"สหกรณ์ฯคลองจั่น"ถอนฟ้อง"ธรรมกาย"เคลียร์คดีสำเร็จ
ศาลจังหวัดธัญบุรี ไกล่เกลี่ยสำเร็จ ยุติข้อพิพาท "สหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนคลองจั่น" ยอมถอนฟ้อง "วัดพระธรรมกาย-ธัมมชโย" หลังทางวัดยินดีจ่ายเงิน 600 กว่าล้านบาทให้สหกรณ์ฯ นำไปฟื้นฟูกิจการ
เมื่อวันที่ 16 มี.ค. ที่ศาลจังหวัดธัญบุรี ศาลนัดไกล่เกลี่ยคู่ความในการติดตามทรัพย์ ระหว่างโจทก์คือสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนคลองจั่น กับนายศุภชัยศรีศุภอักษร อดีดประธานสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนคลองจั่น จำเลยที่ 1 พระราชภาวนาวิสุทธิ์หรือพระเทพญาณมหามุณี หรือธัมมชโย จำเลยที่ 2 และวัดพระธรรมกาย จำเลยที่ 3 ซึ่งก่อนหน้านี้นายศุภชัยศรี ศุภอักษรได้สั่งจ่ายเช็คของสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยคลองจั่นจำกัด จำนวน 13 ฉบับ เป็นจำนวนเงิน 684.78 ล้านบาท ไปทำบุญถวายวัดพระธรรมกาย และพระราชภาวนาวิสุทธิ์หรือพระเทพญาณมหามุนี
โดยศาลได้ใช้เวลาในการไกลเกลี่ยนาน กว่า 4 ชม.จึงแล้วเสร็จ ภายหลังนางประภัสสร พงศ์พันธุ์พิศาล เลขานุการและกรรมการสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนคลองจั่น จำกัด กล่าวว่า ในวันนี้มีการประนีประนอมไกล่เกลี่ยคดีระหว่างสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยน คลองจั่น จำกัดกับวัดพระธรรมกาย และพระธัมมชโยซึ่งสามารถไกล่เกลี่ยได้ข้อยุติคือ ศิษย์วัดพระธรรมกายนำเงินที่ได้จากการตั้งกองทุนมาให้สหกรณ์เพื่อเยียวยาความเดือดร้อนของสมาชิกเป็นเงิน 684,780,000 บาท ซึ่งเป็นยอดเงินที่ไกล่เกลี่ยตรงกันแล้วเบื้องต้นวันนี้ได้ชำระงวดแรก 100 ล้านบาทก่อน ส่วนที่เหลือลูกศิษย์จ่ายเป็นเช็คล่วงหน้าไว้งวดสุดท้ายจะสิ้นสุดวันที่ 31 ส.ค.นี้ และจากผลของการไกล่เกลี่ยวันนี้ สหกรณ์ได้ถอนฟ้อง ตามคดีแพ่งหมายเลขดำที่พ 736 / 2557 และไม่ประสงค์ดำเนินคดีทั้งทางคดีแพ่งหรือคดีอาญา เฉพาะกรณีวัดพระธรรมกายและพระราชภาวนาวิสุทธิ์หรือพระเทพญาณมหามุนี ส่วนจำนวนหนี้ที่ยังไม่ได้รับการชำระจากบุคคลอื่นที่เกี่ยวข้อง ทางสหกรณ์ฯยังคงดำเนินคดีกับบุคคลดังกล่าวเพื่อติดตามนำเงินมาคืนสหกรณ์ต่อไป
นางประภัสสร กล่าวอีกว่า สหกรณ์ได้มอบหนังสือขอบคุณ เป็นการตอบแทนศิษย์ที่เยียวยาความเดือดร้อนครั้งนี้ด้วย หลังจากนี้สหกรณ์จะไปยื่นหนังสือต่อสำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) และกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ)เพื่อแสดงเจตนารมย์ว่าสหกรณ์ไม่ติดใจดำเนินคดีกับวัดพระธรรมกาย และพระธัมมชโยอีก อย่างไรก็ตามวงเงินกว่า 684 ล้านบาท เป็นการเบิกจ่ายเช็คจำนวน 13 ฉบับยังเหลือเงินอีก 130 ล้านบาทที่สหกรณ์ได้ฟ้องร้องกับนายศุภชัย ศรีศุภอักษรอดีตประธานกรรมการดำเนินการสหกรณ์ฯ และยังไม่ถอนฟ้อง เพราะยังไม่มีการเจรจาเพื่อชำระคืน หลังจากนี้จะนำเงินดังกล่าวเข้าสู่ระบบเยียวยาและฟื้นฟูกิจการ
ด้านนายฐปณวัชร์ สระสม ทนายที่ปรึกษากฎหมายสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยน คลองจั่นฯ กล่าวว่า สำหรับคดีในส่วนวัดพระธรรมกายและพระธัมมชโย ซึ่งเป็นจำเลยที่ 2 และ 3 ในคดีทางแพ่งถือว่ายุติ และถอนฟ้องไปแล้ว โดยการยื่นฟ้องคดีดังกล่าวเป็นการยื่นฟ้องเป็นเงิน 814 ล้านบาท โดยกำหนดนำเงินมาให้รวม 6 งวด งวดแรกกำหนดในวันที่ 16 มีนาคม 2558 เป็นเงิน 100 ล้านบาทส่วนที่เหลือจากนำมามอบให้เดือนละ 100 ล้านบาท และ งวดสุดท้ายจำนวน 184.78 ล้านบาท ในส่วนจำนวนอีก 130 ล้านบาท ที่ยังคงดำเนินคดีกับนายศุภชัย จำเลยที่ 1 ติดตามทรัพย์ต่อไป
ขณะที่นายสัมพันธ์ เสริมชีพ ทนายความวัดพระธรรมกาย กล่าวสั้น ๆ ว่ากลุ่มศิษย์รู้สึกเห็นใจสมาชิกสหกรณ์จึงต้องการช่วยเหลือเยียวยา และเห็นว่าเงินจำนวนดังกล่าวน่าจะสามารถบรรเทาความเดือนร้อนได้บ้าง
ต่อมาในช่วงบ่าย นายฐปณวัชร์ พร้อมทีมทนายของสหกรณ์ฯ ได้เดินทางเข้ายื่นหนังสือ ถึงอธิบดีดีเอสไอโดยมี นายพงศ์ศักดิ์ ฐิติวรรณ พนักงานสอบสวนชำนาญการพิเศษ เป็นผู้รับเรื่อง โดยหนังสือได้แจ้งความประสงค์ไม่ดำเนินคดีแพ่งและคดีอาญากับวัดพระธรรมกาย และพระธัมมชโย เนื่องจากมีการไกล่เกลี่ย และคืนเงินเป็นที่น่าพอใจแล้ว จึงไม่ติดใจที่จะดำเนินคดี
ด้านพ.ต.ต.วรณัน ศรีล้ำ ผอ.ศูนย์บริหารคดีพิเศษ ในฐานะโฆษกดีเอสไอ เปิดเผยว่า การยื่นหนังสือไม่ประสงค์เอาผิดกับพระธัมมชโย และวัดพระธรรมกายของสหกรณ์ไม่ มีผลต่อการสอบสอนดำเนินคดีของดีเอสไอขณะนี้ เพราะดีเอสไอยังไม่มีการตั้งข้อ กล่าวหากับพระธัมมชโยเป็นเพียงการออกหมายเรียกเพื่อเข้าให้ปากคำในฐานะพยาน ซึ่งยืนยันว่าพระธัมมชโยยังต้องเข้าให้ปากคำกับดีเอสไอตามกำหนดนัดในวัน ที่26 มี.ค.นี้
ขณะที่พล.อ.ไพบูลย์ คุ้มฉายา รมว.ยุติธรรม กล่าวถึงกรณีดังกล่าวว่า หากคดีใดที่สามารถยอมความได้ก็ให้ยอมความแต่คดีอาญาที่ยอมความไม่ได้ก็ต้อง เป็นไปตามกระบวนการสอบสวนตามกฎหมาย ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า หลังยื่นหนังสือให้ดีเอสไอเสร็จแล้ว ฝ่ายทีมทนายสหกรณ์ ยังได้เดินทางไปยื่นหนังสือต่อสำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน(ปปง.) เพื่อแสดงความประสงค์ไม่ดำเนินคดีแพ่งและอาญากับวัดพระธรรมกายและพระธัมมชโยอีกด้วย.
ขอบคุณข่าวจาก