ทนายยูฟันฯพร้อมสู้คดีกังขาหมายจับตร.
ปธ.บริหารยูฟัน เรียกร้องสมาชิกอย่าตื่นตระหนกกับกระแสข่าว ขอเวลาแก้ไขปัญหา และขอให้เชื่อมั่นในองค์กรต่อไปด้านทนายความพร้อมต่อสู้คดี แต่กังขาหมายจับของตร.ทำตามขั้นตอนของกฎหมายหรือไม่
วันนี้(23เม.ย.58)นายเจษฎา จันทร์ดี ทนายความในฐานะตัวแทนจากบริษัท ยูฟันสโตร์ จำกัด กล่าวชี้แจงที่โรงแรมเมเปิ้ล ถนนบางนาตราด กรณีได้รับมอบหมายจาก ดาโต๊ะ แดเนียล เต ประธานบริหารบริษัทยูฟันกรุ๊ป ประเทศมาเลเซีย ให้ดูแลเรื่องกฎหมายว่า ทีมกฎหมายของตนจะเข้ามาในฐานะตัวแทนในการตรวจสอบข้อเท็จจริงทั้งหมด และดำเนินการตรวจสอบการออกหมายจับของตำรวจว่าเป็นไปตามขั้นตอนของกฎหมายหรือไม่
นอกจากนี้ทีมทนายความ ยังระบุว่า นายดาโต๊ะ แดเนียล เต ประธานบริหารบริษัทยูฟันกรุ๊ป ผู้ต้องหาตามหมายจับของทางการไทยในคดีแชร์ลูกโซ่ พร้อมที่จะสู้คดีให้ถึงที่สุด และเตรียมตรวจสอบข้อมูลที่ถูกกล่าวหาทั้งหมด ก่อนดำเนินการตามขั้นตอน
ขณะที่ ดาโต๊ะแดเนียล เต ได้เรียกร้องให้สมาชิกยูฟันไม่ต้องตื่นตระหนก โดยเฉพาะสมาชิกในประเทศไทย พร้อมอ้างว่าสถานการณ์ขณะนี้ยังไม่เหมาะสมที่จะแถลงข่าว ขอให้สมาชิกอย่าเชื่อในข่าวลือที่เผยแพร่ในขณะนี้ ให้เวลาองค์กรเพื่อแก้ปัญหา และขอให้เชื่อมั่นในองค์กรต่อไป
นอกจากนี้ นายไพรัตน์ จันทร์ชัยแก้ว ที่ปรึกษาโครงการบางกอก มารีน่า ของบริษัทบีน่าพูลี่ไทยแลนด์ จำกัด นำเอกสารหลักฐานเกี่ยวกับการทำธุรกิจของบริษัท ยื่นต่อพล.ต.ท.สุวิระ ทรงเมตตา ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผช.ผบ.ตร.)และพ.ต.อ.อังกูร คล้ายคลึง รองผู้บังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับการคุ้มครองผู้บริโภค (ปคบ. )เพื่อแสดงความบริสุทธิ์ใจว่าไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับคดีบริษัทยูฟัน สโตร์ จำกัด แต่อย่างใด
นายไพรัตน์ เปิดเผยว่า ในช่วงกลางปี 2557 บริษัทในเครือบริษัท บีน่าพูลี่ จัดทำโครงการบางกอก มารีนา ก่อสร้างรีสอร์ท แอนด์ สปา ที่อำเภอคลองด่าน จังหวัดสมุทรปราการ และบริษัทยูฟัน ได้ขอซื้อหุ้นโครงการนี้ 29 เปอร์เซ็นต์ มูลค่า 17 ล้านบาท แต่บริษัทยูฟัน กลับนำบริษัทบีน่าฯ ไปแอบอ้าง ผ่านสื่อต่างๆ ทางบริษัทบีน่าฯ จึงขอหุ้นคืน พร้อมลงบันทึกประจำวันกับตำรวจก่อนหน้านี้ว่าไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับบริษัทยูฟัน และเตรียมฟ้องร้องเรียกค่าเสียหายด้วย
ด้านพล.ต.ท.สุวิระ เปิดเผยว่า จะปากคำนายไพรัตน์ และตรวจสอบเอกสาร ที่บริษัทบีน่าพูลี่ มอบให้ ส่วนความคืบหน้าคดีและขณะนี้มีผู้เสียหาย เข้าแจ้งความกับตำรวจแล้ว 131 คน มูลค่าความเสียหาย กว่า 43 ล้านบาท และยังมีผู้เสียหายเดินทางเข้าแจ้งความอย่างต่อเนื่อง
ขอบคุณข่าวจาก