ชง4เเนวทางปฏิรูป-พิทักษ์กิจการพุทธศาสนา
'ไพบูลย์'ชงอีก4เเนวทางปฏิรูป-พิทักษ์กิจการพุทธศาสนา
22มี.ค.2558นายไพบูลย์ นิติตะวัน ประธานคณะกรรมการปฏิรูปแนวทางและมาตรการปกป้องพิทักษ์กิจการพระพุทธศาสนาสภาปฏิรูปแห่งชาติ (สปช.) กล่าวว่าทางคณะกรรมการฯ ได้ส่งรายงานเรื่อง ผลการพิจารณาศึกษาการปฏิรูปแนวทางและมาตรการปกป้องพิทักษ์กิจการพระพุทธศาสตร์ ต่อ สปช.แล้ว เบื้องต้นคาดว่าจะเข้าสู่การพิจารณาของสปช. ได้ในวันที่ 24 มี.ค. นี้
สำหรับประเด็นสำคัญคือการศึกษาของคณะกรรมการฯ เป็นไปตามกรอบความเห็นปฏิรูปประเทศไทย ด้านอื่นๆของสำนักงานปลัดกระทรวงกลาโหม ที่ระบุว่าต้องมีการส่งเสริมให้ศาสนาเป็นยุทธศาสตร์สำคัญในการพัฒนาคน สังคมและประเทศชาติให้มีความมั่นคง
จากการประชุมหารือกันจำนวน 5 ครั้ง พบ 4 ปัญหาสำคัญ คือ 1.ทรัพย์สินของวัดหรือของพระสงฆ์ที่ไม่มีการตรวจสอบ หรือการเปิดเผยทรัพย์สิน จนทำให้พระสงฆ์จำนวนมากมุ่งแสวงประโยชน์เข้าสู่ตนเองมากกว่าศึกษาธรรมและปฏิบัติธรรมตามแก่นแท้ของพระพุทธศาสนา
2.ปัญหาของสงฆ์ที่ไม่ปฏิบัติตามพระธรรมวินัย จนกลายเป็นความเสื่อมศรัทธา ทั้งนี้มีสาเหตุจากปัญหาการปกครองของคณะสงฆ์ที่เป็นแบบรวมศูนย์และการศึกษาคณะสงฆ์
3.การทำให้พระธรรมวินัยให้วิปริต และการประพฤติปฏิบัติวิปริตจากพระธรรมวินัย เช่น กรณีของวัดพระธรรมกายที่มีแนวทางคำสอนที่ขัดแย้งกับพระธรรมวินัยที่ร้ายแรง มีการชักจูงประชาชนให้เชื่อว่า บุญ คือ สินค้า รวมถึงยังมีพฤติกรรมรับเงินบริจาคที่มาโดยมิชอบ 4.ฝ่ายอาณาจักรต้องสนับสนุน ปกป้อง คุ้มครองกิจการของฝ่ายศาสนจักร โดยการจัดโครงสร้างการปกครองคณะสงฆ์ที่มีความคล่องตัว
นอกจากนี้ทางคณะกรรมการฯ ยังได้เสนอข้อเสนอแนะเพื่อการปฏิรูปแนวทางและมาตรการปกป้องพิทักษ์กิจการพระพุทธศาสตร์ ต่อ สปช. ให้มีการเสนอร่างพระราชบัญญัติ ว่าด้วยการจัดการทรัพย์สินของวัดและพระภิกษุ โดยอย่างน้อยต้องมีกลไกหลักในการดำเนินงาน คือการจัดทำงบบัญชีทรัพย์สินของวัด ทรัพย์สิน เงินทอง รายได้
รวมถึงผลประโยชน์อื่นที่ได้มาจากการดำเนินงานภายใต้ร่มกาสาวพัสตร์ ย่อมตกเป็นของพระพุทธศาสนา ไม่ใช่ทรัพย์สินส่วนตัวของบุคคล พระสงฆ์หรือวัดใด
การบริหารจัดการทรัพย์สิน เงินทอง รายได้ ของวัดและพระ ควรให้พุทธบริษัททั้ง4 ได้แก่ ภิกษุ ภิกษุณี อุบาสก และอุบาสิกา มีส่วนร่วมเพื่อให้เกิดความโปร่งใสและแก้ไขประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1623 ที่กำหนดให้ทรัพย์สินของพระภิกษุที่ได้มาระหว่างอยู่ในสมณเพศนั้น เมื่อพระภิกษุนั้นถึงแก่มรณภาพให้ตกเป็นสมบัติของวัดที่เป็นภูมิลำเนาของพระภิกษุนั้น
เเละมีการเสนอให้แก้กฎหมายมหาเถรสมาคม ฉบับที่ 24 พ.ศ.2541 ว่าด้วยการแต่งตั้งถอดถอนพระสังฆาธิการ หรือ พ.ร.บ.คณะสงฆ์ พ.ศ.2505 ในสาระสำคัญว่าด้วยการกระจายอำนาจในการปกครองคณะสงฆ์ แทนการปกครองแบบรวมศูนย์อำนาจ โดยคณะสงฆ์ที่อยู่ในวัดและพุทธศาสนิกชนรอบวัดร่วมกันดูแลกิจการพุทธศาสนา ขณะที่การแต่งตั้งถอดถอนเจ้าอาวาส ต้องเป็นไปตามพระธรรมวินัย ต้องมีกลไกนำหลักปฏิบัติตามพุทธบัญญัติที่ทรงไว้ซึ่งความดี ความถูกต้องและบริสุทธิ์ของพระพุทธศาสนามาปฏิบัติ เพื่อไม่ให้มีการบิดเบือนหรือแอบอ้างพระธรรมวินัย
ในส่วนของการปฏิรูปการศึกษาของคณะสงฆ์ต้องปรับให้ทันเหตุการณ์ โดยราชการต้องให้ความสำคัญด้านการศึกษาของคณะสงฆ์ด้วย โดยเฉพาะศึกษาปริยัติธรรม,แผนกบาลีและแผนกธรรมไม่ได้ปรับปรุงแก้ไข ทำให้ค่านิยมในหมู่พระภิกษุ สามเณร และเยาวชนลดลง
ขอบคุณข่าวจาก