเชียลเน็ตเวิร์ค ที่สื่อแทบทุกสำนักต่างมี "แฟนเพจ" เป็นของตัวเอง ดังนั้นจึงเป็นสิ่งที่ "รัฐบาล" ควรกลับไปคิดว่า จะปิดกั้นช่องทางการสื่อสารทั้งหมดได้อย่างไร หรือมากน้อยแค่ไหน…”
อนาคตของ “PEACE TV (พีซ ทีวี)” ยังคงมืดมน
แต่สิ่งที่มืดสนิทไปแล้วก็คือ “หน้าจอ” ช่องพีซ ทีวี ที่ถูกระงับการเผยแพร่ตั้งแต่ช่วง 20.30 น. เมื่อวันที่ 30 เมษายน ที่ผ่านมา
ภายหลังคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง และกิจการโทรทัศน์ (กสท.) ของ กสทช. มีมติสั่งปิดสถานีโทรทัศน์ “พีซ ทีวี” เนื่องจากเผยแพร่เนื้อหารายการที่ขัดกับ “ข้อตกลง” ของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.)
ระแวงว่าจะมีการปลุกปั่นระดม “มวลชน” ให้ต่อต้าน “รัฐบาลทหาร” ขึ้นมาอีก ?
ท่ามกลางข้อครหาของบรรดา “แกนนำ นปช.” (กลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ) ที่ออกโรงค้านหัวชนฝา พร้อมตั้งข้อสังเกตว่า เรื่องนี้มี “เบื้องลึกเบื้องหลัง” อย่างแน่นอน
“ทำแบบนี้ไม่ดีต่อสถานการณ์นี้ ไม่เป็นผลดีต่อประเทศ ไม่เป็นผลดีต่อการปรองดอง การปฏิรูป การเขียนรัฐธรรมนูญ และไม่เป็นผลดีต่อ คสช.”
เป็นคำยืนยันจากปากของ “ธิดา ถาวรเศรษฐ” อดีตประธาน นปช. ต่อสำนักข่าวอิศรา www.isranews.org ถึงกรณีนี้
ล่าสุด เหล่าทีมงานช่องพีซ ทีวี ได้ไปยื่นหนังสือขอความเป็นธรรมต่อรัฐบาลแล้ว เมื่อช่วงเย็นวันที่ 30 เมษายน ที่ผ่านมา และหากไม่ได้รับความเป็นธรรมก็เตรียมจะยื่น “ถวายฎีกา” ต่อไป
อย่างไรก็ดี ไม่ใช่มีแค่ “พีซ ทีวี” ช่องเดียวเท่านั้นที่โดนร้องเรียนเรื่องเนื้อหา
“สุภิญญา กลางณรงค์” หนึ่งเดียวใน กสท. ที่ค้านมติ “จอดำ” ของช่องพีซ ทีวี ได้โพสต์ข้อความผ่านทวิตเตอร์ส่วนตัวว่า ขณะนี้มีการร้องเรียนสถานีโทรทัศน์ “ฟ้าวันใหม่” หรือ “บลูสกาย” เดิมอีกด้วย ซึ่งจ่อคิวรอเข้าที่ประชุม กสท. ลงมติในเร็ว ๆ นี้
และยืนยันว่าจะใช้ “หลักการเดิม” ตามที่เคยมีมติกับ “พีซ ทีวี” เช่นกัน
ร้อนถึง “เถกิง สมทรัพย์” ผู้บริหารสถานีโทรทัศน์ฟ้าวันใหม่ ต้องออกมาตั้งข้อสังเกต 4 ประการ ถึงการทำงานของ กสทช. ต่อกรณี “ปิดสื่อ” เหล่านี้
ไม่ว่าจะเป็นเรื่องคุณสมบัติของ กสทช. ที่เลือกอย่างไรจึงจะมั่นใจได้ว่าเหมาะสมและเป็นธรรม มีกระบวนการพิจารณาเพื่อเสนอบทลงโทษหละหลวม คนที่โดนกล่าวหาแทบจะไม่มีทางแก้ต่างอย่างเป็นระบบ บรรยากาศของการใช้อำนาจฝ่ายเดียวปกคลุมไปหมด และกระบวนการไต่สวน สืบสวน สอบสวน ควรประณีตกว่านี้หรือไม่
หากพิจารณาอย่างรอบด้าน จะเห็นได้ว่า ในช่วงหลังมานี้ รัฐบาล เริ่มใช้ “กฎหมาย” ดำเนินการกับ “ช่องการเมือง” หรือรายการที่นำเสนอเนื้อหา “คนละด้าน” กับภาครัฐมากขึ้น
จากที่ก่อนหน้านี้ เคยใช้วิธี “ชนโดยตรง” กับสื่อ!
ไม่ว่าจะเป็นกรณี “ณาตยา แวววีรคุปต์” พิธีกรรายการ “เสียงประชาชนที่ต้องฟังก่อนปฏิรูป” ออกอากาศช่องไทยพีบีเอส ที่ทหารต้องเข้าไป “พูดคุย” เพื่อขอให้ถอดเทปตอนหนึ่งออก เนื่องจาก “ไม่พอใจ” คำถามของ “ณาตยา” จนเกิดปรากฏการณ์นักข่าวภาคสนามถ่ายภาพ “ปิดหู ปิดตา ปิดปาก” เรียกร้อง “สิทธิเสรีภาพสื่อ” กันคึกโครม
หรือแม้แต่ “สำนักข่าวอิศรา” เอง ก็เคยได้รับจดหมายจากบริษัท CSLoxinfo อ้างว่า คสช. สั่งให้ “บล็อก” ข่าวที่นำเสนอเกี่ยวกับบัญชีทรัพย์สินของ “พล.อ.ปรีชา จันทร์โอชา” น้องชาย “พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา” นายกรัฐมนตรี และหัวหน้า คสช. มาแล้ว โดยระบุว่า มีเนื้อหายั่วยุ และปลุกระดม
(อ่านประกอบ : " ซีเอสล็อกซอินโฟ"อ้างคสช.สั่งให้"อิศรา" บล็อกข่าวน้องชายประยุทธ์ )
อย่างไรก็ดีเมื่อเห็นว่าวิธีการดังกล่าวไม่ได้ผล จึงเริ่มใช้มาตรการทาง “กฎหมาย” แทน ซึ่งได้ผลดีเสียด้วย หากใครจำกันได้ ก่อนหน้านี้ คณะอนุกรรมการด้านเนื้อหาของ กสทช. เคยให้สถานีโทรทัศน์ดาวเทียมด้านการเมือง ไม่ว่าจะเป็น พีซ ทีวี ฟ้าวันใหม่ ทีวี 24 หรือช่องนิวส์ 1 (เอเอสทีวีผู้จัดการ เดิม) เข้าชี้แจงเนื้อหารายการ
โดยตักเตือนว่าห้ามใช้ “อัตลักษณ์” ให้เกิดการแบ่งฝักแบ่งฝ่ายขึ้นอีก !
จนกระทั่งนำไปสู่การตักเตือนสั่งพักใบอนุญาตชั่วคราว “พีซ ทีวี” 7 วัน ในช่วงสงกรานต์ที่ผ่านมา ก่อนที่ล่าสุดจะมีมติ “จอดำถาวร” ดังกล่าว
พลันนึกถึง “ทฤษฎีขนมถ้วยฟู” ของ “ปณิธาน วัฒนายากร” ที่ปรึกษา รมว.กลาโหม ที่เคยพูดในช่วง “ม็อบเสื้อแดง” ปี 2553 ที่ตั้งจุดตรวจป้องกันไม่ให้ “มวลชน” ทะลักเข้ามาร่วมม็อบที่ กทม. ได้อีก ซึ่งเชื่อว่าหาก “ขนมถ้วยฟู” ไม่โตไปกว่านี้ ก็จะฝ่อไปเอง
แต่ก็อย่างที่เห็นกันหลังจากนั้น “คนเสื้อแดง” ก็ยังมีอยู่ในสังคม และขยายเครือข่ายมากขึ้นผ่าน “โซเชียลเน็ตเวิร์ค” ส่งผลสะเทือนให้ปี 2554 พรรคเพื่อไทยได้กลับมาจัดตั้งรัฐบาลอีกครั้ง
เทียบกับสถานการณ์สื่อในปัจจุบันก็คล้ายกันอย่างมาก เห็นได้จากการใช้ข้อกฎหมายมา “ครอบ” รายการที่วิพากษ์วิจารณ์รัฐบาล เพื่อสกัดไม่ให้ “ประชาชน” เห็นต่างจากภาครัฐ ตามนโยบาย “คืนความสุขให้คนในชาติ”
อย่างไรก็ดีนี่คือยุค "ดิจิตอล" ที่ข้อมูลข่าวสารหลั่งไหลกันไวมาก โดยเฉพาะในโซเชียลเน็ตเวิร์ค ที่สื่อแทบทุกสำนักต่างมี "แฟนเพจ" เป็นของตัวเอง ดังนั้นจึงเป็นสิ่งที่ "รัฐบาล" ควรกลับไปคิดว่า จะปิดกั้นช่องทางการสื่อสารทั้งหมดได้อย่างไร หรือมากน้อยแค่ไหน
และได้โปรดอย่าลืมว่า “เสรีภาพสื่อ คือเสรีภาพประชาชน”
อ่านประกอบ :
“พีซทีวี”ถูกระงับแพร่ออกอากาศแล้ว! ชวนติดตามผ่านแฟนเพจFBแทน
"PEACE TV" ฮึดสู้! ร่อนหนังสือขอความเป็นธรรม กสทช. หลังถูกสั่งปิด
“เราประเมินเขาสูงไป”สารพัดมุมมอง“ธิดา”กับปรากฏการณ์ปิด“พีซทีวี”
กสท.ลงดาบ! ปิด“พีซทีวี”หลังละเมิดข้อตกลง-ออกอากาศยั่วยุสร้างขัดแย้ง
ย้อนที่มา"PEACE TV" ก่อนถูกสั่งเพิกถอนใบอนุญาต-กสท.อ้างทำผิดซ้ำซาก!