"ปราบดา หยุ่น" ชี้หนังสือเปิดโลกทันศน์ สร้างแรงบันดาลใจ ให้เด็กได้
สมาคมผู้จัดพิมพ์และผู้จำหน่ายหนังสือฯ เตรียมจัดสัปดาห์หนังสือ ครั้งที่ 43 และสัปดาห์หนังสือนานาชาติ ครั้งที่ 13 ระหว่างวันพฤหัสบดีที่ 26 มีนาคม – วันจันทร์ที่ 6 เมษายน พ.ศ. 2558
เมื่อเร็วๆ นี้ สมาคมผู้จัดพิมพ์และผู้จำหน่ายหนังสือแห่งประเทศไทย (PUBAT) ประกาศความพร้อมจัด “งานสัปดาห์หนังสือแห่งชาติ ครั้งที่ 43 และสัปดาห์หนังสือนานาชาติ ครั้งที่ 13 (43rd Nation Book Fair and 13th Bangkok International Book Fair 2015)” ระหว่างวันพฤหัสบดีที่ 26 มีนาคม – วันจันทร์ที่ 6 เมษายน พ.ศ. 2558
ภายในงานมีการเสวนาเรื่อง “เพราะเป็นเด็กจึงเจ็บปวด” ณ ห้อง Meeting Room 3 ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์
นายจรัญ หอมเทียนทอง นายกสมาคมผู้จัดพิมพ์และผู้จำหน่ายหนังสือแห่งประเทศไทย (PUBAT) กล่าวว่า ในฐานะองค์กรที่มีภารกิจสำคัญในการส่งเสริมการอ่าน เล็งเห็นว่าหนังสือและการอ่านถือเป็นส่วนหนึ่งในการร่วมสร้างประเทศอย่างมั่นคง มั่งคั่ง ยั่งยืน เพราะคนถือเป็นทรัพยากรที่สำคัญที่สุดของการที่จะพัฒนาประเทศในทิศทางต่างๆ ถ้าคนในชาติอ่านมากขึ้น ก็จะมีความรู้ ความคิด และวิจารณญาณในการพิจารณาประเด็นต่างๆ เพิ่มขึ้นเพื่อพัฒนาตัวเอง จึงจำเป็นต้องอ่านหนังสือให้มากขึ้นกว่านี้ เพื่อเป็นส่วนสำคัญที่จะช่วยให้ประเทศก้าวเดินได้อย่างมั่นคง
นายกสมาคมผู้จัดพิมพ์ฯ ได้ยกตัวอย่างกลอน “เด็กเอ๋ยเด็ก รู้ไหม ยายคนนั้น ถึงงกงัน งุ่มง่าม ตามประสา ถึงยากจน เข็ญใจ วัยชรา แกก็เป็น มารดา ของบางคน” จากท่านพระราชธรรมนิเทศ (เพียร ไตติลานนท์) เปรียบเปรยให้เห็นว่า เพียงแค่อ่านกลอนก็เข้าใจสิ่งต่างๆมากกว่าคำบอกเล่าจากผู้ใหญ่ ดังนั้นบางครั้งหนังสือจึงสอนเด็กได้โดยผู้ใหญ่ไม่จำเป็นต้องสอน เพราะบางครั้งผู้ใหญ่ในวันนี้อาจจะต้องการให้ผู้ใหญ่ในวันหน้า โตตามแบบมายาคติของผู้ใหญ่ในวันนี้ก็ได้
ด้านนายปราบดา หยุ่น อุปนายกสมาคมฯ และประธานจัดนิทรรศการ “เพราะเป็นเด็กจึงเจ็บปวด” กล่าวว่า หนังสือเป็นช่องทางหนึ่งที่ให้ทางออกสำหรับเด็กได้มากที่สุด มากกว่าการให้ของผู้ใหญ่แต่ฝากเดียว หนังสือทำให้เด็กได้พบคำตอบ ความคิด มุมมองที่สะท้อนอะไรบางอย่างของสังคมผ่านหนังสือ ในบางครั้งอาจจะดีกว่าการรับฟังอย่างเดียว
“หนังสือบางเล่มที่อ่านเมื่อตอนเด็กอาจจะทำให้เปิดโลกทัศน์ เป็นแรงบันดาลใจ และเด็กจะได้เห็นอะไรหลายอย่างที่ไม่ได้พบจึงเจอ” นายปราบดา กล่าว และว่า วัยเด็ก เป็นช่วงเวลาที่ยาวนาน และเป็นช่วงสำคัญมากๆที่จะปลูกฝังเยาวชน ให้มีพื้นฐานความคิด ปัญญา ในการที่จะเติบโตเป็นผู้ใหญ่
นายปราบดา กล่าวถึงการจัดนิทรรศการ “เพราะเป็นเด็กจึงเจ็บปวด” ในงานสัปดาห์หนังสือแห่งชาติ ด้วยว่า การจะดึงเรื่องความเจ็บปวด หลายครั้งตัวเด็กจะถูกยัดเยียดความคิด ประสบการณ์ มุมมอง ทัศนคติต่างๆจากผู้ใหญ่ที่มีทั้งดีและไม่ดี การฝากความหวังของประเทศไว้กับเด็ก การเรียนจะต้องสอบได้คะแนนดี จึงเป็นแรงกดดันสำหรับเด็ก จึงพยายามเอาความเจ็บปวดเหล่านี้มาเผยแพร่ในนิทรรศการ
ส่วนนายสุชาติ สวัสดิ์ศรี ศิลปินแห่งชาติสาขาวรรณศิลป์ และที่ปรึกษานิทรรศการ “เพราะเป็นเด็กจึงเจ็บปวด” กล่าวว่า มีภาพเด็ก 3 คน คือเด็กคนหนึ่งเอามีปิดตา เด็กคนที่ 2 เอามือปิดปาก และเด็กคนที่ 3 เอามีอุดหู นั้นแหละที่เรียกว่าเด็กดี เด็กก็คือเด็ก พอมีคำว่าดี จึงต้องมีเครื่องหมายคำถามตามมา (?) เพราะคำคุณศัพท์ที่ขยายคำว่าเด็ก ไม่ว่าจะขยายเป็น เด็กดี เด็กที่ดี เด็กดีมาก ตามภาษาไทย เป็นเรื่องที่มีเครื่องหมายคำถาม อาจจะเป็นเพราะว่าผู้ใหญ่คาดหวัง ผู้ใหญ่สร้างแบบว่าเด็กดีต้องเป็นอย่างนั้น อย่างนี้ เป็นต้น
นายสุชาติ ยังกล่าวอีกว่า เพราะสังคมไทยเป็นสังคมยัดเยียด ปลูกฝังแต่สิ่งที่พ่อแม่ต้องการให้กับตัวเด็ก ส่วนตัวเด็กเองได้แต่ทำตามโดยไม่ได้เสนอความคิดเห็น หรือแสดงความต้องการว่าอยากทำหรือไม่ จึงทำให้เกิดความเจ็บปวด เพราะประโยคที่ว่า “โตขึ้นไปต้องเป็นเด็กดี ต้องเชื่อฟังพ่อแม่”
เด็กดีมีเครื่องหมายคำถาม เพราะเป็นเด็กจึงเจ็บปวด จึงเติบคำที่ไม่มีอยู่ในนิทรรศการให้เป็น “เพราะเป็นเด็กดีจึงเจ็บปวด” คำว่า “ดี” เป็นคำที่มีความหมายเชิงสรรทัศน์ ขึ้นกับบุคคล พื้นที่ เวลา เพราะฉะนั้น มีคำว่าดีชั่ว บาปบุญ หรืออะไรทำนองนี้ เป็นความหมายเชิงสรรทัศน์ทั้งสิ้น ความดีของคนคนหนึ่ง อาจจะไม่ดีของคนคนหนึ่งก็ได้ เด็กไม่ว่าจะยุคสมัยไหนก็ถูกคาดหวังกับพ่อแม่ว่าโตไปต้องเป็นเด็กดี และสิ่งสำคัญที่จะทำให้เด็กเป็นคนดีได้คือสังคมรอบข้างในปัจจุบัน
ทั้งนี้ภายในงายยังมีนิทรรศการเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี “เทพรัตนจีนปริวรรตปรีชา”, นิทรรศการรางวัลพานแว่นฟ้าเฉลิมพระเกียรติ เนื่องในโอกาสครบ 120 ปี แห่งวันพระบรมราชสมภพ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาประชาธิปกฯ พระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว, นิทรรศการ “เพราะเป็นเด็กจึงเจ็บปวด”, นิทรรศการจุดประกายฝัน “10 ปี ทีเคพาร์ค 1 ทศวรรษการอ่านของสังคมไทย”, นิทรรศการวรรณกรรมแห่งชาติ, MUSE PASS เทรนด์สนุกบุกพิพิธภัณฑ์, นิทรรศการหนังสือดีเด่น ปี 2558 และกิจกรรมน่าสนใจอีกมากมายตลอด 12 วัน