ศก.ฟื้นช้าฉุดส่งออกก.พ.ลดฮวบ 6.14%
พณ.เผยศก.ฟื้นตัวช้า-ราคาน้ำมันดิบตลาดโลกลดลง ฉุดยอดส่งออกเดือนก.พ.58ร่วง6.14%
วันนี้ (26มี.ค.58) น.ส.ชุติมา บุณยประภัศร ปลัดกระทรวงพาณิชย์ (พณ.) เปิดเผยว่า เดือน ก.พ.58 การส่งออกหดตัว 6.14% จากเดือนเดียวกันของปีก่อน โดยมีมูลค่า 17,230 ล้านเหรียญสหรัฐ ขณะที่การนำเข้าขยายตัว 1.47% มีมูลค่า 16,840 ล้านเหรียญสหรัฐ ส่งผลให้เกินดุลการค้า 390 ล้านเหรียญสหรัฐ ขณะที่ 2 เดือนแรก(ม.ค.-ก.พ.)ปี 58 ส่งออกหดตัว 4.82% มีมูลค่า 34,478 ล้านเหรียญสหรัฐ ขณะที่การนำเข้าหดตัว 6.69% มีมูลค่า 34,545 ล้านเหรียญสหรัฐ ส่งผลให้ขาดดุลการค้า 66 ล้านเหรียญสหรัฐ
น.ส.ชุติมา กล่าวว่า ปัจจัยที่มีผลสำคัญต่อการส่งออกในเดือน ก.พ.นี้มาจาก 1.สถานการณ์เศรษฐกิจโลกฟื้นตัวช้ากว่าที่คาดไว้ ทำให้ความต้องการสินค้าลดลง 2.ราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกลดลง กระทบต่อสินค้าส่งออกที่มีความต่อเนื่องกับน้ำมัน รวมทั้งราคาสินค้าเกษตรยังไม่ฟื้นตัว และราคาทองคำที่ผันผวนส่งผลกระทบต่อมูลค่าการส่งออก 3.เงินบาทแข็งค่าเมื่อเทียบกับประเทศคู่ค้าและประเทศคู่แข่ง โดยเฉพาะญี่ปุ่นและสหภาพยุโรป ส่งผลให้สินค้าไทยในสายตาของผู้ซื้อในตลาดเหล่านี้แพงขึ้น
"ปัจจัยเหล่านี้ไม่ใช่ไทยประเทศเดียวที่เจอ หลายประเทศติดลบมากกว่าเราเสียอีก ประเทศไทยอยู่ในสภาวะกลางๆ" น.ส.ชุติมา ระบุ
ปลัดพณ. กล่าวว่า การส่งออกของไทยในปีนี้ยังสามารถขยายตัวเป็นบวกได้ แต่จะได้ตามเป้าหมายที่ 4% หรือไม่นั้นต้องขอสรุปตัวเลขการส่งออกในช่วงไตรมาส 1 นี้ก่อน ขณะเดียวกันยังมีการนำเข้าในส่วนของสินค้าวัตถุดิบ และสินค้าทุน ซึ่งเป็นตัวชี้ว่ายังมีการผลิตเพื่อส่งออกอย่างต่อเนื่องจากที่ได้ประชุมร่วมกับทูตพาณิชย์เชื่อว่าขยายตัวแน่ รอให้สิ้นไตรมาสนี้ก่อนจะมาทบทวนตัวเลขและจะแถลงให้ทราบว่าเป้าส่งออกปีนี้เท่าไร ขอเวลารวบรวมตัวเลขก่อน แต่จากที่ได้รายงานมาเรามีความหวังว่าการส่งออกมีโอกาสขยายตัวแน่นอน"
ปลัดพณ. กล่าวอีกว่า สิ่งที่กระทรวงพาณิชย์จะต้องดำเนินการต่อจากนี้ คือ การส่งเสริมการค้าและทำการค้าในเชิงกลยุทธ์มากขึ้น การอำนวยความสะดวกทางการค้าให้มากขึ้น ทั้งด้านโลจิสติกส์และพิธีการทางศุลกากร โดยจะนำเสนอต่อคณะกรรมการพัฒนาการส่งออก ที่มีนายกรัฐมนตรีเป็นประธาน เพื่อให้มีการแก้ไขปัญหาอย่างเป็นรูปธรรม การเจราจาเพื่อแก้ปัญหาการค้าในระยะสั้นผ่านผู้แทนการค้าของ 2 ฝ่ายจากแต่ละประเทศ และเพิ่มการทำ FTA กับประเทศใหม่ๆ ขณะเดียวกันจะเพิ่มช่องทางการค้าผ่านระบบ E-commerce พัฒนาสินค้าให้ตอบสนองการเปลี่ยนแปลงของตลาด และพัฒนาศักยภาพของ SMEs ให้สามารถขยายการค้าไปยังต่างประเทศได้มากขึ้น
ขอบคุณข่าวจาก