'ปรีดิยาธร'ออกโรงต้านนโยบายจำนำข้าว
"ปรีดิยาธร"ออกโรงค้านนโยบายจำนำข้าว หวั่นขาดทุน 2.5 แสนล้านบาท เปิดทางคู่แข่งแย่งตลาด ฉุดไทยพลาดแชมป์ส่งออก
ม.ร.ว.ปรีดิยาธร เทวกุล อดีตผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เปิดเผยว่า จากการศึกษาข้อมูลสถิติโครงการรับจำนำข้าวย้อนหลังกว่า 30 ปี พบว่า โครงการรับจำนำข้าวเปลือกปี 2554/2555 ซึ่งรัฐบาลประกาศว่าจะรับจำนำข้าวนาปีทั้งหมด แต่เชื่อว่าคงต้องรับจำนำข้าวนาปรังด้วยนั้น คาดว่าจะมียอดการผลิตข้าวนาปีและนาปรังมากกว่า 32 ล้านตัน แต่จากปัญหาอุทกภัย อาจทำให้ผลผลิตลดเหลือประมาณ 30 ล้านตัน และจากการที่กำหนดราคาจำนำสูงกว่าราคาตลาดมาก จึงน่าจะมีผู้นำข้าวมาจำนำไม่น้อยกว่า 90% หรือ 27 ล้านตัน
อย่างไรก็ตาม การที่รัฐต้องถือข้าวจำนวนมหาศาล จะส่งผลให้ราคาตกต่ำ รวมถึงผลกระทบจากความล่าช้าในการระบายข้าว จะส่งผลให้ข้าวเสื่อมคุณภาพ และราคาตกต่ำเช่นกัน
“ผมยังเชื่อว่าการออกใบประทวนปลอม และการร่วมมือระหว่างนักการเมืองกับพ่อค้า ในการประมูลซื้อข้าวจากหน่วยงานของรัฐ คงหมดไปได้ยาก ดังนั้นยอดความสูญเสียที่จะเกิดขึ้นจึงไม่น่าจะเป็นเพียง จำนวนรับจำนำ 27 ล้านตัน คูณด้วยผลต่างของราคาจำนำกับราคาตลาด ที่ตันละ 5,000 บาท หรือ 135,000 ล้านบาท แต่คงจะมากกว่านี้ แต่เชื่อว่าเมื่อรวมความเสียหายจากทุกสาเหตุคงไม่ต่ำกว่า 2.5 แสนล้านบาท” ม.ร.ว.ปรีดิยาธร กล่าว
ส่วนการที่รัฐบาลจะผลักดันราคาในตลาดโลกให้สูงขึ้นในปีหน้านั้น ไม่น่าจะดำเนินการได้ เพราะผลผลิตข้าวแหล่งอื่นๆ ไม่ได้ลดลง และผลผลิตข้าวสาลีของโลกในช่วงนี้มีปริมาณเพิ่มขึ้นมาก ซึ่งจะฉุดราคาข้าวทางอ้อม
ทั้งนี้ การที่ข้าวเกือบทั้งหมดในตลาดอยู่ในมือรัฐบาล จะส่งผลให้เอกชนไม่มีข้าวสำหรับค้าขายและส่งออก ต้องรอการขายข้าวจากรัฐบาล และจะไม่ทันประเทศคู่แข่งเช่น เวียดนาม และอินเดีย ซึ่งเท่ากับว่าเปิดโอกาสให้คู่แข่งแย่งตลาด และจะส่งผลต่อปริมาณการส่งออก
ส่วนแผนการระบายข้าวที่ระบุว่าจะใช้ระบบหมุนเวียนระบายทันทีที่รับจำนำ จะไม่ช่วยแก้ปัญหา เพราะตลาดรับรู้ว่าไทยต้องการขายข้าวจึงรอกดราคา วิธีการนี้จึงไม่ได้แก้ปัญหา และไม่ทำให้ภาพรวมการระบายข้าวรัฐได้กำไร เมื่อเทียบกับมูลค่าที่รับจำนำมาจากชาวนาเฉลี่ยตันละ 15,000 บาท แต่เมื่อขายออกคงจะขาดทุนอย่างต่ำ 1.5 แสนล้านบาท เพราะจากการพิจารณาสถิติ ในช่วงปี 2524/2525 จนถึงปี 2547 พบว่า ราคารับจำนำไม่เคยสูงกว่าราคาตลาด
“ผมติดตามเรื่องนี้ด้วยความทุกข์ใจว่า จะต้องทนมองนักการเมืองบางคนที่ไร้คุณธรรม ผลักดันโครงการที่ก่อให้เกิดความสูญเสียทางการเงินแก่ประเทศชาติครั้งใหญ่ ที่สุด โดยไม่สามารถจะหยุดยั้งได้ แต่ยังมีความหวังอยู่ที่บุคคลสองคนที่ผมรู้จัก พื้นเพพอควร และเป็นสองคนที่โดยหน้าที่ต้องเป็นผู้ขับเคลื่อนโครงการนี้ คือ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง จากการติดตามสถานการณ์ทราบว่ารัฐมนตรีทั้งสองคน ไม่ได้เป็นต้นคิด แต่ผู้ที่ผลักดันเป็นระดับเฮฟวี่เวทของพรรคที่อาศัยอยู่ในประเทศไทย แต่ยังไม่สามารถทำงานการเมืองได้" ม.ร.ว.ปรีดิยาธร กล่าว
อย่างไรก็ตาม ยืนยันว่าโครงการนี้สามารถแก้ไขได้ ส่วนวิธีการแก้ไขนั้น ต้องถามว่าพร้อมจะดำเนินการหรือไม่ เพราะมีวิธีการที่จะทำให้ชาวนามีรายได้ดี ยังคงระบบการค้าเสรีไว้ ป้องกันเหลือบมาเกาะหลังชาวนา จะเห็นว่าในต่างประเทศไม่ใช้ทั้งวิธีจำนำหรือประกันรายได้ .