รองโฆษกฯ ย้ำรัฐบาลทำตามกม. ปกป้องพื้นที่มรดกโลก“ดงพญาเย็น-เขาใหญ่”
รองโฆษกประจำสำนักนายกฯ ระบุกรณีข้อพิพาทด้านการใช้ที่ดินกับประชาชนในพี้นที่ 6 หมู่บ้าน ของจ.บุรีรัมย์ ทำไปตามตามคำพิพากษา ของศาล หลังรัฐบาลอดีตให้เอกชนได้สัมปทาน ต่อมาหมดอายุลง จนชาวบ้านเข้าไปบุกรุกปลูกสวนยาง ย้ำชัดไม่ได้เป็นการกลั่นแกล้งหรือละเมิดต่อสิทธิแต่อย่างใด
พล.ต.สรรเสริญ แก้วกำเนิด รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่สำนักข้าหลวงใหญ่เพื่อสิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติ(OHCHR) ภูมิภาคเอเชียตะวันออกเชียงใต้ ออกแถลงการณ์แสดงความเป็นห่วงสถานการณ์สิทธิมนุษยชน ในกรณีข้อพิพาทด้านการใช้ที่ดินกับประชาชนในพี้นที่ 6 หมู่บ้าน ของจังหวัดบุรีรัมย์ ที่เป็นการทำลายพืชผลของชาวบ้านและเข้าข่ายกระทบต่อสิทธิมนุษยชน รวมทั้งสิทธิในที่อยู่อาศัยนั้น ได้ตรวจสอบแล้วปรากฏข้อเท็จจริงว่า พื้นที่ดังกล่าวเป็นเขตอุทยานแห่งชาติป่าดงใหญ่ อ.โนนดินแดง จังหวัดบุรีรัมย์ ซึ่งเป็นพื้นที่ลุ่มน้ำชั้น 1 ซึ่งต้องได้รับการอนุรักษ์ ไว้ให้เป็นป่าต้นน้ำที่มีความสมบูรณ์ และได้ถูกประกาศเป็นพื้นที่ "มรดกโลกทางธรรมชาติ" จากองค์การยูเนสโก ภายใต้ชื่อกลุ่ม “ดงพญาเย็น-เขาใหญ่” เมื่อปี 2548 ที่ผ่านมา
กรณีพิพาทที่เกิดขึ้นเป็นผลสืบเนื่องจากนโยบายของรัฐบาลในอดีตที่อนุญาตให้เอกชนเข้าไปสัมปทานใช้พื้นที่ทำประโยชน์ในด้านการเกษตรซึ่งต่อมาสัมปทานเหล่านั้นได้ทยอยหมดอายุลง เป็นเหตุให้ประชาชนต่างพื้นที่ที่ได้รับการสนับสนุนจากแกนนำรวมตัวกันบุกรุกใช้ประโยชน์ในพื้นที่ดังกล่าวโดยส่วนใหญ่เป็นการปลูกสวนยางพาราเชิงพาณิชย์
ขณะที่รัฐบาลชุดนี้ไม่มีนโยบายให้มีการสัมปทานหรือเข้าไปใช้ประโยชน์ในลักษณะเช่นนั้นอีก เพื่อสงวนรักษาทรัพยากรธรรมชาติให้แก่ประชาชนส่วนใหญ่โดยรวม จึงต้องมีการร้องขอให้ประชาชนผู้บุกรุกเหล่านั้นออกจากพื้นที่ เพราะการปลูกพืชจะมีทั้งการใช้สารเคมีกำจัดศัตรูพืช และปุ๋ยเคมีซึ่งจะปนเปื้อนลงไปในแหล่งน้ำที่จะส่งผลกระทบต่อประชาชนจำนวนมาก โดยเฉพาะป่าดงใหญ่ถือเป็นป่าต้นน้ำสำคัญที่หล่อเลี้ยงหลายจังหวัดในภาคอีสาน
ทั้งนี้การดำเนินการของเจ้าหน้าที่รัฐดังกล่าวเป็นไปตามคำพิพากษาของศาล มิได้เป็นการกลั่นแกล้งหรือละเมิดต่อสิทธิของประชาชนแต่อย่างใด ในทางตรงกันข้ามหากเจ้าหน้าที่ไม่ปฏิบัติ จะถือเป็นการละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ และการปล่อยปละเลยให้มีการบุกรุกอาจเป็นการสร้างบรรทัดฐานที่ไม่ถูกต้องให้เกิดขึ้นในสังคมไทยอีกด้วย
"ทุกสิ่งที่รัฐบาลทำอยู่ในกรอบของกฎหมาย คำนึงถึงประโยชน์ของประชาชนเป็นส่วนรวม ดังนั้นอยากขอเรียกร้องให้หน่วยงานที่มาแสดงความคิดเห็นได้ตรวจสอบข้อมูลข้อเท็จจริงที่ถูกต้อง และแสดงความคิดเห็นบนบรรทัดฐานที่ยอมรับได้"