“แม่สมปอง” เผยคนเชื่อมั่น คปร.น้อย ต้องเร่งสร้างรูปธรรม แก้ปัญหาไม่ได้ยินดีออก
ประชุมนัด 2 คกก.ปฏิรูปชุดอานันท์ วางกรอบการทำงาน-รวบรวมปัญหาคาด 4 สัปดาห์ แม่สมปอง แกนนำชาวบ้านใน คกก.บอกเป็นการเปิดพื้นที่คนรากหญ้าที่สุด แต่ต้องเร่งสร้างรูปธรรมคนจึงเชื่อถือ หากแก้ปัญหาไม่ได้จะถอนตัว 16 ก.ค.สมัชชาคนจนเตรียมทวงถาม 13 กรณีปัญหารวมเขื่อนปากมูลกับรัฐบาล
เมื่อวันที่ 13 กรกฎาคม นางสมปอง เวียงจันทร์ หนึ่งในคณะกรรมการปฏิรูปประเทศ (คปร.) ที่มี นายอานันท์ ปันยารชุน เป็นประธาน เปิดเผยกับโต๊ะข่าวเพื่อชุมชนก่อนการประชุมคณะกรรมการฯ ที่บ้านพิษณุโลกว่า ประเด็นหลักในการประชุมวันนี้คือการวางกรอบการทำงานให้มีความชัดเจนและรวบรวมปัญหาเชิงพื้นที่และข้อเสนอจากเวทีต่างๆ ซึ่งคาดว่าต้องใช้เวลาอีกประมาณ 3-4 สัปดาห์จึงจะแล้วเสร็จ ทั้งนี้ในส่วนของปัญหาสมัชชาคนจนที่ตนขับเคลื่อนอยู่อาจต้องรอแนวโน้มของรัฐบาลก่อนสรุปแนวทางแก้ไขเพื่อนำเสนอเข้าสู่คณะกรรมการ
“คนป่วยในประเทศไทยมีเยอะ คณะกรรมการฯต้องเป็นหมอรักษาให้หาย เราต้องหาทางออกให้สังคมอย่างกระจ่างและหลุดออกจากคำวิพากษ์วิจารณ์ว่ามีเบื้องหลังเป็นนักการเมือง ถ้าทำเป็นรูปธรรมได้ เท่ากับเริ่มแก้ปัญหาได้เปราะหนึ่ง แต่ถ้ายังไม่ชัดเจนยากที่จะให้คนเชื่อถือและเข้าร่วม”
นางสมปอง กล่าวต่อไปว่า เรื่องเร่งด่วนที่ต้องรีบทำก่อนคือ ปัญหาปากท้องเนื่องมาจากการเข้าไม่ถึงทรัพยากรธรรมชาติโดยเฉพาะปัญหาที่ดินทำกินที่อยู่อาศัย ทั้งคดีและการเปิดพื้นที่ให้ชาวบ้านมีส่วนร่วมจัดสรรทรัพยากร นอกจากนั้นเป็นเรื่องปากท้องอื่นๆ สุดท้ายคือการสร้างความมั่นคงของชาติให้ยั่งยืน ประชาชนอยู่ดีกินดีต่อไปในอนาคต
ตัวแทนชาวบ้านที่เข้าร่วมเป็นหนึ่งในคณะกรรมการปฏิรูปประเทศ กล่าวถึงความหวังต่อการปฏิรูปประเทศว่า หากมองในภาพใหญ่ตามเจตนารัฐบาลคือการปรองดอง ขณะนี้ยังมองไม่ออกเช่นกัน แต่ในมุมของตนเชื่อว่าการทำให้คนรากหญ้าเข้ามามีโอกาสและพื้นที่มากที่สุดคือความหวังที่เป็นไปได้ และมีเค้าลางให้เห็นบ้างแล้ว ที่ผ่านมาคนจนหรือคนชนบทไม่มีช่องทางลักษณะนี้
“การปฏิรูปสำเร็จหรือไม่ขึ้นอยู่กับแรงกระตุ้นจากเพื่อนๆเครือข่ายของเราด้วยว่ามีมากน้อยแค่ไหน ถ้ามีแรงเหวี่ยงมากพอก็เป็นสิ่งดีเปลี่ยนแปลงประเทศได้ ฉะนั้นเมื่อมีโอกาสต้องรีบทำ รีบดึงมือกันมาก่อน ค่อยคิดต่อว่าจะวางโครงสร้างการปฏิรูปอย่างไร แต่ที่ต้องระวังคือต้องไม่ตกเป็นเครื่องมือนักการเมือง”
นางสมปอง กล่าวอีกว่า การทำหน้าที่เป็นตัวแทนชาวบ้าน เป็นสิ่งที่ตนเองทำมาตลอด 20 ปีอยู่แล้ว เพียงแต่ที่ผ่านมา ไม่ได้เป็นทางการเท่าครั้งนี้ แต่ช่วยเป็นกลไกถ่วงดุลการทำงานระหว่างคณะกรรมการชุดต่างๆ รัฐ และประชาชน ทั้งนี้หากการทำหน้าที่ในครั้งนี้ไม่เป็นไปตามเจตนาเดิมเพื่อลดความเหลื่อมล้ำสร้างความเป็นธรรมได้ ชาวบ้านก็ไม่เห็นดีด้วย เมื่อไม่มีเจ้าของปัญหาหนุนหลัง ตนก็ยินดีถอย
นางสมปอง ยังกล่าวถึงความคืบหน้ากรณีเขื่อนปากมูลซึ่งชาวบ้านใช้ระยะเวลาต่อสู้ยาวนานกว่า 20 ปีว่า เครือข่ายฯเรียกร้องให้การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย(กฟผ.) ทำตามมติคณะรัฐมนตรี 15 มิ.ย.ที่ให้เปิดประตูเขื่อนทั้ง 8 บานให้ชาวบ้านทำประมงปีละ 4 เดือน แต่จนถึงตอนนี้ยังไม่มีความคืบหน้า ทั้งนี้วันที่ 16 ก.ค.สมัชชาคนจนจะทวงถามความคืบหน้าในการแก้ไข 12 กรณีปัญหารวมทั้งเขื่อนปากมูลต่อรัฐบาล
โดยกรณีปัญหาทั้งหมดของสมัชชาคนจน ซึ่งเป็นการรวมตัวของกลุ่มปัญหาชาวบ้านรากหญ้าที่มากที่สุด ได้แก่ 1.เร่งรัดการเปิดประตูเขื่อนปากมูล ตามมติ ค.ร.ม. 2.ปัญหาเครือข่ายกลุ่มผู้ป่วยจากการทำงานและสิ่งแวดล้อม โดยให้มีการจัดตั้งคณะทำงานเตรียมความพร้อมยกร่างสถาบันสิ่งแวดล้อมในการทำงาน, การดูแลผู้ได้รับผลกระทบจากโรงไฟฟ้าแม่เมาะ จ.ลำปาง, การเข้าถึงสิทธิกองทุนทดแทนและคลินิก 3.กระบวนการสำรวจที่สาธารณประโยชน์ “ดอนดินดำ” จ.ขอนแก่น 4.ตรวจสอบพื้นที่ความเสียหายของชาวบ้านและออกหนังสือสำคัญสำหรับที่หลวง(นสล.)ในที่สาธารณประโยชน์ ต.หนองยาโต๊ะ จ.ลพบุรี 5.การเพิกถอนที่ดินโคกหนองกุ้ง จ.กาฬสินธุ์ โดยไม่ได้กันชาวบ้านออกจากพื้นที่ก่อน
6.ส่งมอบพื้นที่โนนหนองลาด จ.ขอนแก่นประมาณ 1,000 ไร่ ให้สำนักงานปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรมดำเนินการ ภายหลังมีการตรวจสอบและทำแนวเขตใหม่ 7.น้ำท่วมนาข้าวโนนหนองลาด จ. ขอนแก่น 8.ให้เทศบาล อ.น้ำพอง จ.ขอนแก่นยกเลิกการใช้พื้นที่และคืนให้ราชพัสดุหนองน้ำขุ่น 9.อุทยานแห่งชาติภูพาน จ.กาฬสินธุ์ 10.สวนป่าหนองเยาะ จ.สุรินทร์ 11.สวนป่าดงมะไฟ จ.ยโสธร 12.เขื่อนท่าแซะ จ.ชุมพร และ 13.ปัญหาที่ดินในเครือข่ายประมงพื้นบ้านภาคใต้.