โปรดเกล้าฯ "ศรีราชา" ปธ.ผู้ตรวจการฯคนใหม่
โปรดเกล้าฯ "ศรีราชา" นั่งประธานผู้ตรวจการแผ่นดินคนใหม่ แทน "ผาณิต" ที่พ้นตำแหน่ง ส่วน "บูรณ์" เป็นผู้ตรวจการฯ
เมื่อวันที่ 31 มี.ค. นายรักษเกชา แฉ่ฉาย เลขาธิการและโฆษกสำนักงานผู้ตรวจการแผ่นดิน กล่าวว่า วันนี้ (31 มี.ค.) สำนักงานเลขาธิการวุฒิสภา ได้นำส่งสำเนาพระบรมราชโองการแต่งตั้งประธานผู้ตรวจการแผ่นดิน และผู้ตรวจการแผ่นดิน โดยแต่งตั้งให้นายศรีราชา วงศารยางกูร ดำรงตำแหน่งประธานผู้ตรวจการแผ่นดิน และแต่งตั้งให้นายบูรณ์ ฐาปนดุลย์ ดำรงตำแหน่งผู้ตรวจการแผ่นดิน เมื่อวันที่ 24 มี.ค.2558 ซึ่งรับสนองพระบรมราชโองการ โดยนายพรเพชร วิชิตชลชัย ประธานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) ทั้งนี้เนื่องจากนางผาณิต นิติทัณฑ์ประภาศ ประธานผู้ตรวจการแผ่นดิน พ้นจากตำแหน่ง ที่ประชุม สนช.ได้ให้ความเห็นชอบนายบูรณ์ เป็นผู้ตรวจการแผ่นดิน และต่อมาผู้ตรวจการแผ่นดิน ได้ประชุมและเลือกกันเอง ให้คนหนึ่งเป็นประธานผู้ตรวจการแผ่นดิน และได้เลือกนายศรีราชา เป็นประธานผู้ตรวจการแผ่นดิน
สำหรับนายศรีราชา ปัจจุบันอายุ 69 ปี จบการศึกษาครุศาสตรบัณฑิต (เกียรตินิยมอันดับสอง) จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย นิติศาสตรบัณฑิต มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ Master of Law จาก Tulane University U.S.A. และ Juris Doctor จาก Tulane University U.S.A เริ่มรับราชการในปี พ.ศ. 2514 ในตำแหน่งอาจารย์ตรี คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ จากนั้นปีพ.ศ.2522 เป็นประธานโครงการศึกษาและจัดทำหลักสูตรนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช และประธานกรรมการประจำสาขาวิชานิติศาสตร์ (คณบดี) มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช มีความก้าวหน้าในระบบราชการ จนกระทั่งเป็นรองอธิการบดีฝ่ายวางแผนและพัฒนาระบบงาน มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช ต่อมาได้รับแต่งตั้งเป็นกรรมการกฤษฎีกา เมื่อปี พ.ศ. 2540 จนถึงปี พ.ศ. 2553 และเป็นกรรมการสภาวิจัยแห่งชาติ สาขานิติศาสตร์ เมื่อปี พ.ศ. 2543 และเป็นกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิด้านกฎหมาย สภาการศึกษาแห่งชาติ จากนั้นได้รับการแต่งตั้งให้เป็นเลขาธิการสำนักงานผู้ตรวจการแผ่นดิน เมื่อปี พ.ศ. 2549 ในขณะเดียวกันได้รับการคัดเลือกให้ดำรงตำแหน่งสมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญ (ส.ส.ร. 2550) และเป็นกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญ พ.ศ. 2550 ด้วย ต่อมาได้รับพระบรมราชโองการโปรดเกล้าโปรดกระหม่อม ให้ดำรงตำแหน่งผู้ตรวจการแผ่นดิน ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2553 เรื่อยมาจนปัจจุบัน
ส่วนนายบูรณ์ ปัจจุบันอายุ 65 ปี จบการศึกษานิติศาสตรบัณฑิต จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย จบเนติบัณฑิตไทย รัฐประศาสนศาสตร์มหาบัณฑิต จากสถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ และหลักสูตรผู้บริหารกระบวนการยุติธรรมระดับสูง (บยส.14) เริ่มรับราชการในปี พ.ศ. 2523 ในตำแหน่งผู้ช่วยผู้พิพากษากระทรวงยุติธรรม จากนั้นปี พ.ศ. 2524 ดำรงตำแหน่งผู้พิพากษาศาลจังหวัดเบตง เป็นอธิบดีผู้พิพากษาศาลอาญา จากนั้นปี พ.ศ. 2554 ได้ดำรงตำแหน่งประธานศาลอุทธรณ์ ภาค 9 และภาค 3 โดยดำรงตำแหน่งผู้พิพากษาอาวุโสในศาลฎีกา.
ขอบคุณข่าวจาก