ส่องพัฒนาการ“ปืนฉีดน้ำ” เงาสีสัน “เทศกาลสงกรานต์ไทย”
ส่องพัฒนาการ “ปีนฉีดน้ำ” กว่าจะมาเป็นดีไซน์หวือหวา-มีสไตล์แบบทุกวันนี้ จาก “ท่อแป๊ป” ดาด ๆ จนมาสู่ปืนฉีดน้ำกระบอกคู่สุดพลัง รวมไปถึงกิจกรรม “ยอดฮิต” ในวันสงกรานต์ ปีนี้มีอะไรอัพเดตบ้าง
เมื่อพูดถึงเทศกาลวันขึ้นปีใหม่ของไทย หรือ “เทศกาลสงกรานต์” ระหว่างวันที่ 13-15 เมษายนของทุกปี คงหลีกเลี่ยงไม่ได้ที่จะต้องนึกถึงการละเล่นการสาดน้ำกันของบรรดาหนุ่ม-สาววัยรุ่นชาวไทย และชาวต่างประเทศที่ต่างเดินข้ามน้ำข้ามทะเลเพื่อมาร่วมงานเทศกาลดังกล่าว ไม่ว่าจะเป็นการใช้ขันตักน้ำสาดใส่กัน หรือการใช้ปืนฉีดน้ำรูปแบบต่าง ๆ ขนาดต่าง ๆ ยิงใส่กัน รวมถึงการนำดินสอพองมาผสมกับน้ำหรือน้ำอบ จนกลายเป็นแป้งดินสอพอง
แต่สิ่งที่น่าสนใจขึ้นทุกปีมากกว่าบรรดา “นางสงกรานต์” นั่นก็คือ “พัฒนาการ” ของ “ปืนฉีดน้ำ” !
ที่พบว่าแต่ละปี ต่างงัด “ลูกเล่น” หรือ “ดีไซน์” ใหม่ ๆ สีสันแปลกตา
นำมาเป็นจุดขาย ให้ “วัยรุ่น” ไทย-เทศ นำไปเป็นอุปกรณ์หลักในการเล่นน้ำ เรียกเสียง “กรี๊ดกร๊าด” ได้ไม่แพ้ “แป้ง” บนหน้าของ “เคน-ธีรเดช” ในเรื่อง “รถไฟฟ้ามาหานะเธอ” แม้แต่น้อย
สำนักข่าวอิศรา www.isranews.org รวบรวมข้อมูลพัฒนาการ “ปืนฉีดน้ำ” อุปกรณ์ในการเล่นน้ำช่วงเทศกาลสงกรานต์ทั้งในอดีตที่ผ่านมาจนถึงปัจจุบัน เพื่อให้สาธารณชนได้รับรู้ถึงการเปลี่ยนแปลงของวัฒนธรรมประเพณีไทย ให้เห็นภาพกันชัด ๆ ดังนี้
หากย้อนกลับไปสักประมาณ 10 ปีที่แล้ว วัยรุ่นในยุคนั้นคงไม่มีใครปฏิเสธว่าไม่รู้จักปืนฉีดน้ำรุ่น “ท่อแป๊ป” ซึ่งมีพลังในการฉีดสูง มีความรุนแรง อีกทั้งมีราคาไม่สูง และสามารถทำเองได้ง่าย ไม่ยาก ขึ้นอยู่กับความสามารถของแต่ละบุคคล
สำหรับวิธีการทำและวิธีการหาซื้ออุปกรณ์นั้น ก็แค่เดินไปที่ร้านขายอุปกรณ์ก่อสร้าง และเลือกซื้อท่อแป๊ปตามขนาดที่ต้องการ จำนวน 2 อัน ขนาดเล็ก 1อัน ขนาดใหญ่ 1 อัน โดยท่อที่มีขนาดเล็กควรมาความยาวมากกว่าท่อที่มีขนาดใหญ่กว่า ประมาณ 15-20 ซม.
และที่ขาดไม่ได้ คือ ข้อต่อเปลี่ยนขนาดท่อ (ป้องกันน้ำไหลออกจากปืน) 1 อัน, ข้อต่อสามแฉก (ทำด้ามจับ) 1 อัน, ฝาปิดท่อ (นำมาเจาะรูเป็นปากกระบอกปืน) 1 อัน และยางดำสำหรับสูบน้ำ(ขนาดเท่ากับท่ออันใหญ่) 1 อัน หากร้านขายอุปกรณ์ก่อสร้างที่ไปซื้อไม่มี สามารถใช้ยางรองเท้าแตะทดแทนกันได้
ด้วยความรุนแรงมหาศาลของเจ้าปืนฉีดน้ำรุ่นท่อแป๊ป บวกกับพฤติกรรมของผู้เล่นที่มักจะเล็งฉีดน้ำไปที่ตาผู้อื่น ซึ่งรัฐบาลมองเห็นและเกรงว่าจะก่อให้เกิดอันตรายในประเพณีอันดีงามของไทย จึงทำให้ต้องออกกฎหมาย “ห้ามเล่นปืนฉีดน้ำชนิดท่อแป๊ป” เพื่อความปลอดภัยของประชาชน และนักท่องเที่ยว
แต่ใช่ว่าปืนฉีดน้ำชนิดท่อแป๊ปนั้นจะหมดไปจากเมืองไทย ด้วยนวัตกรรมสมัยใหม่ บวกกับวิวัฒนาการการละเล่นของเหล่าวัยรุ่น รวมกับความหัวใสของบริษัทผู้ผลิตปืนฉีดน้ำ ก่อให้เกิดปืนฉีดน้ำรุ่นใหม่ ซึ่งดัดแปลงมาจาก “ปืนฉีดน้ำรุ่นท่อแป๊ป” นั่นเอง
แถมยังมีฟังก์ชั่นใหม่เสริมมาอีก ด้วยการต่อสายเข้ากับถังเก็บน้ำให้ผู้ใช้สะพายไว้ที่หลัง อีกทั้งมีการออกแบบรูปแบบให้เข้ากับยุคสมัย เพียงเท่านี้ก็ทำให้กลายเป็น “ปืนฉีดน้ำท่อแป๊ป มีถังกักเก็บน้ำสะพายหลัง ฉบับพกพาง่าย รูปแบบน่ารัก สะดวกต่อการเดินทาง”
อย่างไรก็ตามนอกจากพัฒนาการของ “ปืนฉีดน้ำชนิดท่อแป๊ป” แล้ว “ปืนฉีดน้ำชนิดกระบอกสูบ” ก็ไม่น้อยหน้าเช่นกัน
จากแต่ก่อนที่บรรจุน้ำได้แค่นิดหน่อย ยิงแมวยังไม่ทันเปียกทั้งตัวก็หมด แต่ปัจจุบันปืดฉีดน้ำชนิดนี้มีขนาดใหญ่ขึ้น บรรจุน้ำได้มากขึ้น รวมไปถึงกระบอกสูบที่สามารถอัดแรงฉีดได้แรงยิ่งขึ้นอีกด้วย ซึ่งไม่ต่างจาก “ปืนฉีดน้ำชนิดท่อแป๊ป” เมื่อกว่า 10 ปีที่แล้วเลย
นอกจากบรรดาปืนฉีดน้ำทั้งหลายที่อัพเดตอุปกรณ์กันทุกปีแล้วนั้น บรรดากิจกรรมที่ภาครัฐ-เอกชนต่างพาเหรดกันจัด ก็มีอะไร “หวือหวา” ให้สนุกหรรษาเพิ่มทุกปีเช่นกัน
โดยเฉพาะล่าสุดในปี 2558 ที่ จ.อุบลราชธานี สร้างเสียงฮือฮาให้กับนักท่องเที่ยวได้ไม่มากก็น้อย เมื่อมีการเตรียมนำ “สไลเดอร์” ของเล่นยอดฮิตของเมืองฝรั่งตาน้ำข้าว เข้ามาติดตั้งให้ “ลูกเล็กเด็กแดง” รวมไปถึงบรรดา “วัยรุ่น-วัยไม่รุ่นแต่หัวใจรุ่น” สไลด์กันให้ครื้นเครงกันไปข้างหนึ่งทีเดียว
ขณะเดียวกัน ทั้งภาครัฐ-เอกชน ต่างก็มุ่งมั่นจัดกิจกรรมแสงสีเสียงทั้งในตอนกลางวันและกลางคืน เพื่อดึงดูดนักท่องเที่ยวกันอย่างคับคั่ง ไม่ว่าจะเป็นเทศกาลสงกรานต์มิดไนท์หาดใหญ่ จ.สงขลา ฯลฯ รวมไปถึงการจัดแสดงคอนเสิร์ตของเหล่าศิลปินชื่อดัง กระทั่งปาร์ตี้โฟมหรือฟองสบู่ ตามสถานที่ชื่อดังต่าง ๆ อาทิ ถนนข้าวสาร ถนนสีลม อาร์ซีเอ (RCA) ฯลฯ
และที่ไม่พูดถึงก็คงจะไม่ได้คือเทศกาล “วันไหล” ระหว่างวันที่ 16 เม.ย. – 20 เม.ย. ซึ่งในหลายจังหวัดก็มีการจัดเทศกาลนี้ อาทิ วันไหลพระประแดง จ.สมุทรปราการ วันไหลบางแสน,วันไหลพัทยา จ.ชลบุรี และวันไหลเกาะช้าง จ.ตราด
ทั้งหมดนี้คือพัฒนาการของปืนฉีดน้ำในเทศกาลสงกรานต์ แบบฉบับประเทศไทย รวมถึงกิจกรรมต่างๆที่ทั้งทางภาครัฐ และเอกชน ต่างช่วยกันจัดขึ้น เพื่อดึงดูดนักท่องเที่ยวต่างชาติ อีกทั้งยังเป็นการช่วยกันพยุงเศรษฐกิจชาติ
ส่วนในปี 2559 เทศกาลนี้จะมีนวัตกรรมอะไรใหม่ ๆ เจ๋ง ๆ ดึงดูดวัยรุ่นให้เข้ามาเล่นน้ำกันมากขึ้น และมีการจัดกิจกรรมอะไรที่น่าสนใจกว่านี้อีกหรือไม่ คงต้องติดตามและเป็นกำลังใจให้กับผู้จัดงานกันต่อไป
หมายเหตุ : ภาพประกอบเทศกาลสงกรานต์จาก tnews