ธ.กรุงเทพรายงานกำไรสุทธิไตรมาส 1/58 จำนวน 9,407 ลบ.
ธนาคารกรุงเทพและบริษัทย่อยมีกำไรสุทธิไตรมาส 1 ปี 2558 จำนวน 9,407 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 442 ล้านบาท หรือร้อยละ 4.9 จากไตรมาส 1 ปี 2557 โดยมีรายได้ดอกเบี้ยสุทธิเพิ่มขึ้น 168 ล้านบาท หรือร้อยละ 1.2 รายได้ที่มิใช่ดอกเบี้ยเพิ่มขึ้น 2,142 ล้านบาท หรือร้อยละ 24.7 และค่าใช้จ่ายจากการดำเนินงานเพิ่มขึ้น 964 ล้านบาท หรือ ร้อยละ 10.2
ในไตรมาส 1 ปี 2558 การฟื้นตัวของเศรษฐกิจไทยยังเป็นไปอย่างช้าๆ เนื่องจากการส่งออกสินค้าได้รับผลกระทบจากการชะลอตัวของเศรษฐกิจคู่ค้าโดยเฉพาะจีน ประกอบกับการลงทุนในภาคเอกชนขยายตัวอยู่ในระดับต่ำ เนื่องจากรอความชัดเจนของมาตรการเศรษฐกิจและการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานของภาครัฐ ขณะเดียวกันการบริโภคของภาคเอกชนยังคงฟื้นตัวอย่างค่อยเป็นค่อยไป ปัจจัยเหล่านี้ส่งผลต่อความต้องการสินเชื่อ ประกอบกับการที่สถาบันการเงินมีความระมัดระวังในการปล่อยสินเชื่อ โดย ณ สิ้นเดือนมีนาคม 2558 ธนาคารมีเงินให้สินเชื่อจำนวน 1,774,253 ล้านบาท ลดลง 7,980 ล้านบาท หรือร้อยละ 0.4 จากสิ้นเดือนธันวาคม 2557
ด้านคุณภาพสินเชื่อ ณ สิ้นเดือนมีนาคม 2558 ธนาคารมีสินเชื่อด้อยคุณภาพจำนวน 47,473 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 2,427 ล้านบาท จากสิ้นเดือนธันวาคม 2557 อัตราส่วนสินเชื่อด้อยคุณภาพต่อเงินให้สินเชื่ออยู่ที่ร้อยละ 2.2 เพิ่มขึ้นจากร้อยละ 2.1 ณ สิ้นปี 2557 เนื่องจากลูกค้าบางรายได้รับผลกระทบจากภาวะเศรษฐกิจที่ยังคงชะลอตัวอย่างต่อเนื่อง ในไตรมาส 1 นี้ ธนาคารมีค่าใช้จ่ายหนี้สูญและหนี้สงสัยจะสูญจำนวน 2,980 ล้านบาท ส่งผลให้ธนาคารมีอัตราส่วนสำรองค่าเผื่อหนี้สงสัยจะสูญต่อเงินให้สินเชื่อด้อยคุณภาพคิดเป็นร้อยละ 189.9 และมีอัตราส่วนสำรองค่าเผื่อหนี้สงสัยจะสูญต่อเงินให้สินเชื่อรวมที่ร้อยละ 5.1
ธนาคารมีเงินรับฝากจำนวน 2,117,969 ล้านบาท ณ สิ้นเดือนมีนาคม 2558 เพิ่มขึ้น 59,190 ล้านบาท หรือร้อยละ 2.9 จากสิ้นปี 2557 และมีอัตราส่วนเงินให้สินเชื่อต่อเงินรับฝากลดลงจากร้อยละ 86.6 ณ สิ้นปีก่อน เป็นร้อยละ 83.8 ในไตรมาส 1 ปี 2558 ธนาคารมีรายได้ดอกเบี้ยสุทธิจำนวน 14,235 ล้านบาท และมีส่วนต่างอัตราดอกเบี้ยสุทธิอยู่ที่ร้อยละ 2.18 ลดลงจากร้อยละ 2.32 ในไตรมาส 4 ปี 2557 ส่วนหนึ่งเป็นผลจากต้นทุนและปริมาณเงินฝากเพิ่มขึ้นมากกว่าการเพิ่มขึ้นของอัตราผลตอบแทนสินเชื่อและปริมาณสินเชื่อ และอัตราผลตอบแทนจากการลงทุนในเงินลงทุนและรายการระหว่างธนาคารและตลาดเงินลดลง ธนาคารมีรายได้ที่มิใช่ดอกเบี้ยจำนวน 10,813 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 2,142 ล้านบาท หรือร้อยละ 24.7 จากไตรมาส 1 ปีก่อน ส่วนใหญ่มาจากรายได้ค่าธรรมเนียมและบริการสุทธิเพิ่มขึ้น 1,188 ล้านบาท หรือร้อยละ 22.8 โดยรายได้ที่เติบโตสูงมาจากค่าธรรมเนียมจากการรับประกันการจัดจำหน่ายตราสารทางการเงิน ธุรกิจหลักทรัพย์ และการให้บริการสินเชื่อ
ธนาคารมีค่าใช้จ่ายจากการดำเนินงานจำนวน 10,376 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 964 ล้านบาท หรือร้อยละ 10.2 จาก ไตรมาส 1 ปีก่อน ค่าใช้จ่ายที่เพิ่มขึ้นส่วนใหญ่เป็นค่าใช้จ่ายด้านบุคลากรและค่าใช้จ่ายอื่นๆ ธนาคารมีอัตราส่วนค่าใช้จ่ายต่อรายได้จากการดำเนินงานเท่ากับไตรมาส 1 ปีก่อนที่ร้อยละ 41.4
ด้านเงินกองทุน หากนับรวมกำไรสุทธิสำหรับงวด 6 เดือนสิ้นสุดวันที่ 31 ธันวาคม 2557 และกำไรสุทธิใน ไตรมาส 1 ปี 2558 เข้าเป็นเงินกองทุน หักด้วยเงินปันผลที่จะจ่ายในเดือนพฤษภาคม 2558 อัตราส่วนเงินกองทุนทั้งสิ้น อัตราส่วนเงินกองทุนชั้นที่ 1 ที่เป็นส่วนของเจ้าของ และอัตราส่วนเงินกองทุนชั้นที่ 1 ต่อสินทรัพย์เสี่ยงของธนาคารและบริษัทย่อยจะอยู่ในระดับประมาณร้อยละ 18.3 ร้อยละ 16.2 และร้อยละ 16.2 ตามลำดับ
ส่วนของเจ้าของ ณ วันที่ 31 มีนาคม 2558 มีจำนวน 333,829 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 11.8 ของสินทรัพย์รวม และมูลค่าตามบัญชีเท่ากับ 174.89 บาทต่อหุ้น เพิ่มขึ้น 5.42 บาท จากสิ้นปี 2557