โชว์หลักฐานสนามแข่งโบนันซ่าขยายพื้นที่เกินเนื้อที่ น.ส.3 ก.?
"...มีความเป็นไปได้สูงว่า กรณีพื้นที่สนามแข่งรถดังกล่าว อาจจะมีการใช้วิธีขยายเข้าไปในพื้นที่ในของ ส.ป.ก. และเขตป่าสงวน นอกเหนือจากพื้นที่มีโฉนดจำนวน 4-5 แปลงที่อยู่แล้ว เพื่อให้พื้นที่ทั้งหมดของสนามแข่งเชื่อมต่อกันเป็นแผ่นเดียวกัน และกลายเป็นพื้นที่ใหญ่ขึ้น เกินพื้นที่ที่มีอยู่จริง"
กำลังเป็นประเด็นร้อน ที่สาธารณชนให้ความสนใจ กับปฏิบัติการทวงคืนผืนที่ป่าจาก "โบนันซ่า เขาใหญ่"ของคนตระกูล "เตชะณรงค์"
ภายหลังจากที่ พ.ต.อ.ดุษฎี อารยวุฒิ รองปลัดกระทรวงยุติธรรม พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ(ดีเอสไอ) เจ้าหน้าที่สำนักงานป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ(ป.ป.ท.) เจ้าหน้าที่กรมป่าไม้ และทหารจากกองทัพภาคที่ 2 ได้เดินทางไปที่โบนันซ่า เขาใหญ่ จ.นครราชสีมา เพื่อลงพื้นที่ตรวจสอบข้อเท็จจริงที่ดินในพื้นที่สนามแข่งรถโบนันซ่า ซึ่งปรากฏหลักฐานว่า น.ส.3 ก. บางส่วนของพื้นที่สนามเเข่งรถดังกล่าว ส่วนใหญ่เป็นพื้นที่เขตป่าสงวนแห่งชาติ เขาเสียดอ้า เมื่อวันที่ 31 มี.ค.58 ที่ผ่านมา
(อ่านประกอบ : ปฏิบัติการทวงคืนผืนที่ป่าจาก "โบนันซ่า เขาใหญ่" ของคนตระกูล "เตชะณรงค์")
โดยเบื้องต้น นายก้องกิดาการ ประพันธ์บัณฑิต นายช่างรังวัดชำนาญงาน กรมที่ดิน และ ผู้ช่วยหัวหน้าคณะทำงานเพื่อความมั่นคง กองกำลังรักษาความสงบ กองทัพภาคที่ 2(ตำแหน่งใน คสช.) ยืนยันชัดเจนว่า จากตรวจสอบพบว่าพื้นที่สนามแข่งรถดังกล่าว สามารถแสดงโฉนด น.ส.3ก. ตัวจริงได้เพียง 47 ไร่ และอีกเกือบ 100 ไร่ไม่สามารถนำหลักฐานมายืนยันสิทธิ์ความเป็นเจ้าของได้ ซึ่งพื้นที่ดังกล่าวนั้นเป็นพื้นที่ ส.ป.ก. และเขตป่าสงวน
ทั้งนี้ เพื่อให้เห็นภาพข้อเท็จจริงเกี่ยวกับเรื่องนี้มากขึ้น
ล่าสุด สำนักข่าวอิศรา www.isranews.org ได้รับการยืนยันข้อมูลจากแหล่งข่าวระดับสูงในกรมที่ดินว่า โฉนด น.ส.3ก. ที่ถือครองโดยคนในครอบครัว "เตชะณรงค์" ภายในสนามแข่งรถ ที่อยู่ระหว่างถูกตรวจสอบในขณะนี้
มีลักษณะกระจายตัวเป็นส่วนๆ ไม่เชื่อมต่อเป็นแผ่นเดียวกัน
"โฉนดที่ดินที่คนในครอบครัว "เตชะณรงค์" ถือครองอยู่ มีลักษณะกระจายตัวเป็นส่วนๆ จำนวน 5 แปลง ไม่ได้เชื่อมต่อเป็นแผ่นเดียวกัน เมื่อนำภาพถ่ายดาวเทียมมาเทียบดู จะเห็นภาพชัดเจน"
(ดูหลักฐานประกอบ)
@ ภาพแสดงการกระจายตัวของที่ดิน ที่มีโฉนด น.ส.3 ก. ในพื้นที่สนามแข่งรถ
@ ภาพตัวอย่าง น.ส.3 ก. ที่คนในครอบครัว "เตชะณรงค์" ถือครองอยู่ในพื้นที่สนามแข่งรถ ซึ่งมีลักษณะแบ่งแยกเป็นส่วนๆ ไม่เชื่อมต่อกัน
แหล่งข่าวรายนี้ ยังระบุด้วยว่า เท่าที่ติดตามข้อมูลจากการลงพื้นที่ตรวจสอบสนามแข่งรถดังกล่าว พบว่า สามารถแสดง น.ส.3ก. ตัวจริงได้เพียง 47 ไร่ และอีกเกือบ 100 ไร่ไม่สามารถนำหลักฐานมายืนยันสิทธิ์ความเป็นเจ้าของได้ ซึ่งพื้นที่ดังกล่าวนั้นเป็นพื้นที่ ส.ป.ก. และเขตป่าสงวน
"มีความเป็นไปได้สูงว่า กรณีพื้นที่สนามแข่งรถดังกล่าว อาจจะมีการใช้วิธีขยายเข้าไปในพื้นที่ในของ ส.ป.ก. และเขตป่าสงวน นอกเหนือจากพื้นที่มีโฉนดจำนวน 4-5 แปลงที่อยู่แล้ว เพื่อให้พื้นที่ทั้งหมดของสนามแข่งเชื่อมต่อกันเป็นแผ่นเดียวกัน และกลายเป็นพื้นที่ที่ใหญ่ขึ้น เกินพื้นที่ที่มีอยู่จริง"
อย่างไรก็ตาม ขณะนี้คงต้องรอฟังการชี้แจงข้อมูลจากฝ่ายคนในครอบครัว "เตชะณรงค์" อย่างเป็นทางการอีกครั้งก่อน
โดยเฉพาะข้อมูลในส่วนของพื้นที่กว่า 100 ไร่ ที่เกินมาจากพื้นที่ที่มีโฉนดว่า สถานะของพื้นที่เหล่านี้ เป็นที่อะไร และครอบครองมาโดยวิธีการใด
เพราะลำพังแค่ประโยคคำพูด ที่ระบุว่า "ไม่รู้จริงๆว่าเป็นเขตป่าสงวนแห่งชาติ เพราะซื้อต่อมาจากชาวบ้านนานแล้ว ส่วนตัวไม่เห็นด้วยอยู่แล้วกับการบุกรุกป่าไม้ และไม่ชอบเรื่องที่ผิดกฎหมายเหมือนกัน" หรือ "หากผิดจริงพร้อมส่งคืนที่ดินให้" ของคนในครอบครัว "เตชะณรงค์" ที่ชี้แจงออกมาเบื้องต้นในขณะนี้
อาจจะยังไม่มีน้ำหนักเพียงพอ เท่ากับการแสดงหลักฐานเชิงประจักษ์ ให้คนในสังคมได้รับทราบโดยทั่วกัน
อ่านประกอบ:
รองปลัดยธ.-ทหาร ลุยสอบ น.ส.3 ก.สนามแข่งรถโบนันซ่า โผล่ในป่าสงวน
เจาะสนามแข่งรถโบนันซ่า “ภูผา เตชะณรงค์”หุ้นใหญ่-สินทรัพย์ในเครือ 3.2 พันล.