อย่าปล่อยให้คำขอโทษและน้ำตาต้องสูญเปล่า
ถือเป็นประวัติศาสตร์อีกหน้าหนึ่งของปัญหาชายแดนใต้ เมื่อนายทหารระดับแม่ทัพภาคที่ 4 เอ่ยขอโทษทุกฝ่ายและผู้สูญเสียจากปฏิบัติการที่ผิดพลาดของฝ่ายความมั่นคง
"ความรุนแรงมี 2 ทิศทาง ทิศทางที่ 1 คือมีผู้ที่พยายามสร้างความรุนแรง ทิศทางที่ 2 ผมยอมรับและทราบดีว่าเกิดจากผู้ที่ถืออาวุธ ต้องเข้าใจการทำงานของเจ้าหน้าที่ภายใต้สภาวะวิกฤตที่อาจมีความหวาดกลัวบ้าง จึงมีผลต่อการตัดสินใจ ผมเองมีหน้าที่ดูแลการใช้อำนาจหน้าที่ของเขาว่าอยู่ในกรอบกฎหมายหรือไม่ อันนี้ขอเวลาในการตรวจสอบ"
"ผมเองในฐานะผู้บังคับบัญชาของกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ส่วนหน้า ต้องขอกล่าวคำว่าขออภัยในเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นที่ไม่สามารถนำไปสู่แนวทางที่ผมได้ให้นโยบายไว้ได้ ขออภัยต่อพีน้องประชาชน ขออภัยต่อครอบครัวผู้สูญเสีย และยอมรับในสิ่งที่เกิดขึ้น"
เป็นคำกล่าวของ พล.ท.ปราการ ชลยุทธ แม่ทัพภาคที่ 4 หลังรับทราบผลการสอบสวนข้อเท็จจริงจากคณะกรรมการที่ตนเองตั้งขึ้น กรณีเจ้าหน้าที่วิสามัญฆาตกรรม 4 ศพในปฏิบัติการปิดล้อมตรวจค้นที่บ้านโต๊ะชูด หมู่ 6 ต.พิเทน อ.ทุ่งยางแดง จ.ปัตตานี เมื่อวันที่ 25 มี.ค.58 สรุปว่าคนตายไม่ใช่คนร้าย และอาวุธปืนสงครามที่พบใกล้ศพก็ไม่มีความเชื่อมโยงกับผู้เสียชีวิต
ตำรวจจ่อดำเนินคดี
ประเด็นที่สืบเนื่องจากคำขอโทษของแม่ทัพภาคที่ 4 คือทางการมีความจริงใจแค่ไหนในการดำเนินคดีกับเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง เรื่องนี้ พล.ต.ต.กฤษกร พลีธัญญวงศ์ ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดปัตตานี กล่าวว่า ผู้ที่กระทำความผิด (ผู้ที่ใช้อาวุธปืนจนมีผู้เสียชีวิต หมายถึงผู้กระทำวิสามัญฆาตกรรม) ทางพนักงานสอบสวนได้มีหนังสือเรียกตัวเพื่อให้มารับทราบข้อกล่าวหาแล้ว หลังจากนี้คดีจะเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม อย่างไรก็ดี ผู้ที่ถูกเรียกตัวยังติดภารกิจ จึงยังไม่สามารถเข้ารับทราบข้อกล่าวหาได้ แต่คาดว่าไม่เกินสัปดาห์หน้าทุกอย่างจะเรียบร้อย ขอให้มั่นใจในกระบวนการยุติธรรมเพราะผู้บังคับบัญชาทุกระดับชั้นกำชับว่าเรื่องนี้ต้องตรงไปตรงมา
อนึ่ง ตามกฎหมายแล้ว การทำวิสามัญฆาตกรรมไม่ใช่เรื่องถูกกฎหมาย หรือกฎหมายรับรองให้กระทำได้ และเจ้าหน้าที่ผู้กระทำต้องถูกดำเนินคดี เพียงแต่จะไม่ถูกเอาผิดหรือต้องรับโทษ กรณีที่พิสูจน์ได้ว่าเป็นการกระทำในลักษณะ "ป้องกันตนเองโดยชอบด้วยกฎหมาย" และ "ไม่เกินสมควรแก่เหตุ"
อาจารย์ลุตฟีแถลงทั้งน้ำตา
ด้าน ผศ.ดร.อิสมาอีลลุตฟี จะปะกียา อธิการบดีมหาวิทยาลัยฟาฏอนี ซึ่งสูญเสียนักศึกษาไป 2 รายจากเหตุการณ์ที่บ้านโต๊ะชูด ทั้งๆ ที่ทั้งคู่ไม่ได้มีประวัติเกี่ยวพันกับเหตุรุนแรงในพื้นที่ กล่าวว่า ขอบคุณทุกท่านที่ให้ความสำคัญกับเรื่องที่เกิดขึ้นและดำเนินการอย่างรวดเร็ว คงเป็นคดีแรกที่ใช้เวลาเพียง 1 สัปดาห์ในการตรวจสอบข้อเท็จจริง
"ผมในนามมหาวิทยาลัยฟาฏอนีและพีน้องที่อยู่ในเหตุการณ์ทุกคนต้องการความสงบสุข ผมก็มีลูกศิษย์ 2 ท่านที่เสียชีวิตในเหตุการณ์ คนอื่นก็เหมือนกัน คิดว่าเป็นลูกของพวกเรา เยาวชนที่พวกเราต้องมีความรับผิดชอบต่อพวกเขาในการสร้างชีวิตที่ดีงามให้กับพวกเขาและประเทศชาติ"
อธิการบดีมหาวิทยาลัยฟาฏอนี กล่าวทั้งน้ำตาว่า "วันนี้ผมดีใจถึงแม้จะไม่สิ้นสุดในทางคดี แต่ได้รู้ว่าลูกๆ ของเราเป็นผู้บริสุทธิ์ สิ่งนี้เป็นสิ่งที่ผมภาคภูมิใจมากที่สุด ถือเป็นคำที่มีคุณค่ามหาศาลสำหรับผม วันนี้อาจจะยังไม่สิ้นสุด แต่ด้วยน้ำใจของผู้ใหญ่ของเราไม่ว่าจะเป็นท่านแม่ทัพก็ดี ท่านเลขาธิการ ศอ.บต.ก็ดี ทุกท่านได้แสดงความบริสุทธิ์ใจ ยืนยันที่จะใช้แนวทางสันติวิธีต่อไป ต้องเข้าใจว่าสันติวิธีเป็นสิ่งใหม่ในบ้านเรา ต้องใช้ความอดทนอย่างมาก ขอให้ทุกคนมีความเมตตาต่อกัน และมีความเห็นใจซึ่งกันและกันเพื่อที่จะให้พื้นที่ของเราเกิดสันติภาพที่ยังยืนต่อไป"
ดีใจลูกหลุดข้อหาแนวร่วมฯ
นายซาการียา สาแม็ง บิดาของ คอลิด สาแม็ง หนึ่งในผู้เสียชีวิต กล่าวว่า รู้สึกดีมากที่ผลการสอบสวนออกมาตามที่มีการแถลง ลูกจะได้หลุดจากข้อกล่าวหา และชัดเจนว่าลูกไม่มีความผิด
ขณะที่ นายนาแซ ดอคอ ผู้ใหญ่บ้านหมู่ 6 บ้านโต๊ะชูด กล่าวว่า รู้สึกดีที่แม่ทัพออกมาขอโทษ ส่วนตัวคิดว่าเราต้องให้อภัยซึ่งกันและกัน คือวินาทีเดียวก็เกิดความผิดได้ ในส่วนของทางคดี ชาวบ้านเองก็ตอบไม่ได้เพราะว่าการต่อสู้ทางคดีนั้นเป็นเรื่องอัยการและศาล ก็ต้องรอดูว่าผลจะออกมาอย่างไร
อย่าปล่อยให้คำขอโทษและน้ำตาต้องสูญเปล่าเพียงเพราะความหวาดระแวง!
----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
บรรยายภาพ : แม่ทัพภาคที่ 4 ขณะแถลงข่าวขอโทษ กรณีวิสามัญฯ 4 ศพทุ่งยางแดง