รู้จัก 11 องค์กรใหม่ในร่างรธน. เพิ่มอำนาจปชช. ลดเหลื่อมล้ำ สร้างปรองดอง ป้องกันทุจริต?
กรรมาธิการยกร่างฯ ได้ออกแบบให้มีองค์กรต่างๆ เพื่อเพิ่มอำนาจให้ประชาชนตามกรอบแนวคิด “สร้างพลเมืองให้เป็นใหญ่”
ในรัฐธรรมนูญฉบับปฏิรูปประเทศไทย ซึ่งกรรมาธิการ(กมธ.)ยกร่างรัฐธรรมนูญพิจารณาทบทวนร่างบทบัญญัติรัฐธรรมนูญรายมาตราและบันทึกเจตนารมณ์ทั้ง 315 มาตราเสร็จสิ้นเรียบร้อยแล้ว กรรมาธิการยกร่างฯ ได้ออกแบบให้มีองค์กรต่างๆ เพื่อเพิ่มอำนาจให้ประชาชนตามกรอบแนวคิด “สร้างพลเมืองให้เป็นใหญ่”
ล่าสุด จุลสารรัฐธรรมนูญ ฉบับที่ 7 (ปักษ์แรก เมษายน 2558) เผยแพร่เนื้อหาเกี่ยวกับองค์กรใหม่ๆในรัฐธรรมนูญฉบับปฏิรูปจำนวน 11 องค์กร มีประเด็นที่น่าสนใจ ดังนี้
1.องค์กรเพื่อการคุ้มครองผู้บริโภค
องค์กรตัวแทนผู้บริโภคเป็นหน่วยงานอิสระซึ่งมิใช่หน่วยงานของรัฐ ทำหน้าที่ให้ความเห็นเพื่อประกอบการพิจารณาของหน่วยงานรัฐในการตราและบังคับใช้กฎหมายและให้ความเห็นในการกำหนดมาตรการต่างๆเพื่อคุ้มครองผู้บริโภค
รวมทั้งตรวจสอบและรายงานการกระทำหรือละเลยการกระทำอันเป็นการคุ้มครองผู้บริโภคและเสนอแนวทางแก้ไขเยียวยาความเสียหายที่ผู้บริโภคได้รับ ตลอดจนสนับสนุนและส่งเสริมให้ผู้บริโภคมีความรู้และทักษะที่จำเป็นด้านการคุ้มครองผู้บริโภค
2.สภาตรวจสอบภาคพลเมือง
สภาตรวจสอบภาคพลเมืองของแต่ละจังหวัดประกอบด้วยสมาชิกจำนวนไม่เกิน 50 คน มีภูมิลำเนาอยู่ในจังหวัดนั้น โดยมีที่มาจากผู้แทนสมัชชาพลเมืองทั้งหมดไม่เกินหนึ่งในสี่ ผู้แทนองค์กรภาคประชาสังคมไม่เกินหนึ่งในสี่และประชาชนผู้มีสิทธิเลือกตั้ง
มีอำนาจหน้าที่ภายในเขตจังหวัดของตนเองในการตรวจสอบการกระทำของผู้สมัครรับเลือกตั้ง ผู้บริหารท้องถิ่น สมาชิกสภาท้องถิ่น เจ้าหน้าที่ของรัฐ และหน่วยงานของรัฐที่ปฏิบัติหน้าที่ในเขตจังหวัดนั้น รวมทั้งส่งเสริมให้พลเมืองยึดมั่นในความซื่อสัตย์สุจริต
โดยเฉพาะประเด็นการเลือกตั้งให้เป็นไปโดยสุจริตเที่ยงธรรม การทุจริตในการจัดซื้อจัดจ้างและการใช้จ่ายเงินแผ่นดินของาหน่วยงานของรัฐ การละเมิดต่อสิทธิและเสรีภาพของประชาชน และการกระทำที่ขัดกันแห่งผลประโยชน์หรือการละเมิดจริยธรรม
3.สมัชชาคุณธรรมแห่งชาติ
ทำหน้าที่ในการกำกับมาตรฐานคุณธรรม จริยธรรมของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ผู้บริหารระดับสูง กรรมการในองค์กรตรวจสอบในการใช้อำนาจรัฐ องค์กรอิสระ นักการเมืองท้องถิ่น มีอำนาจหน้าที่ปลูกฝังและส่งเสริมจริยธรรมของประชาชนและผู้ดำรงตำแหน่งสาธารณะ และประเมินจริยธรรมของผู้นำกรเมืองทุกปี รวมทั้งไต่สวนผู้กระทำการฝ่าฝืนจริยธรรมอย่างร้ายแรงและส่งเรื่องให้รัฐสภาหรือมีประชาชนถอดถอน
4.คณะกรรมการประเมินผลแห่งชาติ
กรรมการคณะนี้มีอำนาจหน้าที่ประเมินผลการวางตน การปฏิบัติงานของพรรคการเมือง กลุ่มการเมือง และแจ้งให้องค์กรดังกล่าวทราบพร้อมประกาศต่อสาธารณะ มีวัตถุประสงค์เพื่อเป็นกลไกตรวจสอบและช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานอย่างเป็นระบบ โดยองค์ประกอบที่มาและอำนาจหน้าที่ให้เป็นไปตามที่กฎหมายบัญญัติ รวมทั้งการประเมินการปฏิบัติหน้าที่ขององค์กรตามรัฐธรรมนูญซึ่งตรวจการใช้อำนาจรัฐทุกองค์กร เช่น กกต. ป.ป.ช.
5.คณะกรรมการดำเนินการแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนโดยระบบคุณธรรม
ประกอบด้วย คณะกรรมการจำนวน 7 คน ซึ่งพระมหากษัตริย์ทรงแต่งตั้งตามคำแนะนำของวุฒิสภา จากบุคคลที่มีความซื่อสัตย์สุจริตและเป็นกลางทางการเมือง แบ่งเป็นกรรมการที่มาจากผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการข้าราชการพลเรือนจำนวน 2 คน
ผู้ซึ่งเคยดำรงตำแหน่งปลัดกระทรวงหรือหัวหน้าส่วนราชการที่เทียบเท่าปลัดกระทรวงและได้พ้นจากข้าราชการ จำนวน 3 คน ประธานกรรมการจริยธรรมของทุกกระทรวงซึ่งเลือกกันเอง จำนวน 2 คน
มีหน้าที่พิจารณาเสนอรายชื่อบุคคลที่เห็นสมควรต่อนายกรัฐมนตรีเพื่อนำความกราบบังคมทูล เพื่อทรงแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งปลัดกระทรวงและหัวหน้าส่วนราชการที่เทียบเท่าปลัดกระทรวง หรือย้าย หรือพ้นจากตำแหน่งและมีอำนาจหน้าที่อื่นตามกฎหมายบัญญัติ
6.สมัชชาพลเมือง
พลเมืองอาจรวมตัวกันเป็นสมัชชาพลเมือง ประกอบด้วยสมาชิกที่มาจากองค์กรประกอบหลากหลาย พลเมืองในท้องถิ่นที่มาจากการสมัครใจ อาทิ ตัวแทนจากองค์กรชุมชน ประชาสังคม เอกชน นักวิชาการ ปราชญ์ชาวบ้าน
โดยสมัชชาพลเมืองจะเข้ามามีส่วนร่วมตัดสินใจดำเนินงานที่มีผลกระทบต่อประชาชน ไม่มีรายได้และเงินเดือนประจำ เพื่อป้องกันการแทรกแซงของนักการเมืองท้องถิ่น โดยสามารถให้ความเห็นในการบริหารงานของผู้ว่าราชการจังหวัดและองค์กรบริหารท้องถิ่น
7.ศาลปกครองแผนกคดีวินัยการคลังและการงบประมาณ
เป็นแผนกซึ่งจะต้องจัดตั้งขึ้นในศาลปกครองกลางและศาลปกครองสูงสุด ประกอบด้วย องค์คณะตุลาการศาลปกครอง มีอำนาจหน้าที่วินิจฉัยคดีเกี่ยวกับกรณีที่ผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองหรือเจ้าหน้าที่ของรัฐผู้ใดที่ใช้จ่ายเงินแผ่นดินจนก่อให้เกิดความเสียหายแก่รัฐ
โดยจำนวนองค์คณะและวิธีพิจารณาของศาลแผนกคดีวินัยการคลังและการงบประมาณให้เป็นไปตามกฎหมายว่าด้วยการจัดตั้งศาลปกครองและวิธีพิจารณาคดีปกครองกำหนด
8.คณะกรรมการดำเนินการจัดเลือกตั้ง(กจต.)
ประกอบด้วยผู้ทรงคุณวุฒิ ซึ่งปลัดกระทรวงกลาโหม ปลัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ปลัดกระทรวงคมนาคม ปลัดกระทรวงมหาดไทย ปลัดกระทรวงศึกษาธิการ ปลัดกระทรวงสาธารณสุข และผู้บัญชาการตำตวจแห่งชาติ แต่งตั้งจากข้าราชการในแต่ละหน่วยงาน หน่วยงานละ 1 คน ทำหน้าที่ดำเนินการจัดการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร สมาชิกสภาท้องถิ่นและผู้บริหารท้องถิ่น รวมทั้งการออกเสียงประชามติ โดยให้กกต.มีหน้าที่ควบคุมดูแลการเลือกตั้งให้บริสุทธิ์ยุติธรรมอย่างมีประสิทธิภาพ
9.ผู้ตรวจการแผ่นดินและพิทักษ์สิทธิมนุษยชน
เป็นการควบรวมผู้ตรวจการแผ่นดินกับคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ(กสม.) ประกอบด้วยคณะกรรมการจำนวน 11 คน มีอำนาจหน้าที่พิทักษ์ศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ สิทธิ เสรีภาพ และความเสมอภาคของประชาชน อาทิ เสนอแนะนโยบายและข้อเสนอในการปรับปรุงกฎหมายและกฎต่อรัฐสภาหรือคณะรัฐมนตรีเพื่อส่งเสริมคุ้มครองสิทธิของประชาชน
10.สภาขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศและคณะกรรมการยุทธศาสตร์การปฏิรูปแห่งชาติ
สภานี้มีสมาชิกไม่เกิน 120 คน ซึ่งพระมหากษัตริย์ทรงแต่งตั้งจากสมาชิกสภาปฏิรูปแห่งชาติ(สปช.) จำนวน 60 คน , สมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ(สนช.) จำนวน 30 คน, ผู้ทรงคุณวุฒิที่มีความเชี่ยวชาญในการปฏิรูปประเทศด้านต่างๆ จำนวน 30 คน
มีอำนาจหน้าที่ขับเคลื่อนการปฏิรูปโดยการเสนอแนะนโยบายและข้อเสนอในการปฏิรูปต่อรัฐสภา คณะรัฐมนตรี หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อลดความเหลื่อมล้ำและสร้างความเป็นธรรมในด้านต่างๆนำแผนและขั้นตอนการออกกฎหมายและการปฏิบัติ
เพื่อให้เกิดการปฏิรูปของสภาปฏิรูปแห่งชาติและแผนงานยุทธศาสตร์การปฏิรูปของทุกภาคส่วนมาบูรณาการ ส่งเสริมการศึกษา การวิจัย และการเผยแพร่ความรู้เกี่ยวกับการปฏิรูป ติดตามการประเมินผลการดำเนินงานของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อให้การปฏิรูปสอดคล้องและเป็นไปตามบทบัญญัติรัฐธรรมนูญ
11.คณะกรรมการอิสระเสริมสร้างความปรองดองแห่งชาติ
ประกอบด้วยกรรมการไม่เกิน 15 คน ซึ่งพระมหากษัตริย์ทรงแต่งตั้งจากผู้ทรงคุณวุฒิ ซึ่งไม่เป็นฝักฝ่ายทางการเมืองหรือความขัดแย้งและผู้ซึ่งเป็นผู้นำความขัดแย้ง มีอำนาจหน้าที่ศึกษา วิเคราะห์ เพื่อหาสาเหตุแห่งความขัดแย้ง ความเสียหายที่เกิดขึ้น และเสนอแนะแนวทางในการแก้ไขปัญหา
ส่งเสริมให้มีการเรียนรู้และการใช้กระบวนการแก้ไขปัญหาความขัดแย้งร่วมกันและสร้างเครือข่ายในการสร้างความปรองดองในภาคส่วนต่างๆเพื่อให้มีกระบวนการสร้างความปรองดองเกิดขึ้น
ขอบคุณภาพจาก http://www.เสียงปฏิรูป.com